ตอนที่ 508 ถ้าผมสามารถเพิกเฉยต่อกฎข้อนี้ได้ล่ะ?
ในตอนแรก เย่เฉิน ต้องการให้หัวหน้าของสำนักงานกฎหมาย ซุนเหิง ไปติดต่อสำนักงานนักสืบเอกชนที่เก่งที่สุด และมีชื่อเสียงที่สุดในหางโจวเพื่อสืบสวนเรื่องนี้แบบลับๆ
ซึ่งจะดีที่สุดถ้าได้ติดต่อกับเจ้าของสำนักงานนักสืบเอกชนโดยตรง
แม้ว่าสำนักงานกฎหมาย ซุนเหิง จะมีความคุ้นเคยกับสำนักงานนักสืบเอกชนหลายแห่งในประเทศ แต่เนื่องจากการลักพาตัวเกิดขึ้นในหางโจว การหานักสืบเอกชนท้องถิ่นจึงน่าจะเหมาะสมกว่า
และเมื่อจะสืบสวน ก็ควรเลือกใช้สำนักงานที่เก่งที่สุด และดีที่สุด
แต่ เย่เฉิน ไม่คาดคิดเลยว่า หัวหน้าของสำนักงานกฎหมาย ซุนเหิง จะปฏิเสธเขาจริงๆ
“ท่านประธานเย่ คุณอย่าเพิ่งโกรธครับ ช่วยผมฟังก่อน”
หลังจากปฏิเสธ เย่เฉิน หัวหน้าสำนักงานกฎหมาย ซุนเหิง รีบอธิบายว่า :
“ท่านประธานเย่ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากติดต่อ แต่ผมไม่รู้จักเจ้าของสำนักงานนักสืบแห่งนั้นเลย”
“ไม่สิ.. ผมติดต่อพวกเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ”
“ท่านประธานเย่ ไม่ใช่แค่ผมนะครับ ทั้งหางโจวอาจจะไม่มีใครรู้จักเจ้าของสำนักงานนักสืบเอกชนแห่งนั้นด้วยซ้ำ”
เมื่อหัวหน้าของสำนักงานกฎหมาย ซุนเหิง พูดอย่างนั้น เย่เฉิน ก็ยิ่งประหลาดใจมากขึ้น
ไม่มีใครรู้จักในทั้งหางโจวเลย?
“บอสครับ สำนักงานนักสืบเอกชนที่เก่งที่สุด และมีชื่อเสียงที่สุดในหางโจวชื่อว่า ‘เทียนเซี่ยอู๋จง(‘天下无踪’, ไร้ร่องรอยในใต้หล้า)’ และมันก็เป็นสำนักงานนักสืบเอกชนที่ลึกลับที่สุดในหางโจวด้วยเช่นกัน”
“ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าของเป็นใคร”
สำนักงานนักสืบเอกชนแห่งนี้ถือว่าเป็นอุตสาหกรรมที่อยู่ในเขตพื้นที่ ‘สีเทา’ ซึ่งทำให้สำนักงานนักสืบ ‘เทียนเซี่ยอู๋จง’ นั้นยิ่งมีความลึกลับเข้าไปอีก
“ผมรู้เพียงแค่ที่อยู่ของสำนักงานนักสืบนี้เท่านั้นครับ”
“คุณส่งตำแหน่งมาให้ผม ผมจะไปดูเอง”
หลังจากวางสาย เย่เฉิน ได้รับข้อความจากหัวหน้าของสำนักงานกฎหมาย ซุนเหิง ในเวลาไม่นาน
เย่เฉิน ตามแผนที่นำทางไป และในที่สุดก็หาที่ตั้งของสำนักงานนักสืบเอกชน ‘เทียนเซี่ยอู๋จง’ เจอ
สำนักงานนักสืบเอกชน ‘เทียนเซี่ยอู๋จง’ ตั้งอยู่ที่ชั้นบนสุดของอาคารสำนักงาน ดูจากภายนอกแล้วก็ไม่มีอะไรพิเศษ
เมื่อ เย่เฉิน เข้าไปในสำนักงาน เขากลับถูกพนักงานขัดขวางไว้
“ขอโทษครับ ที่นี่ไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้า”
พนักงานพูดอย่างสุภาพ
“ผมมีเรื่องสำคัญต้องคุยกับหัวหน้าของพวกคุณ และมันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก..”
เย่เฉิน พูดขึ้น
“เอ่อ... ได้ครับ เชิญตามผมมา”
พนักงานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นบุคลิกที่ไม่ธรรมดาของ เย่เฉิน แล้วก็ยอมพาเขาเข้าไป
พนักงานพา เย่เฉิน ไปที่ห้องประชุมขนาดเล็ก ก่อนจะไปเชิญบุคคลที่รับผิดชอบมาคุย
ไม่นาน ชายคนหนึ่งอายุประมาณสามสิบเดินเข้ามา
“ฉันชื่อ หม่า เทียนกง รองผู้จัดการของที่นี่ คุณมีเรื่องอะไร?”
หม่า เทียนกง นั่งลงตรงข้าม เย่เฉิน และพูดจาอย่างหยิ่งผยอง
“ผมต้องการให้สำนักงานนักสืบ ‘เทียนเซี่ยอู๋จง’ ของพวกคุณช่วยสืบสวนเรื่องหนึ่ง”
เย่เฉิน อธิบายความตั้งใจของตัวเอง
“ไม่ได้”
หม่า เทียนกง ส่ายศีรษะ
“ที่นี่เรารับเฉพาะสมาชิก และเราจะทำงานให้เฉพาะสมาชิกของเราเท่านั้น”
“สมาชิกเหรอ รับงานเฉพาะสมาชิก?”
เย่เฉิน พึมพำเบาๆ
“แล้วทำยังไงผมถึงจะเป็นสมาชิกของพวกคุณ?”
“แค่ทำธุรกรรมกับเราครั้งแรกก็จะได้รับการอัปเกรดเป็นสมาชิกโดยอัตโนมัติ”
หม่า เทียนกง ตอบ
คำตอบนี้ทำให้ เย่เฉิน ถึงกับพูดไม่ออก
ถ้าจะทำธุรกรรมกับพวกเขาก็ต้องเป็นสมาชิก แล้วจะเป็นสมาชิกได้อย่างไร ก็ต้องทำธุรกรรมกับพวกเขา?
แบบนี้มันไม่ใช่ว่าวนลูปเหรอ?
“ฉันอาจจะพูดไม่ชัดเจน”
หม่า เทียนกง เสริมว่า :
“ครั้งแรกที่ทำธุรกรรมกับเราจะต้องมีสมาชิกของสำนักงานเราเป็นคนแนะนำ หลังจากทำธุรกรรมครั้งแรกเสร็จ คุณจะได้รับการอัปเกรดเป็นสมาชิกของเรา ‘เทียนเซี่ยอู๋จง’ โดยอัตโนมัติ”
ต้องให้สมาชิกแนะนำ?
เย่เฉิน ครุ่นคิด เขาไม่รู้จักสมาชิกของสำนักงานนักสืบแห่งนี้เลย ถ้าจะไปหาสมาชิก ก็คงต้องใช้เวลาไม่น้อย
แต่พรุ่งนี้เขาต้องไปมหาวิทยาลัยการเซี่ยงไฮ้แล้ว ไม่มีเวลามากขนาดนั้น
เย่เฉิน พลันคิดถึงทางออกที่ง่าย และเร็วที่สุดในการแก้ปัญหานี้ในคราวเดียวได้
“อย่าเสียเวลาฉันอีกเลย ถ้าไม่มีสมาชิกแนะนำ เราจะไม่ทำธุรกรรมครั้งแรกกับคุณแน่นอน”
หม่า เทียนกง เตรียมไล่ เย่เฉิน ออกจากห้อง
“นี่คือกฎของเรา”
“กฎเหรอ แล้วถ้าผมสามารถเพิกเฉยต่อกฎข้อนี้ได้ล่ะ?”
เย่เฉิน ถามกลับ
“เพิกเฉยกฎ ฮ่าฮ่าๆ”
หม่า เทียนกง เหมือนกับได้ยินเรื่องตลกที่ตลกที่สุดในชีวิต
“คุณคิดว่าคุณเป็นใคร? เพิกเฉยต่อกฎของเราได้? คุณคิดว่าคุณเป็นเจ้านายเราเหรอ?!!”
หม่า เทียนกง พลันถาม เย่เฉิน อย่างเย้ยหยัน
ในสำนักงานนักสืบนี้ ไม่มีใครเลยนอกจากเจ้าของที่ลึกลับของสำนักงานที่จะสามารถเพิกเฉยต่อกฎได้ ไม่แม้แต่ผู้บริหารระดับสูงก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเพิกเฉยต่อกฎใดๆ
“ตอนนี้ผมอาจไม่ใช่เจ้านายของพวกคุณ แต่ในอีกไม่กี่วินาที ผมจะเป็น..”
เย่เฉิน พูดขณะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
ใช่แล้ว.. เย่เฉิน กำลังตั้งใจจะซื้อสำนักงานนักสืบ ‘เทียนเซี่ยอู๋จง’ แห่งนี้
การมีสำนักงานนักสืบเป็นของตัวเอง สำหรับ เย่เฉิน เป็นเรื่องสำคัญสำหรับการจัดการเรื่องต่างๆ และการหาข้อมูลในอนาคต
และในเมื่อสำนักงานนักสืบ ‘เทียนเซี่ยอู๋จง’ นี้เป็นสำนักงานที่เก่งที่สุด และลึกลับที่สุดในหางโจวนี้ก็เหมาะที่สุด งั้นก็ซื้อไปเลย!
เย่เฉิน มีการ์ดที่ชื่อว่า [การ์ดบังคับซื้อมูลค่าหมื่นล้าน] อยู่ในมือ
และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะใช้มันแล้ว
เย่เฉิน เปิดเกม [ด้วยเงินเดือนแค่สามพัน ฉันก็กลายเป็นมหาเศรษฐีของโลกได้] และค้นพบ [การ์ดบังคับซื้อมูลค่าหมื่นล้าน]
เย่เฉิน คลิกเข้าไป และป้อนชื่อ ‘สำนักงานนักสืบ ‘เทียนเซี่ยอู๋จง’’ ลงไป
“อีกไม่กี่วินาที?”
หม่า เทียนกง ทบทวนคำพูดของ เย่เฉิน และปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยันขึ้นบนใบหน้าของเขา
“คุณหมายความว่าจะซื้อสำนักงานนักสืบของเราเหรอ? คุณนี่สุดยอดจริงๆ”
“ยังไม่ต้องพูดถึงว่าคุณมีเงินพอหรือเปล่า แต่..คุณรู้จักเจ้านายของเราหรือ?”
หม่า เทียนกง ส่ายศีรษะ
เจ้าของของสำนักงานนี้ลึกลับมาก แม้แต่ตัวเขาเองในฐานะรองผู้จัดการยังไม่รู้ว่าเจ้าของเป็นใคร เพราะเจ้าของติดต่อเฉพาะกับผู้จัดการเพียงคนเดียวเท่านั้น
แต่ตอนนี้ เด็กหนุ่มอายุประมาณยี่สิบปีคนนี้กลับบอกว่าจะซื้อสำนักงานนักสืบของพวกเขา คุณคิดว่า.. น่าขำไหมล่ะ?!!
[ติ๊ง]
[เข้าซื้อกิจการสำนักงานนักสืบ ‘เทียนเซี่ยอู๋จง’ สำเร็จ]
[ยอดคงเหลือของการ์ดบังคับซื้อมูลค่าหมื่นล้าน : 3.3 พันล้าน]
หลังจากที่ เย่เฉิน ป้อนข้อมูลลงไปเพียงสองวินาที เขาก็ได้รับข้อความแจ้งเตือน
ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป สำนักงานนักสืบ ‘เทียนเซี่ยอู๋จง’ ก็เป็นของ เย่เฉิน แล้ว นี่แหละคือ อำนาจของเงิน
ยิ่งไปกว่านั้น เย่เฉิน ประหลาดใจที่ระบบเกมนี้ใช้งานได้อย่างสะดวก ทั้งยังใส่ใจรายละเอียด
การซื้อสำนักงานนักสืบครั้งนี้ใช้เงินไปเพียง 6.7 พันล้านเท่านั้น ยังคงเหลืออีก 3.3 พันล้าน ซึ่งไม่ได้หายไป
ยอดเยี่ยมมาก!
ดูเหมือนว่า [การ์ดบังคับซื้อมูลค่าหมื่นล้าน] นี้จะไม่ใช่การ์ดที่ใช้ครั้งเดียว แต่สามารถใช้ได้จนกว่าจะครบวงเงิน ‘หมื่นล้าน’
เกมนี้เข้าใจคิดจริงๆ!
“ไอ้หนู เลิกเพ้อฝันได้แล้ว คิดว่าตัวเองเป็นใคร? คุณน่ะ.. ไม่รู้จักเจ้าของเรา แถมยังคิดจะซื้อสำนักงานเราอีก?”
“ถ้าคุณยังไม่หยุด ฉันจะเรียกคนมาลากคุณออกไป”
หม่า เทียนกง ลุกขึ้นมอง เย่เฉิน อย่างดุดันพร้อมกับข่มขู่
นี่คือเขาคิดจะซื้อสำนักงานนักสืบ ‘เทียนเซี่ยอู๋จง’ จริงๆ เหรอ? คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?!
ไอ้หนุ่มนี่ดี ดีจริงๆ มันพูดโม้โดยไม่ต้องร่าง(คิด)คำพูดด้วยซ้ำ