ตอนที่แล้วบทที่ 11 เพื่อนสนิทของภรรยา (ตอนกลาง)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 13 คนตายฟื้นคืนชีพ

บทที่ 12 เพื่อนสนิทของภรรยา (ตอนจบ)


เสิ่นเฟยกับโจวหลิงฟางมองไปที่หานหมิงด้วยความตกตะลึง

ในขณะที่หานหมิงเอามือปิดหน้า สะอื้นด้วยความเจ็บปวด

ไม่แน่ใจว่าเขารู้สึกสำนึกผิดที่ฆ่าไป๋ปิง หรือเพราะความรักที่เขามีต่อไป๋ปิงนั้นไม่อาจแสดงออกได้เต็มที่จนทำให้เขาเจ็บปวดและโทษตัวเอง

“แล้วหลังจากนั้นล่ะ?” เสิ่นเฟยขมวดคิ้วถาม

หานหมิงค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ใบหน้าของเขาซีดเผือด และเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ริมฝีปากของเขาขยับพูดอย่างแผ่วเบา “หลังจากนั้น...”

...

เมื่อรุ่งอรุณของวันใหม่ แสงแดดส่องเข้ามาในห้องนอน

หานหมิงเป็นคนแรกที่ตื่นขึ้นจากการหลับไหล

เขารู้สึกเหมือนเขาฝันยาวนานมาก ในความฝันนั้นเขาตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่ง

เพื่อแสดงความรักอันบ้าคลั่ง เขาฆ่าเธอ

เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกที่ไร้สาระ

บางทีอาจเป็นเพราะเขาอัดอั้นใจเรื่องลู่ชุนเหมยเกินไปในช่วงนี้

นั่นจึงทำให้เขาฝันแปลกๆ และน่ากลัว

ในขณะที่เขากำลังจะหัวเราะเยาะตัวเองที่ฝันแบบนี้

กลับพบกับความจริงอันน่าตกใจ เมื่อตรงกลางเตียง มีผู้หญิงคนหนึ่งนอนเปลือยเปล่าอยู่

ผิวของเธอสวยงามดั่งเครื่องเคลือบ

รูปร่างของเธอมีเสน่ห์ยิ่งกว่ารูปปั้นเทพีวีนัส

เธอหลับตา ผมของเธอยาวสลวยปกคลุมหมอน

ตัดกับผิวพรรณขาวราวหิมะของเธออย่างชัดเจน

แต่ที่คอของเธอกลับมีรอยช้ำสองรอย

หน้าอกของเธอไม่มีการขยับขึ้นลงใดๆ

เธอ...ไม่มีลมหายใจแล้ว

หานหมิงตกใจมาก ฉากเมื่อคืนนี้ก็ถาโถมเข้ามาในหัวของเขา

ไป๋ปิง ตายอยู่บนเตียงในบ้านของเขาจริงๆ

และฆาตกรก็คือตัวเขาและภรรยาของเขาเอง

ในตอนนั้นเขาเหลือบไปเห็นภรรยาของเขา ลู่ชุนเหมย กำลังนอนขดตัวอยู่ที่อีกฝั่งของเตียง

เธอตื่นขึ้นมาแล้ว และกำลังมองศพของไป๋ปิงด้วยดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“ชุนเหมย...พวกเราฆ่าคนแล้ว”

หานหมิงพูดเสียงสั่นเครือ

ใบหน้าของลู่ชุนเหมยเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำในทันที

เธอกัดริมฝีปากแน่น จมูกขยับขึ้นลง และร่างกายของเธอก็สั่นระริก

ชัดเจนว่าเธอกำลังหวาดกลัว

ไม่เพียงแต่จากศพตรงหน้า แต่ยังมาจากประสบการณ์อันสยดสยองในช่วงวันที่ผ่านมา

“ที่รัก พวกเราทำอะไรลงไปกัน?” ลู่ชุนเหมยถามด้วยน้ำเสียงแตกสลาย

เธอยกมือขึ้นปิดหน้า และเริ่มร้องไห้อย่างไม่อาจกลั้นได้

“ชุนเหมย ใจเย็นๆ ให้ผมคิดก่อน ให้ผมคิด...”

หานหมิงพูดพึมพำกับตัวเอง

พวกเขาฆ่าคนแล้ว!

พวกเขายังไม่ถึงอายุ 30 เพิ่งแต่งงานได้เพียงสองปี และยังไม่มีลูก

หากพวกเขามอบตัว ชีวิตของพวกเขาคงจะจบสิ้น

ไม่ได้ ไม่สามารถแจ้งตำรวจได้!

ใช่ พวกเขาจะไม่แจ้งตำรวจ แต่จะหาทางจัดการกับศพให้เรียบร้อย

ไม่มีใครรู้ว่าไป๋ปิงมาที่บ้านของพวกเขา

ตราบใดที่พวกเขาจัดการอย่างเงียบเชียบ ก็จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้

หานหมิงพยายามบังคับตัวเองให้ใจเย็นลง

“ชุนเหมย หยุดร้องไห้ มาช่วยผมเร็ว” หานหมิงตะโกนออกมา เพื่อให้ตัวเองมีความกล้ามากขึ้น

ลู่ชุนเหมยที่ถูกเขาตะโกนใส่ก็หยุดร้องในทันที และถามด้วยความตกใจ “ที่รัก คุณจะทำอะไร?”

“ช่วยผมห่อศพด้วยผ้าปูที่นอนก่อน แล้วเอาไปซ่อนไว้ใต้เตียง คืนนี้ผมจะหาที่ฝังศพให้ พอถึงเวลานี้ปีหน้า ร่างของเธอก็จะย่อยสลายไปเป็นดินแล้ว”

หานหมิงพูดอย่างใจเย็น

“ฝังศพเหรอ?”

“ใช่ รีบช่วยกัน อย่าชักช้า ไม่งั้นเราสองคนต้องโดนโทษประหารแน่!”

“ฉัน...”

ภายใต้แรงกดดันของหานหมิง ลู่ชุนเหมยจึงรวบรวมความกล้า

ทั้งสองคนช่วยกันห่อร่างของไป๋ปิงด้วยผ้าปูที่นอน และซ่อนไว้ใต้เตียง

หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว

หานหมิงจับไหล่ของลู่ชุนเหมยและพูดด้วยเสียงหนักแน่น “ชุนเหมย จำไว้ว่าทุกอย่างไม่เคยเกิดขึ้น คุณไปทำงานตามปกติ ผมก็ขับรถตามปกติ

คืนนี้ คุณออกไปกินข้าวนอกบ้าน ดูหนังสักเรื่อง แล้วรอโทรศัพท์ผม”

ลู่ชุนเหมยพยักหน้า

จากนั้นเธอก็พูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า “ที่รัก ฉัน...ฉันรู้สึกว่านี่มันเป็นเหมือนฝัน ฉันเหมือนถูกหลอกหลอน ไป๋ปิง ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวมาก...”

หานหมิงกอดเธอไว้ ลูบหลังของเธอเพื่อปลอบใจ “ไม่เป็นไรแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว ทุกอย่างจบแล้ว อีกไม่กี่เดือนเราจะขายบ้านหลังนี้ แล้วย้ายไปอยู่ที่อื่นกัน”

“ที่รัก ฉันยังกลัวอยู่เลย”

“ไม่ต้องกลัว ทุกอย่างจะดีขึ้น”

ในตอนกลางคืน หานหมิงทำงานกะกลางคืน

หลังจากวิ่งรับส่งลูกค้าได้สองชั่วโมง จนถึงเกือบสี่ทุ่ม เขาก็ขับรถกลับบ้าน

เมื่อเขาจอดรถแท็กซี่ที่หน้าตึก เขาก็ขึ้นไปบนตึกอย่างช้าๆ

และฟังเสียงจากห้องของเพื่อนบ้านอย่างระมัดระวัง

ที่นี่เป็นตึกเก่า ผู้คนส่วนใหญ่ในละแวกนี้เป็นคนชรา

พวกเขามักจะนอนหลับเร็ว ซึ่งเป็นเหตุผลที่หานหมิงเลือกเวลาหลังสี่ทุ่มเพื่อลงมือ

เมื่อเขามาถึงหน้าประตูบ้านชั้นสี่ หานหมิงสูดหายใจเข้าลึก

หยิบกุญแจออกมาและค่อยๆ เปิดประตูเข้าไป

ในบ้านไฟทุกดวงเปิดไว้หมด

นั่นเป็นการเตรียมการที่เขาทำไว้ตั้งแต่เช้า

เขาไม่มีความกล้าที่จะกลับบ้านตอนกลางคืนและต้องมาเปิดไฟเองทีละดวง

ภายในบ้านเงียบสงัด ไม่มีเสียงใดๆ

มีเพียงเสียงหึ่งๆ เบาๆ จากตู้เย็นในครัว ซึ่งมาจากเครื่องทำความเย็น

จากประตูบ้านไปยังห้องนอนนั้นมีเพียงไม่กี่เมตร

แต่สำหรับหานหมิงแล้ว มันเหมือนกับว่าใช้เวลานานเป็นศตวรรษ

เหงื่อชุ่มไปทั้งเสื้อผ้า

ในที่สุด เขาก็ลากศพของไป๋ปิงออกมาจากใต้เตียง

ไป๋ปิง สูงประมาณหนึ่งเมตรเจ็ดสิบ หนักประมาณห้าสิบกิโลกรัม เป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างสมส่วนมาก

ด้วยร่างกายของหานหมิง เขาสามารถแบกของหนักห้าสิบกิโลกรัมได้โดยไม่มีปัญหา

แต่เมื่อเผชิญหน้ากับศพของไป๋ปิง เขากลับรู้สึกเหมือนมันหนักเหลือเกิน

เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีเพื่อแบกศพของไป๋ปิงขึ้นมา

เมื่อออกจากบ้าน เขาตรวจดูอีกครั้งว่าไม่มีเสียงหรือการเคลื่อนไหวจากเพื่อนบ้านแถวนั้น

ด้วยหัวใจที่เต้นแรงและความระแวง เขาลากศพของไป๋ปิงลงบันไดมาได้อย่างปลอดภัย และนำไปใส่ไว้ในท้ายรถแท็กซี่ของเขา

จากนั้นหานหมิงรีบขับรถออกจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว

สถานที่ฝังศพที่เขาเลือกไว้นั้นอยู่ทางตอนใต้ของเมืองซินเฉิง เป็นบริเวณพื้นที่เกลือแห้งที่รกร้างและแห้งแล้ง

ปกติไม่ค่อยมีใครมาแถวนี้ ถือว่าเป็นสถานที่ฝังศพที่เหมาะสมที่สุด

เขาขับรถมาจนถึงจุดที่ลึกที่สุดของพื้นที่เกลือแห้งนี้

จากนั้นเขาหยิบจอบที่เตรียมไว้แล้วและถอดเสื้อออก เขาขุดหลุมขนาดสองเมตรลึกลงไปโดยใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง

สภาพดินในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนชุ่มชื้นและนุ่ม ทำให้การขุดค่อนข้างง่าย

หลังจากขุดหลุมเสร็จ หานหมิงก็นำศพของไป๋ปิงลงไปฝังในหลุม

เขาไม่หยุดพัก หยิบจอบขึ้นมาแล้วกลบหลุมด้วยดินทั้งหมดที่ขุดออกมา

จากนั้นเขาก็ใช้เท้าเหยียบดินให้แน่น และจัดเก็บจอบ

เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติ เขาจึงวางกิ่งไม้แห้งและหญ้าแห้งไว้บนหลุม

เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น เขากลับไปที่ถนนเพื่อจอดรถไว้

เขากลับไปที่จุดฝังศพอีกครั้ง เพื่อทำการกวาดลบลอยล้อรถและรอยเท้าของเขาให้หายไป

หลังจากที่เขาลบลอยได้อย่างสมบูรณ์แบบ หานหมิงก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งใจ

เขาขับรถกลับไปที่เมืองซินเฉิง

ระหว่างทางกลับ เขาโทรหาลู่ชุนเหมย

ลู่ชุนเหมยเพิ่งดูหนังเสร็จและกำลังรอเขาอยู่ที่ห้างว่านต้าในตัวเมือง

เมื่อทั้งคู่เจอกัน หานหมิงพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ ว่า “ชุนเหมย ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว กลับบ้านกันเถอะ”

“ที่รัก เราไปพักที่อื่นสักสองสามวันก่อนดีไหม ฉันกลัวที่จะกลับบ้าน” ลู่ชุนเหมยพูดด้วยความหวาดกลัว

หานหมิงไม่ขัดข้อง จริงๆ แล้วเขาเองก็ไม่กล้ากลับบ้าน เพราะที่นั่นเป็นสถานที่เกิดเหตุฆาตกรรม

ทั้งคู่จึงไปพักที่โรงแรมราคาถูกแห่งหนึ่งและอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสองสามวัน

หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็กลับบ้าน

พวกเขาตกลงกันว่าจะไม่พูดถึงเรื่องของไป๋ปิงอีก

ทั้งคู่ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม

พวกเขาคิดว่าชีวิตที่สงบสุขจะดำเนินไปเรื่อยๆ เช่นนี้ และผู้หญิงที่ชื่อไป๋ปิงจะค่อยๆ หายไปจากความทรงจำของพวกเขา

แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เพียงแค่หนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น

ในขณะที่หานหมิงกำลังทำงานอยู่ เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากลู่ชุนเหมย

“ที่รัก…เธอ...เธอมาเดินซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตอีกแล้ว…”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด