ตอนที่ 507 ความลับที่ เย่เฉิน ไม่อยากให้ ซู หนิงซวง รู้
ตอนที่ เย่เฉิน ส่ง ซู หนิงซวง กลับ เขาอ้างว่าต้องกลับไปที่เจียงโจวเพื่อเอาของบางอย่าง เลยไม่ได้กลับเซี่ยงไฮ้พร้อมกับเธอ
แต่ความจริงคือ เย่เฉิน ต้องกลับไปที่เจียงโจวหลังจากนี้ ส่วนตอนนี้เขาต้องไปอีกที่หนึ่ง ..เสียก่อน
สถานที่ที่ เย่เฉิน ไม่อยากให้ ซู หนิงซวง รู้ว่าเขาไป!
หลังจากผ่านไปประมาณ 30 นาที เย่เฉิน ก็มาถึงสถานที่นี้
ถ้า ซู หนิงซวง อยู่กับเขา เธอจะต้องตกใจ และร้องอุทานขึ้นมาอย่างแน่นอนว่า - ที่นี่ไม่ใช่บ้านตระกูลซูที่เราพึ่งออกมาหรอกหรือ?!
ความลับที่ เย่เฉิน ไม่อยากให้ ซู หนิงซวง รู้ว่าสถานที่ที่เขามาก็คือ บ้านตระกูลซูนั่นเอง!
เย่เฉิน จอดรถ และเดินตรงเข้าไปในบ้านตระกูลซู จากนั้นก็เดินตรงมุ่งหน้าไปยังห้องหนังสือของ ชายชราตระกูลซู อย่างคุ้นเคย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เข้ามาได้”
เสียงของ ชายชราตระกูลซู ดังมาจากในห้องหนังสือ
เย่เฉิน เปิดประตู และเดินเข้าไป
เมื่อเห็น เย่เฉิน ชายชราตระกูลซู พลันมีสีหน้าที่ดูซับซ้อนขึ้นมา
“ในที่สุด เธอก็มาจนได้นะ…”
คุณปู่ซู พูดอย่างมีนัยบางอย่าง
“คุณปู่ซู เหมือนจะมีบางอย่างที่อยากบอกผม แต่ก็ไม่ได้พูดออกมาต่อหน้าคนอื่นๆ ใช่ไหมครับ?”
เย่เฉิน เปิดประเด็นขึ้นมา
ก่อนหน้านี้ตอนที่ เย่เฉิน ออกจากบ้านตระกูลซู คุณปู่ซู เหมือนจะต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา
ด้วยการสังเกตอย่างละเอียด เย่เฉิน จับสังเกตได้ว่า คุณปู่ซู น่าจะไม่อยากพูดต่อหน้าคนเยอะๆ ดังนั้นเขาจึงหาโอกาสมาพบ คุณปู่ซู ตามลำพัง
“ไม่แปลกใจเลยที่เธอกลายเป็นบุคคลที่ตระกูลหนิง, ถัง เจิ้นซาน และคนอื่นๆ ต่างยกย่อง”
คุณปู่ซู ถอนหายใจ เพราะในขณะที่มีคนอยู่มากมาย มีเพียง เย่เฉิน เท่านั้นที่สังเกตเห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ นี้
จริงๆ แล้ว คุณปู่ซู กำลังรู้สึกสับสนในใจว่าอยากจะคุยกับ เย่เฉิน หรือไม่ แต่ตอนนี้ในเมื่อ เย่เฉิน มาแล้ว คุณปู่ซู ก็ตัดสินใจพูดคุยกัน
คุณปู่ซู ลุกยืนขึ้นแล้วเดินไปที่ประตูห้องหนังสือ เพื่อตรวจสอบรอบๆ อย่างรอบคอบ เมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ เขาจึงปิดประตูห้องหนังสือ
เมื่อเห็นการกระทำนี้ เย่เฉิน ก็เริ่มจริงจังขึ้นเช่นกัน
“เสี่ยวเฉิน เธอคิดอย่างไรกับเรื่องที่ฉันถูกลักพาตัว?”
หลังจากนั่งลงแล้ว คุณปู่ซู ก็ถามขึ้นอย่างมีนัยยะ
เย่เฉิน คิดสักครู่ก่อนจะตอบคำออกมาคำหนึ่ง :
“เหนือความคาดหมาย”
คำว่า ‘เหนือความคาดหมาย’ ของ เย่เฉิน นั้นไม่ได้หมายถึงแค่การที่ คุณปู่ซู ถูกลักพาตัวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการที่ คุณปู่ซู ถูกช่วยเหลืออย่างรวดเร็วอีกด้วย
“ถ้าย้อนกลับไปคิดดีๆ มันก็ดูแปลกๆ อยู่เล็กน้อยครับ”
เย่เฉิน เสริมขึ้นมา
เมื่อได้ยิน เย่เฉิน พูดเช่นนั้น คุณปู่ซู ก็พยักหน้า และเริ่มพูดถึงความกังวลของตน
“ฉันเองก็คิดอย่างนั้น หลังจากที่ถูกช่วยเหลือในช่วงสองวันที่ผ่านมาหลังเหตุการณ์ลักพาตัว ฉันได้คิดทบทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
คุณปู่ซู ได้ใช้เวลาวิเคราะห์สถานการณ์นี้อย่างละเอียด
“ฉันคิดไปถึงความเป็นไปได้ที่เลวร้ายอย่างหนึ่ง”
แม้ว่าเหตุการณ์ลักพาตัวจะจบลงแล้ว แต่ด้วยประสบการณ์มากมายของ คุณปู่ซู ในการบริหารตระกูลใหญ่ เขารู้ดีว่าบางครั้งเหตุการณ์ธรรมดาอาจมีนัยซ่อนอยู่ลึกๆ ดังนั้นเขาจึงมักจะวิเคราะห์ และมองหาความเป็นไปได้ที่แย่ที่สุดเสมอ
แม้ว่าในตอนนี้จะดูเหมือนว่าเหตุการณ์นี้เกิดจากความไม่พอใจของตระกูลจ้าวที่ต้องการแก้แค้น..
แต่หากคิดให้ลึกขึ้น คุณปู่ซู เห็นว่ามีบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล
ดังนั้นเขาจึงได้นึกถึงความเป็นไปได้ อีกอย่างหนึ่ง…
เย่เฉิน ถามด้วยความสงสัยว่า :
“คุณปู่ซู คิดว่าอะไรครับ?”
แม้ว่า เย่เฉิน จะมีกลโกงในมือ อีกทั้งเครือข่ายอำนาจ และทรัพย์สินที่กว้างขวาง แต่ประสบการณ์ของเขายังไม่เท่ากับ คุณปู่ซู ที่บริหารตระกูลใหญ่มาหลายสิบปี เย่เฉิน จึงอยากฟังความคิดเห็นของ คุณปู่ซู
“ฉันคิดว่า การลักพาตัวครั้งนี้อาจเป็นเพียงการส่งสัญญาณเตือน”
คำพูดของ คุณปู่ซู ทำให้ เย่เฉิน ถึงกับตกตะลึง
ส่งสัญญาณเตือน?
การวางแผนลักพาตัวหัวหน้าตระกูลซูอย่างใหญ่โตเช่นนี้ เพียงเพื่อเป็น ‘การเตือน’ งั้นหรือ?
นี่…
“ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น ทำไมฉันถึงถูกช่วยได้เร็วขนาดนี้ล่ะ?”
คุณปู่ซู วิเคราะห์
เขาถูกช่วยเหลือเร็วเกินไป ซึ่งทำให้เขาสงสัยว่าคนที่อยู่เบื้องหลังโจรลักพาตัวอาจไม่ใช่แค่ จ้าวอี้
แต่ จ้าวอี้ อาจเป็นเพียง ‘หุ่นเชิด’ ของใครบางคนหรือไม่?
ถ้าหาก จ้าวอี้ เป็นเพียง ‘หุ่นเชิด’ ที่ถูกทิ้ง การลักพาตัวครั้งนี้ก็อาจเป็นเพียงเพื่อต้องการเตือนตระกูลซู
หากเป็นกรณีนี้จริงๆ แสดงว่า ‘ผู้บงการ’ เบื้องหลังการลักพาตัวไม่เพียงไม่กลัว ตระกูลซู แต่ยังไม่หวั่นเกรง เย่เฉิน ด้วยซ้ำ!
ซึ่งเห็นชัดว่าอำนาจของผู้บงการผู้นั้นต้องไม่ต่ำกว่าตระกูลซู และเย่เฉิน ในปัจจุบันเป็นอย่างน้อย!
ท้ายที่สุดแล้ว หากคิดจะทำการเคลื่อนไหวใดๆ กับตระกูลซู ก็คงต้องสืบค้นสถานการณ์ของตระกูลซูอย่างละเอียด ความสัมพันธ์ระหว่าง เย่เฉิน กับตระกูลซูนั้นก็ไม่ใช่ความลับอะไร สามารถสืบหาได้ง่าย
“ถ้ามันเป็นคำเตือน ในไม่ช้า ตระกูลซู ก็น่าจะได้รับสัญญาณบางอย่างจากผู้บงการ”
คุณปู่ซู พูดเสริมขึ้นมา
ถ้านี่เป็นการเตือนจริงๆ ไม่นานนัก ตัวการเบื้องหลังก็จะใช้วิธีพิเศษในการบอกตระกูลซู ถึงสิ่งที่พวกเขาจำต้อง..‘ระวัง’ ในอนาคต
นี่คือความกังวลที่แท้จริงของ คุณปู่ซู
เขาไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับใครในตระกูล ไม่เว้นแม้แต่พ่อของ ซู หนิงซวง เพราะกลัวว่าจะทำให้คนในครอบครัวหวาดกลัว และเป็นกังวล
แต่ เย่เฉิน แตกต่างออกไป ตระกูลซูเริ่มค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นมาจากการตกต่ำได้ก็เพราะ เย่เฉิน.. ในใจของ คุณปู่ซู เย่เฉิน กับเขานั้นคล้ายกัน
ก่อนที่ เย่เฉิน กับซู หนิงซวง จะออกจากตระกูลซู คุณปู่ซู ได้ให้สัญญาณบางอย่างกับ เย่เฉิน ถ้า เย่เฉิน สามารถมาพบเขาได้ เขาจะบอกความกังวลของเขาให้ เย่เฉิน รู้ และให้ เย่เฉิน ช่วยสืบสวนด้วยกัน หาก เย่เฉิน ไม่เข้าใจสัญญาณนั้น เขาก็จะสืบเรื่องนี้เองอย่างลับๆ
“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตระกูลใหญ่ใดบ้างที่ไม่มีศัตรู?”
คุณปู่ซู ถอนหายใจ
มีหลายฝ่ายที่เป็นศัตรูกับตระกูลซู และนั่นก็ยังเป็นเพียงฝ่ายที่เปิดเผย ใครจะรู้ว่ามีฝ่ายที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดหรือไม่
“ผมเข้าใจถึงความกังวลของ คุณปู่ซู แล้วครับ”
เย่เฉิน พูดขึ้น
ถ้าหากเป็นอย่างที่ คุณปู่ซู พูดจริงๆ คนที่อยู่เบื้องหลังการลักพาตัวนี้กำลังส่งสัญญาณเตือนต่อ คุณปู่ซู และตระกูลซู ไม่ใช่เขา
“แน่นอนว่า เสี่ยวเฉิน นี่เองก็อาจเป็นแค่ทฤษฎีสมคบคิดของฉัน ฉันอาจกำลังคิดมากเกินไปหน่อย”
คุณปู่ซู ยิ้มออกมา ก่อนหน้านี้เขาก็แค่คาดเดาเท่านั้น
“คนแก่แล้วอย่างฉัน อาจจะระวังตัวเกินไป มักจะคิดเรื่องราวไปในทางที่แย่ที่สุดเสมอ”
ถ้าหากนี่เป็นการ ‘เตือน’ จริงๆ ก็ยังมีรายละเอียดบางอย่างที่ไม่สมเหตุสมผลอยู่..
“กันไว้ดีกว่าแก้ คุณปู่ซู ท่านไม่ได้คิดผิดหรอกครับ”
“ผมจะให้คนตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง”
เย่เฉิน พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับ คุณปู่ซู อยู่สักพัก ทั้งสองตกลงกันว่าจะไม่บอกเรื่องนี้ให้ใครรู้ จากนั้น เย่เฉิน ก็จากไปอย่างเงียบๆ
หลังจากออกจากตระกูลซูแล้ว เย่เฉิน ก็โทรหาผู้รับผิดชอบของสำนักงานกฎหมาย ซุนเหิง แต่หลังจากที่ เย่เฉิน พูดจบ เขากลับได้รับคำตอบที่ไม่คาดคิด…