ตอนที่ 37 ไม่ว่าผู้อยู่เหนือธรรมชาติจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็เทียบไม่ได้กับคลื่นซอมบี้
ตอนที่ 37 ไม่ว่าผู้อยู่เหนือธรรมชาติจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็เทียบไม่ได้กับคลื่นซอมบี้
ผ่านไปชั่วโมงกว่าๆ ถังจินชวนและทั้งสองคนก็ตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ เมื่อพวกเขาตื่นขึ้น ศีรษะของพวกเขาก็ปวดร้าวราวกับถูกของแข็งฟาดมาอย่างแรง ชายทั้งสองยังคงดูหวาดกลัวและมองไปรอบๆอย่างระมัดระวังเหมือนคนจิตตก
เห็นอย่างนั้นถังจินชวนก็บังคับตัวเองให้ยืนขึ้น เขาใช้ไขมันที่เหลือสร้างโล่ และเดินไปที่โกดังอย่างระมัดระวัง ทว่ามันกลับไม่มีอะไรเหลืออยู่ในโกดังเลยแม้แต่น้อย ร่างอ้วนของแม่แมงมุมกลายพันธุ์ได้หายไปไม่เหลือแม้แต่ซากของมัน ใยแมงมุมทั่วทั้งโกดังก็ถูกเผาจนมอดไหม้กลายเป็นจุล หากไม่มีเศษผงเหลืออยู่ตรงมุมห้อง ถังจินชวนคงจะคิดว่าสิ่งที่เขาเห็นมาทั้งหมดเป็นเพียงความฝันไปแล้ว
เนื่องจากว่าเขามองไม่เห็นธงค่ายกลที่ฉู่เสวียนได้ทำไว้ เพราะเพื่อความปลอดภัย ฉู่เสวียนได้เพิ่มค่ายกลเล็กๆ ให้กับธงค่ายกลทั้งหมด นั่นคือค่ายกลล่องหน เป็นเรื่องยากมากสำหรับสิ่งมีชีวิตธรรมดาที่แทบจะไม่มีพลังจิตวิญญาณจะมองเห็นค่ายกลเหล่านั้นผ่านตาเนื้อ ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วพวกเขาจึงไม่สามารถตรวจจับได้
ชายทั้งสองช่วยพยุงกันและกันให้ลุกขึ้น ก่อนจะเดินเข้ามาที่ด้านข้างของถังจินชวนด้วยท่าทางสั่นเทา แต่เมื่อเห็นโกดังที่ว่างเปล่า พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“พี่ถัง ดูเหมือนว่าเราจะเป็นหนี้บุญคุณของชายคนนั้น”
“ใช่ ถ้าเขาไม่กำจัดแม่แมงมุมกลายพันธุ์ไป เราคงตายไปนานแล้ว”
“ดูเหมือนว่าแมงมุมที่อยู่ที่นี่จะถูกเขากำจัดไปหมดแล้ว ฉะนั้นสถานที่แห่งนี้ก็น่าจะปลอดภัย ผมว่าเรารีบไปสำรวจรถบัสกันเถอะ”ทั้งสองกระซิบบอก
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ถังจินชวนก็กระตือรือร้นขึ้นมาทันที "ใช่แล้ว เร็วเข้า!"
"ฉันจะรายงานทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ให้เจ้านายทราบเมื่อฉันกลับไป”
พูดจบพวกเขาก็เดินสำรวจรถบัสทุกคันที่จอดอยู่ในโกดัง ซึ่งก็โชคดีมาก เพราะที่นี่มีรถบัสสามคันที่ไม่ได้รับความเสียหายและพร้อมใช้งานได้ทันที และยังมียานพาหนะอีกสองคันที่ได้รับความเสียหายเล็กน้อย แต่ก็ยังสามารถวิ่งได้หลังจากที่ซ้อมมันไปเล็กๆน้อยๆ
นอกจากนี้ยังพบน้ำมันเบนซินและดีเซลจำนวนมากในโกดัง ซึ่งสามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงในการอพยพของพวกเขาในครั้งนี้ได้อีกด้วย
“รวมๆแล้วก็มีรถบัสอยู่ห้าคันที่ใช้งานได้ แต่พวกเรามีกันแค่สามคน คงจะขับกลับไปไม่หมด” ถังจินชวนโบกมือ “เรารีบกลับไปที่บริษัทรักษาความปลอดภัยเฮยเฟิงก่อนแล้วพาคนกลับมาอีกทีจะดีกว่า”
จากนั้นพวกเขาก็ได้กลับไปที่บริษัทรักษาความปลอดภัยเฮยเฟิงก่อนค่ำพอดี
ในห้องโถง...หวังกังเจี้ยน , หวังหยงและซ่งต้ายี่ต่างก็มีสีหน้ามืดมนไปตามๆกัน ทำให้ถังจินชวนที่เดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก็ต้องตะลึงเมื่อเห็นสีหน้าของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นว่าซ่งต้ายี่แขนขาดไปข้างหนึ่ง ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็จริงจังขึ้นมาทันที
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงอยู่ในสภาพแบบนี้ ?” ถังจินชวนถามออกมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
หวังยงยิ้มอย่างขมขื่น "สถานการณ์ในโรงงานที่ฉันไป เป็นไปด้วยดี แต่ก็พบรถบรรทุกขนาดใหญ่เพียงคันเดียวที่ใช้งานได้ ส่วนต้ายี่ ... "
ใบหน้าของซ่งต้ายี่ยังคงซีดเซียว เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า "ฉันเจอรถแล้ว แต่ซอมบี้ระดับสูงก็ได้เข้ามาโจมตีเราก่อน คนที่ฉันพาไปตายกันหมด ส่วนฉันก็สูญเสียแขนไปหนึ่งข้าง และเกือบจะเอาตัวไม่รอด”
หวังกังเจี้ยนถอนหายใจออกมา “ส่วนฉันก็เจอรถบรรทุกคันใหญ่เพียงคันเดียวเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอ หากว่าหาที่ไหนไม่ได้อีก งานนี้เราคงต้องจับฉลากขึ้นรถแล้วล่ะ...”
เขาพูดไม่ออกอีกต่อไป การต้องให้ทุกคนมาจับฉลากขึ้นรถ สี่คำนี้ถือว่าเป็นวิธีการที่โหดร้ายเกินไป สมาชิกส่วนใหญ่ของบริษัทรักษาความปลอดภัยเฮยเฟิงต่างก็เป็นสหายเก่าของเขาทั้งนั้น ทุกคนติดตามเขามาตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติซอมบี้เสียอีก เขาไม่สามารถทำใจทิ้งพวกเขาได้แม้แค่คนเดียว
ถังจินชวนจึงได้หัวเราะออกมาเบา ๆ “อย่าร้องไห้ไปเลย ฉันมีข่าวดี”
พวกเขาทั้งสามตกตะลึง “ข่าวดีอะไร นายเจอรถบัสกี่คันงั้นเหรอ?”
ถังจินชวนหัวเราะออกมาอีกครั้ง “ลองเดาสิ”
หวังหยงคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วชูสองนิ้วขึ้นมา "สองคันงั้นเหรอ?"
ถังจินชวนส่ายหัว
ซ่งต้ายี่ชูขึ้นมาสามนิ้ว “เจอสามคันงั้นเหรอ?”
ถังจินชวนก็ยังคงส่ายหัวอีกครั้ง
หวังกังเจี้ยนขมวดคิ้ว และกล่าวออกมาว่า "เจอรถคันเดียวงั้นเหรอ? แบบนั้นจะเรียกว่าข่าวดีได้ยังไง?"
ถังจินชวนหัวเราะชอบใจออกมา "ผิดทั้งหมด เพราะฉันเจอห้าคัน!"
หวังกังเจี้ยนและคนอื่น ๆ ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็มีความปีติยินดีฉายออกมาในแววตาของพวกเขาทันที
เจอรถบัสห้าคัน!
ตราบใดที่สามารถหารถได้อีกสักสองสามคัน มันก็เพียงพอที่จะบรรทุกผู้คนออกไปได้ทั้งหมด แต่หากว่าเจอเพิ่มมาอีกห้าคัน ก็แสดงว่ายังเหลือที่วางเพียงพอให้บรรทุกสิ่งของจำเป็นออกไปได้
“เหล่าถัง! อย่าโกหกพวกเรานะ!” หวังกังเจี้ยนพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น
ถังจินชวนจึงพูดอย่างจริงจังว่า "ฉันได้ตรวจสอบแล้วว่ารถบัสทั้งห้าคันใช้งานได้ปกติและยังมีอะไหล่เสริมด้วย ส่วนน้ำมันก็มีเพียงพอที่จะเดินทางไปถึงอาณาเขตที่กองทัพหลินเจียงดูแลอย่างแน่นอน
อาณาเขตที่กองทัพหลินเจียงดูแลคือพื้นที่ทั้งหมดของเมืองหลงเจียง ซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลหลินเจียง แม้ว่าเมืองหลงเจียงจะอยู่ห่างจากเมืองตงหู แต่ก็ห่างกันเพียงแค่ 500 กิโลเมตรเท่านั้น เพียงแต่ว่าระหว่างการเดินทางอาจมีอุบัติเหตุต่างๆ ตามมา ซึ่งมันก็จะส่งผลให้ระยะทางเกิดความไม่แน่นอนขึ้นได้ โดยธรรมชาติแล้วยิ่งมีน้ำมันมากเท่าไร ก็ยิ่งดีเท่านั้น
“เอาล่ะ โอเค! พรุ่งนี้เราก็ขับรถไปตั้งแต่รุ่งสางเลยล่ะกัน!” หวังกังเจี้ยนไม่สามารถรีรอได้อีกต่อไป และด้วยข่าวดีนี้ก็ทำให้ใบหน้าที่ซีดเซียวของซ่งต้ายี่ดีขึ้นมาเล็กน้อย
“เหล่าถัง นายไม่เจออะไรเลยเหรอ?” หวังหยงถามขึ้นมา
ทันใดนั้นสีหน้าของถังจินชวนก็เคร่งขรึมขึ้นมาอีกครั้ง “เจอสิ หากโชคไม่ดี ฉันคงไม่สามารถกลับมาที่นี่ได้อีก”
หวังกังเจี้ยนและอีกสองคนใจเต้นรัวขึ้นมาทันที “ไหนนายลองเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในบริษัทรถทัวร์ให้เราฟังอย่างละเอียดสิ”
เวลาผ่านไป...
เมื่อได้ฟังทั้งสามก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก หัวใจของพวกเขาไม่สามารถสงบลงได้เป็นเวลานาน
“ยืนอยู่บนดาบบินได้อย่างนั้นเหรอ?”
“ยังสามารถควบคุมซอมบี้และควบคุมไฟได้อีกด้วย!”
" ใยแมงมุมที่แม้แต่อาวุธพิเศษของนายยังไม่สามารถทำลายได้ด้วยการโจมตีนับสิบครั้ง กลับถูกตัดออกอย่างง่ายดายด้วยฝีมือของเขาคนนั้น? "
ทั้งสามคนมองหน้ากันและเห็นความตกใจในดวงตาของกันและกัน จะต้องเป็นคนแบบไหนกัน? ในเมืองตงหูมีคนที่แข็งแกร่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
"สามารถควบคุมซอมบี้ได้...เรื่องที่เกิดขึ้นบนทางหลวง ดูเหมือนว่าคนที่สามารถทำลายฝูงหมาป่ายักษ์ในครั้งนั้นจะเป็นคนที่สามารถควบคุมซอมบี้ได้ " จู่ๆความคิดนี้ก็แวบขึ้นมาในใจของหวังหยง และทันใดนั้นเขาก็จำสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตได้ ..เรื่องที่ฝูงหมาป่าถูกกำจัดออกไปเมื่อหลายเดือนก่อน
หวังกังเจี้ยนเองก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และตบต้นขาของตัวเองอย่างแรง "ใช่แล้ว ! ฉันพอจะประติดประต่อเรื่องราวทุกอย่างได้แล้ว!
“คนคนเดียวกันงั้นเหรอ?” ซ่งต้ายี่กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ "แบบนี้ก็แสดงว่ามีผู้อยู่เหนือธรรมชาติระดับสูงอยู่ในเมืองตงหูของเรานะสิ "
ทั้งสามคนต่างก็ตกตะลึงในทันที ระดับของผู้อยู่เหนือธรรมชาติคนนี้จะต้องไม่ต่ำกว่าขั้นที่ 2 เป็นแน่
หรือว่าเขาอาจจะเป็นผู้อยู่เหนือธรรมชาติขั้นที่ 3 ในตำนานก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม หลังจากช่วงเวลาแห่งความปีติยินดีผ่านไป ทั้งสามก็เงียบลงอีกครั้ง
“ไม่ว่าเขาจะทรงพลังแค่ไหน แม้แต่สิ่งมีชีวิตที่ไม่ธรรมดาจากกองทัพหลินเจียงก็ไม่สามารถต่อกรกับคลื่นซอมบี้ได้ แล้วเขาเพียงคนเดียวจะไปต่อกรกับฝูงซอมบี้นับหมื่นได้อย่างไร ดังคำกล่าวที่ว่าฝูงมดสามารถฆ่าช้างตัวใหญ่ได้ พลังวิญญาณของผู้เหนือธรรมชาตินั้นมีขีดจำกัด เมื่อพลังวิญญาณหมดลง ก็จะเหลือเพียงร่างกายธรรมดาๆที่ต้องต่อสู้ เมื่อนั้นแม้จะเคยแข็งแกร่งแค่ไหน ก็จะถูกคลื่นซอมบี้กลืนกินไปอย่างง่ายดาย ยิ่งไปกว่านั้น ความสามารถของผู้เหนือธรรมชาติบางคนยังต่อสู้ไม่เก่ง เมื่อถึงเวลาต่อให้เป็นผู้อยู่เหนือธรรมชาติขั้นที่ 3 แล้วจะทำอะไรได้ล่ะ?” หวังกังเจี้ยนพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม
“ใช่” ทั้งสามคนตอบด้วยน้ำเสียงทุ้ม
หนึ่งวันต่อมา…
รถบัสห้าคัน รถบรรทุกขนาดใหญ่หนึ่งคัน และรถยนต์อีกสี่คันก็ได้จอดอยู่ด้านนอกบริษัทรักษาความปลอดภัยเฮยเฟิงเพื่อเตรียมพร้อมจะอพยพผู้คนออกไปจากเมือง สิ่งของจำเป็นทุกอย่าง ทั้งเมล็ดพืช น้ำมัน ข้าวและบะหมี่ ฯลฯ ก็พร้อมขนขึ้นรถแล้ว
ภายใต้การจัดเตรียมของถังจินชวน สมาชิกทุกคนก็ขึ้นรถอย่างเป็นระเบียบ
จากนั้นหวังกังเจี้ยนก็สั่งการให้ออกเดินทาง ขบวนรถก็ได้มุ่งหน้าไปทางเหนือ !