ตอนที่แล้วตอนที่ 288 มรดกตกทอด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 290 ลูกนอกสมรส

ตอนที่ 289 อมตะวิญญาณ (ฟรี)


ตอนที่ 289 อมตะวิญญาณ

เนื่องจากสวีฉางเซิง และลู่ซุนยืนอยู่ห่างไกล ยกเว้นรองหัวหน้ากองทั้งสามของกองดับอมตะ และลู่ไห่จึงไม่มีใครได้ยินการสนทนาระหว่างพวกเขาเลย

“ยังไงก็ตาม ข้ามีสิ่งที่อยากถามเจ้าอีกข้อ” ลู่ซุนมองไปที่สวีฉางเซิงแล้วจู่ๆ ก็ถามออกไป

“ผู้อาวุโสเชิญถาม ผู้น้อยจะตอบตามความจริงทุกอย่าง” สวีฉางเซิงพูดโดยไม่ลังเล

“ในเมื่อเจ้ายังไม่เป็นอมตะ ทำไมเจ้าถึงมีพลังของอมตะ?” จู่ๆ ลู่ซุน ก็ถามหลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง

“ผู้อาวุโสจากสำนักเต๋าได้สร้างหนทางที่จะกลายเป็นอมตะโดยไม่ต้องรอประตูสวรรค์เปิดหรือเข้าสู่โลกอมตะเมื่อหลายปีก่อน อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของอมตะประเภทนี้เทียบไม่ได้กับอมตะจริงๆ ดังนั้นจึงถูกเรียกว่าอมตะเทียม” สวีฉางเซิงไม่ได้ปิดบังอะไรจากลู่ซุน และได้เปิดเผยเรื่องสำคัญดังกล่าวต่อคนอื่นๆด้วย

นี่เป็นหนึ่งในความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสำนักเต๋า และยังเป็นเหตุผลหนึ่งว่าทำไมพวกเขาถึงสามารถยืนอยู่เหนือกว่าใครๆ ในโลกปาหวงได้

“โอ้? วิธีการนั้นทำยังไง” ดวงตาของลู่ซุนฉายชัดด้วยความประหลาดใจ และเขาก็ถามสวีฉางเซิง

แน่นอนว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ในโลกนี้ ตราบใดที่คิดหาวิธี ปัญหาทั้งหมดก็สามารถแก้ไขได้

“เนื่องจากประตูสวรรค์ปิดอยู่จึงไม่อาจใช้วิธีดั้งเดิมได้ ผู้ฝึกยุทธ์จึงไม่มีทางได้รับกายอมตะ อย่างไรก็ตาม หากได้ดวงวิญญาณผ่านการขัดเกลานับร้อยนับพันครั้ง มันก็จะยังมีโอกาสที่จะรุดหน้า” สวีฉางเซิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาพูดขึ้น

นี่เป็นอีกหนทางหนึ่งในการเป็นอมตะที่สำนักเต๋าคิดไว้เมื่อหลายปีก่อน

น่าเสียดายที่เพราะเขาไม่มีกายอมตะ และมีเพียงจิตอมตะ พวกเขาจึงไม่สามารถมีชีวิตยืนยาวเทียบกับอมตะจริงๆ ได้ และอายุขัยของพวกเขาแค่เพียงไม่กี่หมื่นปีเท่านั้น

นั้นทำให้เมื่อใกล้สิ้นอายุขัย พวกเขาเลือกที่จะครอบครองศพของศิษย์ที่มีพรสวรรค์บางคนเพื่อยืดอายุขัย

พลังวิญญาณของพวกเขามีมากมายมหาศาล น่ากลัวยิ่งกว่าอมตะจริงๆ เสียอีก!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าบรรพบุรุษ ความแข็งแกร่งของพวกเขายิ่งน่ากลัวยิ่งขึ้น พวกเขาละทิ้งกายหยาบโดยสิ้นเชิง กลายเป็นอมตะวิญญาณ และมุ่งความสนใจไปที่การขัดเกลาดวงวิญญาณของตัวเอง เพื่อให้วิญญาณของพวกเขาแกร่งกล้ายิ่งขึ้น

ตัวตนเหล่านี้ถือเป็นรากฐานที่แท้จริงของสำนักเต๋า และทุกคนนั้นมีพลังที่น่ากลัวอย่างยิ่งพอที่จะสังหารอมตะธรรมดาได้ในไม่กี่กระบวนท่า

“อมตะวิญญาณ?” หลังจากที่ลู่ซุนได้ยินคำอธิบายของสวีฉางเซิง เขาก็ตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พูดด้วยความประหลาดใจ

ในโลกปาหวงก่อนหน้านี้ ไม่มีแนวคิดเรื่องความเป็นอมตะวิญญาณ แต่เขาเคยเห็นมันในตำนานบางอย่างในชาติก่อน

หากสามารถก้าวข้ามทัณฑ์อัสนีที่น่าสะพรึงกลัวได้ก็จะกลายเป็นอมตะ หากไม่อาจก้าวข้าม ทั้งกายหยาบ และดวงวิญญาณก็จะแตกสลาย นี่คือความโหดร้ายของโลกปาหวง

แต่ตอนนี้ประตูสวรรค์ปิดอยู่ แม้ว่าคนเหล่านั้นจะก้าวข้ามทัณฑ์อัสนีได้ พวกเขาก็ไม่สามารถทะลวงผ่านเป็นอมตะได้

ในท้ายที่สุด จุดจบของพวกเขาก็จะมีสองทาง หนึ่งคือตาย หรือละทิ้งร่างกายของตน หลบหนีออกไปยังความว่างเปล่า และสุดท้ายก็อาศัยอยู่นอกโลกปาหวง

แต่ตอนนี้การปรากฏตัวของอมตะวิญญาณสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาทั้งสองนี้ได้อย่างสมบูรณ์ ในที่สุดผู้ฝึกยุทธ์ก็มีทางเลือกใหม่ทางนอกเหนือจากทางเลือกแรก!

ขัดเกลาดวงวิญญาณ เพื่อให้ได้รับจิตอมตะและกลายเป็นอมตะเทียมในโลกมนุษย์ จากนั้นเมื่อใกล้สิ้นอายุขัยก็สามารถละทั้งกายหยาบเป็นอมตะวิญญาณได้

ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจะสามารถมีชีวิตยืนยาวในโลกปาหวง และไม่ต้องกังวลกับความตายอีก

“เจ้ากลายเป็นอมตะวิญญาณหรือเปล่า?” ลู่ซุนมองไปที่สวีฉางเซิงสักพักหนึ่งแล้วถามออกมาดัง ๆ เขารู้สึกว่าคนที่อยู่ข้างหน้าเขามีเนื้อและเลือด ไม่เหมือนอมตะที่ไร้ร่าง

“ข้าเริ่มฝึกฝนวิถีอมตะเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้ข้าถูกมองว่าเป็นอมตะเทียม และด้วยวิชาชะตาอมตะของข้า อายุขัยหาใช่ปัญหา ข้าจึงไม่เลือกที่จะกลายเป็นอมตะวิญญาณ” ความดูถูกฉายชัดในดวงตาของสวีฉางเซิง แม้ว่าเขาจะขัดเกลาดวงวิญญาณด้วย แต่จริงๆ แล้วเขาดูถูกอมตะที่ละทิ้งร่างกายของตนเหล่านั้น

แน่นอนเขาแค่พูดให้ดูดี ถ้าเป็นเหมือนคนพวกนั้นที่จะใกล้จะตายเมื่อไรก็ได้เขาคงจะเลือกหนทางนั้นเหมือนกัน

แต่ตอนนี้ยังไม่จำเป็น ด้วยพลังทางสายเลือดจากบรรพบุรุษ และวิชาที่เขาฝึกฝน เขามีอายุขัยยืนยาวกว่าคนอื่นๆ มาก จึงยังไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องที่ยังไม่มาถึง

“ภายในอีกไม่กี่ปี ประตูสวรรค์จะถูกเปิดออก” ลู่ซุนพูดกับสวีฉางเซิง

“อะไรนะ?” หลังจากที่สวีฉางเซิง ได้ยินคำพูดของลู่ซุน เขาก็ตกใจ และรีบถามเพื่อยืนยันความถูกต้องของข่าวนี้

ประตูสวรรค์ถูกปิดมาเป็นเวลาแสนปี แล้วตอนนี้จะเปิดอีกครั้งได้อย่างไร?

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลายคนหวังว่าประตูสวรรค์จะเปิดอีกครั้ง แต่เวลาก็ผ่านไปถึงหนึ่งแสนปี และคนเหล่านั้นก็กลายเป็นกระดูก และฝุ่นผงจากการรอคอยอันยาวนาน

หากไม่สิ้นหวังจริงๆ คงจะไม่มีสิ่งที่ถูกเรียกว่าอมตะเทียม และอมตะวิญญาณเกิดขึ้น

ท้ายที่สุดแล้ว ในสำนักเต๋า การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตและความตายเป็นสิ่งต้องห้าม ผู้ที่เลือกเดินบนวิถีแห่งอมตะวิญญาณได้รับการพิจารณาว่านอกรีต และถูกสำนักเต๋าปฏิเสธและรังเกียจ

อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา เมื่อปรมาจารย์เต๋าก็ใกล้ถึงจุดจบของชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินบนเส้นทางนี้ที่พวกเขาเคยรังเกียจ แต่ก็ไม่ได้ประสบชะตาชีวิตแบบเดียวกันกับผู้คนก่อนหน้าที่ถูกดูหมิ่น

แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีคนหัวแข็งบางคนในสำนักเต๋าที่รู้สึกว่าวิถีแห่งอมตะวิญญาณนั้นเป็นหนทางที่ชั่วร้าย

พวกเขาอยากจะเฝ้าดูอายุขัยของตนค่อยๆ หมดลง และหวนคืนสู่โลก ดีกว่าเป็นอมตะวิญญาณที่ไร้ร่างกาย

“ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักเต๋าคือใคร? ความแข็งแกร่งของเขาโดยประมาณคือเท่าใด?” ลู่ซุนถามสวีฉางเซิงหลังจากเงียบไปสักพัก

“มันควรจะเป็นบรรพบุรุษของหยวนเซินเต๋า เขาเป็นศิษย์สายตรงของบรรพบุรุษที่บุกเบิกวิถีแห่งอมตะวิญญาณ ว่ากันว่าเขารอดชีวิตจากทัณฑ์อัสนีมาแล้วทั้งหมด 17 ครั้ง ความแข็งแกร่งของเขาช่างน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง มีข่าวลือว่าแค่มองก็สามารถสังหารอมตะได้” หลังจากที่สวีฉางเซิงคิดอย่างรอบคอบอยู่พักหนึ่ง เขาก็พูดกับลู่ซุนด้วยความตกตะลึงในดวงตา

ระดับพลังยุทธ์ของสวีฉางเซิงควรเทียบเท่ากับอมตะวิญญาณขั้นสอง แต่เพียงเท่านี้ เขาก็แข็งแกร่งพอที่จะสามารถบดขยี้ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตมหายานได้อย่างง่ายดาย

สำหรับอมตะวิญญาณขั้นสิบเจ็ด ต้องแข็งแกร่งแค่ไหน?

เป็นเรื่องที่จินตนาการไม่ถึงจริงๆ สำหรับสวีฉางเซิง มีการประเมินว่าแม้ในโลกอมตะ อีกฝ่ายก็ควรจะเป็นหนึ่งในยอดฝีมือชั้นนำ!

ท้ายที่สุด ทุกครั้งที่ก้าวข้ามทัณฑ์อัสนีได้ ความแข็งแกร่งของผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และเมื่อเวลาผ่านไป ทัณฑ์อัสนีก็จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และมีผู้รอดชีวิตมาได้น้อยลงเรื่อยๆ

“อมตะวิญญาณขั้นสิบเจ็ด?” ลู่ซุนยิ้มเล็กน้อย รู้สึกตื่นเต้นมากในใจ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด