MDB ตอนที่ 500 หลินจินถูกซุ่มโจมตี
“เสี่ยวฮั่ว!” หลินจินเรียกเบา ๆ เปลวไฟปรากฏขึ้นบนไหล่ของเขา มันคือหมาป่าอัคคีระดับห้า เสี่ยวฮั่ว
เมื่อมันปรากฏตัว มันก็ส่องแสงสว่างให้บริเวณโดยรอบ หลินจินจึงสามารถมองไปรอบ ๆ ได้ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ภาพที่เขาได้เห็นทำให้เขาขมวดคิ้ว
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้อยู่ในเรือนดอกท้ออีกต่อไปแล้ว แต่เขาอยู่ใจกลางสุสาน มีเนินฝังศพและหลุมศพกระจายอยู่ทั่วบริเวณ
ความสงสัยแรกของหลินจินคือซูเสี่ยวหลัวกำลังเล่นตลกกับเขา
เนื่องจากมีเพียงซูเสี่ยวหลัวเท่านั้นที่เขารู้จักที่สามารถเทเลพอร์ตได้ ถึงหลินจินจะได้รับน้ำหมึกจักรวาลมา แต่ไม่มีทางที่เขาจะเชี่ยวชาญการเทเลพอร์ตด้วยภาพวาดได้ภายในเวลาอันสั้นเช่นนี้
“ซูเสี่ยวหลัว หยุดเล่นตลกได้แล้ว!” หลินจินตะโกน เสียงของเขาก้องไปทั่ว แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ หลินจินและซูเสี่ยวหลัวเริ่มคุ้นเคยกันมากขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา นั่นเป็นสาเหตุที่หลินจินตัดสินใจเรียกชื่อเต็มของเธอออกมาในครั้งนี้
ทันใดนั้น หลินจินก็รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวใต้เท้าของเขา มือผีโผล่ขึ้นมาจากพื้นดินโคลน และคว้าข้อเท้าของหลินจิน
มือผีตนนี้ให้ความรู้สึกหนาวเย็นราวกับเป็นศพจริง ๆ ความเย็นที่แผ่ออกมาจากแขนของศพทำให้ขาของหลินจินหนาวสั่น เขาตกใจกลัวจนรีบถอยออกมาตั้งหลัก
ยังดีที่ปฏิกิริยาของเสี่ยวฮั่วตอบโต้ได้อย่างรวดเร็ว มันกระโจนลงมาด้วยขากรรไกรที่อ้ากว้างพร้อมที่จะกัดแขนที่โจมตีเจ้านายของมัน
แต่มือผีนั้นเร็วกว่ามาก ก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัว มันก็ได้ถอยกลับไปใต้ดินแล้ว
“กรร!!!”
เสี่ยวฮั่วโกรธจัดเมื่อมือผีแอบโจมตีหลินจิน เจ้าหมาป่าขยายร่างยาวได้สิบเมตร และสูงสามเมตรทันที เปลวไฟลุกโชนอย่างรุนแรง ส่องสว่างไปทั่วรอบตัวของพวกเขาทันที
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาไม่อยู่ที่เรือนดอกท้ออีกต่อไปแล้ว พวกเขาไม่ได้อยู่ในสถาบันฯด้วยซ้ำ
แสงของเสี่ยวฮัวสามารถส่องสว่างได้เพียงรัศมีสามสิบเมตรเท่านั้น ไกลออกไปนั้นมืดสนิท
แต่ฉากตรงหน้า มันยืนยันข้อสงสัยของหลินจินว่า ตอนนี้เขาอยู่ในค่ายกลที่คล้ายกับค่ายกลละอองเมฆา
มีคนกำลังพยายามจะโจมตีเขา
และไม่ใช่ซูเสี่ยวหลัว
หลินจินไม่เสียเวลาเลย เขาหยิบธงละอองเมฆาออกมา และโยนมันขึ้นไปในอากาศ
*ฟุ่บ*
แต่ทว่าเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น แทนที่มันจะค่อย ๆ จางหายไปในอากาศ แต่มันกลับตกลงสู่พื้นโลกเหมือนกับสิ่งของธรรมดา ๆ
ดูเหมือนว่าค่ายกลละอองเมฆาจะไม่สามารถเปิดใช้งานได้
หลินจินสูดอากาศเย็นเข้าไป ขณะที่เขารู้สึกว่าหัวใจของเขาจมดิ่งลง
‘ไม่ดีแล้ว’
ค่ายกลละอองเมฆาไม่เคยล้มเหลวมาก่อน มันกลับใช้งานไม่ได้ หลินจินรู้สึกว่าพลังงานมืดที่อยู่รอบ ๆ กำลังกดปรามการร่ายคาถาของเขา
หลังจากเก็บธงเล็ก ๆ ไปแล้ว สีหน้าของหลินจินก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
ทันใดนั้น เนินฝังศพที่อยู่รอบ ๆ เขาก็เริ่มสั่นสะเทือน จากนั้น พวกมันก็แตกออก ซากศพที่มีกลิ่นเหม็นคลานออกมาจากเนินเหล่านี้ ก่อนจะพุ่งเข้าหาหลินจิน
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พวกเขาจะเข้าใกล้หลินจิน เสี่ยวฮั่วก็ยิงพวกมันด้วยไฟจนไหม้เกรียม
ในเวลาเดียวกันนั้น เสียงคร่ำครวญที่น่ากลัวได้เข้ามาโอบล้อมหูของหลินจินและเสี่ยวฮั่วจากทุกทิศทุกทาง สร้างความรบกวนจิตใจของพวกเขาด้วยเสียงร้องที่บาดแหลม
หลินจินรีบเอามือทั้งสองข้างปิดหู แต่เสียงนั้นก็ยังดังอยู่ดี เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เขาจึงเจาะจุดฝังเข็มเพื่อปิดกั้นการได้ยินของเขา และในที่สุดก็สามารถตัดเสียงที่น่ากลัวนั้นได้แล้ว
ณ ตอนนี้ หลินจินมั่นใจมากขึ้นว่ามีใครบางคนกำลังตามล่าเขา เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาก็รู้ว่าศัตรูที่ใหญ่ที่สุดของเขาในเวลานี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากสมาคมผู้ประเมินมาร
ก่อนหน้านี้ หลินจินได้สังหารสมาชิกหลักของพวกเขาไปสองคน ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่พวกเขาจะตอบโต้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้คาดหวังว่าพวกเขาจะทำเช่นนั้นภายในสถาบันเกลียวสวรรค์
อย่างไรก็ตาม หากองค์กรมีสมาชิกที่สามารถเทเลพอร์ตเขาไปที่อื่นได้ ทุกอย่างคงจะแตกต่างออกไป
ออร่าที่กดขี่เขาอยู่นี้ค่อนข้างแน่นหนา และป้องกันไม่ให้หลินจินใช้ค่ายกลละอองเมฆา หากเขายังปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป เขาจะต้องเผชิญกับการโจมตีแบบไม่มีสิ้นสุด ไม่ช้าก็เร็ว เขาจะพบว่ามันยากที่จะป้องกันตัวเองอีกต่อไป
ความจริงแล้ว หากเขาไม่แข็งแกร่งพอ การโจมตีครั้งแรกนั้นคงเป็นจุดจบของเขา แม้ว่าพวกซากศพจะถูกเผาโดยเสี่ยวฮั่ว แต่ถ้าเป็นการต่อสู้แบบใช้กำลังกายโดยไม่มีเปลวไฟมาเกี่ยวข้อง เสี่ยวฮั่วอาจจะพ่ายแพ้แม้แต่ในร่างหมาป่าตัวใหญ่ของมัน
ขณะที่หลินจินคาดเดา เสียงคร่ำครวญก็ยังคงดำเนินต่อไป เลือดสดเริ่มไหลซึมออกมาจากใต้เท้าของเขา ของเหลวสีแดงเข้มไหลออกมาอย่างรวดเร็วจนไปถึงข้อเท้าของเขา หากยังลากยาวต่อไป ไม่มีใครเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
"จงเปิดออก!"
หลินจินถูกบังคับให้เปิดประตูห้องโถงเยี่ยมชม และใช้พลังงานของพิพิธภัณฑ์เพื่อต่อสู้กับออร่าของค่ายกลนี้
ทันทีที่ประตูเปิดออกจากด้านหลังของหลินจิน สภาพแวดล้อมของเขาก็เริ่มพังทลายลง รวมถึงเสียงหอนของหมาป่า เสียงคร่ำครวญอันน่าสยดสยอง และทะเลเลือดที่ไหลเชี่ยว
หลินจินสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างที่เข้ามาอย่างคลุมเครือ อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งถูกทำลายในทันทีที่ประตูห้องเยี่ยมชมเปิดออก
จากนั้นก็เกิดเสียงดังสนั่น ทะเลเลือดก็หายไป และเสียงที่น่าสะพรึงกลัวก็เงียบลง ความมืดมิดที่รายล้อมเขาค่อย ๆ จางหายไป ในที่สุดก็สลายไปเหมือนเศษผ้าที่ฉีกขาด
ในที่สุด หลินจินก็มองเห็นดวงจันทร์และดวงดาวได้อีกครั้ง
นอกจากนั้น ยังมีใบมีดคมอยู่ห่างจากหน้าของเขาเพียงไม่กี่นิ้ว
ชายคนหนึ่งที่ถือดาบอยู่มีรูปร่างผิดปกติ เขามีร่างกายใหญ่โต แต่มีมนุษย์ตัวเล็ก ๆ เกาะอยู่ตรงหลังของเขา ซึ่งพวกเขาได้เชื่อมต่อกันเป็นหนึ่งเดียว ภาพตรงหน้านั้นช่างแปลกประหลาด และหลินจินไม่เคยคิดว่าจะมีสิ่งมีชีวิตเช่นนี้ด้วย
ผู้โจมตีของหลินจินดูตกใจ แขนของเขาข้างหนึ่งสั้น อีกข้างยาว ข้างหนึ่งหนา อีกข้างเรียว เมื่อสังเกตดาบที่เขาถืออย่างใกล้ชิด ก็ดูเหมือนดาบที่ถูกตีขึ้นจากกระดูกสันหลัง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากประตูห้องโถงเยี่ยมชมเปิดออก แม้ว่าจะมีรอยแตกร้าวเพียงเล็กน้อย แต่พลังงานอันทรงพลังที่ถูกปลดปล่อยออกมาสามารถปัดป้องการโจมตีด้วยดาบได้
หลินจินเหงื่อแตกพลั่กเมื่อเห็นอีกฝ่าย
นั่นใกล้เกินไปจนไม่สบายใจ
หากเขาช้ากว่านี้ ดาบกระดูกเล่มนี้คงแทงทะลุคอของเขาจนเสียชีวิตไปแล้ว
หลินจินตอบสนองอย่างรวดเร็วด้วยการยิงเข็มชุดหนึ่ง เข็มเงินจำนวนมากเจาะเข้าไปในร่างกายของชายพิการ แต่ถึงกระนั้น เขาก็ไม่ได้ถอยหนี ร่างกายของเขาถูกปั้นเหมือนมนุษย์ยางที่เด็กวัยเตาะแตะปั้นขึ้น ดังนั้นหลินจินจึงพบว่ายากที่จะระบุตำแหน่งจุดฝังเข็มของเขาด้วยเข็ม ตอนนี้เขาทำได้เพียงทำร้ายชายคนนั้นเท่านั้น ไม่สามารถทำให้เขาเป็นอัมพาตได้
มันเป็นครั้งแรกของเขาที่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูเช่นนี้
จู่ ๆ ชายพิการก็ตะโกนขึ้นมาว่า
“ผมผี ถ้าแกไม่ทำอะไรซักอย่างเร็วๆ นี้ ข้าได้ตายแน่ ๆ!”
ทันทีที่ชายคนนั้นพูดจบ หลินจินก็รู้สึกถึงสายลมพัดผ่านหลังเขา เมื่อรู้ตัวว่ากำลังถูกซุ่มโจมตี หลินจินก็ปล่อยเข็มเพลิงอัสนีของเขาออกมาโดยไม่ลังเล
เข็มสายฟ้าพุ่งปะทะเงาสีดำที่กำลังพุ่งเข้าหาหลินจิน ทันใดนั้น ประกายไฟก็พุ่งออกมา และสายฟ้าก็ส่องสว่างไปทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืน
สายฟ้าฟาดลงมาจากเข็มเพลิงอัสนี สิ่งของใด ๆ ที่ปะทะกับเข็มนั้นยังคงลอยอยู่กลางอากาศ แต่ในเวลาต่อมา สิ่งของนั้นก็ตกลงบนพื้น
ปรากฏว่ามันเป็นลูกศร มันได้หักครึ่ง แถมมีสภาพไหม้เกรียม
สิ่งที่ซุ่มโจมตีหลินจินเมื่อไม่กี่นาทีก่อนนั้นชัดเจนว่าเป็นลูกศรที่พุ่งมาจากทิศทางที่ไม่รู้จัก
หากหลินจินตอบสนองช้าลงกว่านี้ หรือเขาไม่มีเข็มเพลิงอัสนี เขาก็อาจจะถูกลูกศรเสียบหัวไปแล้ว
ในช่วงเวลาสั้น ๆ หลินจินได้เฉียดเข้าใกล้ความตายไปแล้วสองครั้ง เขาจึงไม่สามารถอยู่เฉยได้อีกต่อไป เขาเปิดใช้งานคาถา และพ่นเพลิงมังกรออกมา พื้นที่ภายในรัศมีสามสิบเมตรรอบตัวเขาถูกกลืนกินด้วยทะเลเพลิง เผาร่างของชายพิการที่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดอย่างทรมาน
ในขณะเดียวกัน เสี่ยวฮั่วก็วิ่งไล่ตามคนที่ยิงธนูไป
เนื่องจากเสี่ยวฮั่วเป็นหมาป่าอัคคีระดับห้า มันจึงใช้เวลานานไม่นานก่อนที่มันจะกลับมาพร้อมกับเหยื่อของมัน แน่นอนว่ามีศพที่ถูกเผาห้อยอยู่ที่ขากรรไกรของเจ้าหมาป่า ชายคนนี้ถูกเสี่ยวฮั่วขย้ำจนตายอย่างอนาถ
เมื่อพิจารณาจากร่างกายที่เหลือครึ่งหนึ่งของเขาแล้ว คน ๆ นี้ก็มีรูปร่างผิดปกติเช่นกัน โดยมีโครงสร้างร่างกายที่ไม่สมส่วนกัน
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร เขาก็ต้องตายภายใต้เขี้ยวอันแหลมคมของเสี่ยวฮั่ว
ภายในทะเลเพลิงมังกร เลือดพุ่งออกมาจากร่างของชายผู้พิการคนแรกอย่างกะทันหัน ทำให้เปลวไฟที่กำลังเผาไหม้เขาจนตายดับลง แม้อักฝ่ายจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ชายผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่
หลินจินขมวดคิ้ว
เพลิงมังกรของเขาไม่ใช่เปลวไฟธรรมดา ๆ ดังนั้นเลือดของอีกฝ่ายจะต้องไม่ธรรมดาแน่ ๆ มันจึงทำให้เขาสามารถดับเพลิงมังกรได้อย่างง่ายดายเช่นนี้