ตอนที่แล้วบทที่ 38 ผู้บำเพ็ญตีกะโหลก เล่ยจวิน    
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 40 โอกาสเพิ่มพูนความเข้าใจ   

บทที่ 39 ปลาไฟหยางสุ่ย โอกาสที่ขยายได้ 


"จริงด้วย..."

เมื่อเห็นว่าแผนได้ผล เล่ยจวินก็เหมือนถือคันเบ็ด เขายกไม้ไผ่ทองคำขึ้นและค่อยๆ ถอยหลังไป

ทั้งคู่เหมือนถูกเชื่อมต่อด้วยสายเบ็ดที่มองไม่เห็น

ปลาที่ว่ายในเปลวไฟนั้นสะบัดตัวดิ้นรนพยายามหนี

เล่ยจวินเห็นดังนั้นเขาก็หยิบพู่กันจูเฟิงออกมา

ตอนนี้เขาไม่ได้ใช้พู่กันเพื่อสร้างยันต์แต่เพียงแค่โบกในอากาศ

ทันใดนั้นก็เหมือนมีสายเบ็ดเส้นที่สองมาจับปลาตัวนั้นไว้

ครั้งนี้เล่ยจวินดึงอีกครั้ง ปลานั้นก็ถูกดึงออกมาจากทะเลเพลิงอย่างไม่เต็มใจ

เมื่อแสงสีทองอยู่ตรงหน้าเล่ยจวินจึงเก็บพู่กันจูเฟิงแล้วหยิบยันต์ดูดกลืนพลังวิญญาณออกมาเพื่อเตรียมเก็บแสงสีทองนั้น

แต่ไม่ทันคาดคิดเขารู้สึกว่าฝ่ามือร้อนผ่าว

เล่ยจวินรีบสะบัดมือยันต์ดูดกลืนพลังวิญญาณถูกเผาไหม้กลางอากาศกลายเป็นเถ้าถ่าน

ปลาทองที่คล้ายกับแสงทองนั้นพยายามจะหนีกลับไปในทะเลเพลิงอีกครั้ง

เล่ยจวินรีบฟาดไม่ไผ่ทองคำที่ถืออยู่ในมือ

การเคลื่อนไหวของแสงทองช้าลงทันที ราวกับว่าถูกติดอยู่กับไม่ไผ่ทองคำ

ตอนนี้เล่ยจวินจึงมีโอกาสพิจารณาแสงทองนี้อย่างใกล้ชิด

แสงทองนั้นไม่ใช่ปลาแท้ๆและไม่ใช่สิ่งมีชีวิตจริงๆ

แต่เป็นกระแสแสงที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณคล้ายกับว่ามีชีวิตและความคิดของมันเอง

เมื่อแสงนั้นติดอยู่กับไม่ไผ่ทองคำมันก็ค่อยๆ เปลี่ยนจากการเป็นพลังงานที่ไม่จับต้องได้ไปสู่การมีตัวตนเป็นรูปเป็นร่างราวกับเป็นหยกวิญญาณที่กึ่งโปร่งใส

หยกนี้ใสบริสุทธิ์เป็นสีแดงเหมือนไฟตรงกลางดูเหมือนมีของเหลวหยกไหลเวียนและเปล่งประกายสีทอง

เมื่อมองโดยรวมแล้ว มันคล้ายกับปลายินหยางของสัญลักษณ์ไท่จี๋ ครึ่งหนึ่งของปลานั้นแผ่พลังหยางบริสุทธิ์และร้อนแรงออกมา

[ปลาไฟหยางสุ่ย]

ในหัวของเล่ยจวินเกิดความเข้าใจขึ้นในทันที

นี่แหละคือโอกาสระดับสี่ที่เซียมซีระดับสูงสุดกล่าวถึง

เมื่อมองไม้ไผ่ทองคำที่ยึดปลาไฟหยางสุ่ยไว้ เล่ยจวินก็นึกขึ้นมาว่าเพียงแค่มีโอกาสยังไม่พอต้องสามารถจับมันมาได้จริงๆถึงจะเป็นของตัวเอง

ครั้งนี้ต้องขอบคุณอาจารย์หยวนโม่ไป๋

ที่วันนี้เขาสามารถ "ตก" ปลาไฟหยางสุ่ยตัวนี้ได้ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะอาจารย์หยวนโม่ไป๋ได้เตรียมบางอย่างไว้ตั้งแต่การมาเปิดถ้ำสวรรค์เสวียนหยาง

ทั้งไม้ไผ่ทองคำและพู่กันจูเฟิงล้วนมาจากอาจารย์หยวนโม่ไป๋

ด้วยความช่วยเหลือของสมบัติเหล่านี้ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับปลาไฟหยางสุ่ยโดยกำเนิดเล่ยจวินจึงสามารถจับสิ่งนี้มาได้

แน่นอนหากครั้งนี้เขาไม่เลือกมาที่สำนักแยกหยางซาน แต่กลับอยู่เฉยๆที่สำนักอาจจะไม่มีโอกาสได้รับสิ่งนี้เลยก็เป็นได้

"ตอนนี้ปัญหาคือการเก็บรักษา"

เล่ยจวินใช้พลังของตัวเองเรียกพลังวิญญาณของไม้ไผ่ทองคำออกมา

ไม้ไผ่ทองคำที่ดูมืดหม่นก่อนหน้านี้ เริ่มส่องแสงวิญญาณสีทองอ่อนๆที่ไม่หายไปเหมือนครั้งแรกแต่กลับส่องแสงอย่างต่อเนื่อง

ภายใต้พลังวิญญาณของไม้ไผ่ทองคำ ปลาไฟหยางสุ่ยกลับกลายเป็นแสงวิญญาณสีทองอีกครั้งแต่คราวนี้ไม่หนีไปไหนแต่ค่อยๆถูกห่อหุ้มไว้ในไม้ไผ่ทองคำ

เล่ยจวินค่อยๆใช้พลังของตัวเองเพื่อรักษาสภาพนี้ไว้จนสามารถเก็บปลาไฟหยางสุ่ยได้สำเร็จ

ขณะที่เขากำลังยุ่งอยู่กับสิ่งนี้ ฉวี่หย่งที่หมดสติอยู่ข้างๆก็ฟื้นขึ้นมา

“เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น? เอ๊ะ…เหมือนมีคนลอบทำร้ายข้า...”

ฉวี่หย่งที่เพิ่งฟื้นขึ้นมายังคงสับสน แต่ทันใดนั้นก็รู้สึกขนลุกทั้งศีรษะและรู้สึกเจ็บแปลบที่ท้ายทอยอีกครั้ง

"ป้าบ!"

ก่อนที่เขาจะทันได้ลืมตาชัดเจน เขาก็รู้สึกว่าท้ายทอยของเขาโดนฟาดซ้ำอีกครั้ง เหมือนกับคราวที่แล้ว!

"ใครกันแน่ที่ทำร้ายข้า?!"

ฉวี่หย่งนอนหมอบอยู่กับพื้น ตาพร่ามัวและพยายามจะลุกขึ้น

“ป้าบ!”

ท้ายทอยของเขาถูกฟาดอีกครั้ง

“อื้อ...” ฉวี่หย่งล้มลงไปหมดสติอีกครั้ง

เบื้องหลังของเขา เล่ยจวินวางไม้เท้าลงด้วยมือซ้าย แล้วกลับไปสนใจที่ไม้ไผ่ทองคำในมือขวาของเขา

หลังจากพยายามอยู่พักใหญ่ ในที่สุดเล่ยจวินก็สามารถเก็บปลาไฟหยางสุ่ยด้วยไม้ไผ่ทองคำได้สำเร็จ

ปลาไฟหยางสุ่ยสามารถเปลี่ยนระหว่างสถานะจริงและพลังงานวิญญาณได้

ตอนนี้มันได้กลายเป็นพลังหยางบริสุทธิ์และซึมเข้าไปในไม้ไผ่ทองคำ

เมื่อเล่ยจวินต้องการใช้งานเขาก็สามารถดึงปลาไฟหยางสุ่ยออกมาจากไม้ไผ่ทองคำอีกครั้ง

สภาพแวดล้อมภายนอกยังไม่แน่นอน เล่ยจวินจึงไม่รีบกลั่นพลังของปลาไฟหยางสุ่ยและจะรอจนกว่าสถานการณ์จะสงบลง

“จำได้ว่าเฉินอี้ได้รับสมบัติจากศิษย์พี่ใหญ่ ซึ่งก็มาจากถ้ำสวรรค์เสวียนหยางและชื่อว่าไฟหยางสุ่ยหรือไม่?”

เล่ยจวินขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไฟหยางสุ่ย…ปลาไฟหยางสุ่ย...”

ถ้าเฉินอี้มาที่สำนักแยกหยางซานและเข้าไปในถ้ำสวรรค์เสวียนหยางพร้อมกันทั้งคู่ "ตกปลา" ด้วยกันคงต้องมาดูกันว่าใครมีเบ็ดและเหยื่อที่ดีกว่า

มองในแง่นี้โอกาสระดับสี่ที่เซียมซีระดับสูงสุดพูดถึงในครั้งนี้ เฉินอี้ก็คงมีโอกาสดีเช่นกัน

แต่เพราะเฉินอี้เลือกจะเข้าไปพัวพันกับการเมืองภายในสำนักเทียนซือแทนที่จะวางตัวเป็นกลางเหมือนเล่ยจวิน สุดท้ายเขาจึงพลาดโอกาสนี้ไป

อย่างไรก็ตาม ไม่อาจพูดได้ว่าเฉินอี้ตัดสินใจผิดเพราะเขาก็ได้รับประโยชน์จากการวางตัวในหลายฝ่ายก่อนจะพลาดครั้งนี้

แต่จากเหตุการณ์ครั้งนี้ เล่ยจวินคิดว่าเฉินอี้อาจมีความสามารถพิเศษในการตรวจจับสถานการณ์หรือข้อมูลในทันที แทนที่จะมีความสามารถในการทำนายล่วงหน้า

ยกเว้นแต่ว่าการที่เฉินอี้ถูกกักตัวโดยผู้อาวุโสเหยาหยางในครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของแผนการของเขาเอง

เล่ยจวินสลัดความคิดเหล่านั้นออกไป

เขาเก็บไม่ไผ่ทองคำและกำจัดไม้เท้าที่ได้มาจากศิษย์ลัทธิอสูรเหลืองฟ้า จากนั้นอุ้มฉวี่หย่งที่หมดสติไปที่ทางเข้าถ้ำ

ทางเข้าถ้ำยังคงถูกปิดกั้นโดยเปลวไฟใต้ดินซึ่งแยกภายในออกจากภายนอก

เล่ยจวินไม่รีบร้อน เขาวางฉวี่หย่งลงและติดยันต์ป้องกันเพิ่มให้ตัวเองก่อนจะนั่งสมาธิฝึกฝน

ไม่นานนักฉวี่หย่งก็ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง

เขายังไม่รู้สึกตัวเต็มที่แต่ร่างกายก็ยกมือขึ้นจับที่หัวทันที

"ศิษย์พี่ฉวี่?"

เมื่อได้ยินเสียงเรียก ฉวี่หย่งก็ตกใจและค่อยๆรู้สึกตัวขึ้นมาทีละน้อยก่อนจะหันไปเห็นเล่ยจวินที่ดูอ่อนแรงอยู่ในแสงไฟ

"ศิษย์น้อง...เล่ยจวิน?" ฉวี่หย่งพูดขณะที่กำลังกุมศีรษะเขามองไปรอบๆแล้วรีบจับที่ท้ายทอยด้วยความเจ็บปวด

เล่ยจวินพูดขึ้น

“ศิษย์พี่ฉวี่ อย่าเพิ่งขยับมาก ท้ายทอยของท่านบาดเจ็บข้าไม่มียาสำหรับรักษาที่เหมาะสม จึงได้ทำแผลให้ชั่วคราว”

ฉวี่หย่งกุมศีรษะพลางพูด

“ใช่...ข้าถูกลอบทำร้าย! มีคนฟาดข้าที่หัว!”

เล่ยจวินสีหน้าไม่เปลี่ยน

“ตอนที่ข้ามาถึง ศิษย์พี่ฉวี่นอนหมดสติอยู่แล้วมีศิษย์ลัทธิอสูรเหลืองฟ้าสองคนยืนอยู่ด้านหลังโชคดีที่ท่านไม่เป็นอะไร”

“สองคน...ใช่ พวกมันสองคนลอบโจมตีข้า มิฉะนั้นข้าคงไม่พลาดข้าตั้งใจเตรียมยันต์ทองคำไว้แล้ว!”

ฉวี่หย่งลูบศีรษะตัวเองที่มีรอยบวมสามจุด

สามจุดเหมือนรอยตี...มันช่างไร้สาระสิ้นดี!

เมื่อคิดถึงศิษย์ลัทธิอสูรเหลืองฟ้าคนนั้นที่ถือไม้เท้า ฉวี่หย่งก็ระบุตัวผู้ร้ายได้ทันที และรู้สึกโกรธจนแทบระเบิด

“พวกมันยังคิดจะทำร้ายท่านต่อ ข้าจึงต้องรีบเข้าขวาง”

เล่ยจวินพูดต่อ

“แต่ข้าสู้กับพวกมันสองคนพร้อมกันไม่ไหว โชคดีที่อาศัยเปลวไฟใต้ดินในถ้ำสวรรค์เสวียนหยางจัดการพวกมันได้”

ฉวี่หย่งถอนหายใจด้วยความโล่งอกจากนั้นก็เหลียวมองไปรอบๆ

“ข้าหมดสติไปเจ้าพาข้ามาที่นี่หรือ?”

เล่ยจวินพยักหน้า

“บริเวณนี้เปลวไฟอ่อนกว่า ข้าจะได้ดูแลท่านสะดวก”

ฉวี่หย่งรู้สึกอายเล็กน้อย

“ขอบคุณศิษย์น้องเล่ย ถ้าไม่มีเจ้าข้าคงถูกพวกนั้นฆ่าหรือไม่ก็ถูกไฟเผาตายไปแล้ว”

เล่ยจวินตอบ “ศิษย์พี่อย่าได้กล่าวเช่นนั้นพวกเราเป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกัน”

ขณะที่ทั้งสองคุยกันเปลวไฟในถ้ำสวรรค์ก็เริ่มเปลี่ยนไป

เมื่อเปลวไฟที่ปิดทางเข้าถ้ำสวรรค์เริ่มลดลงในที่สุดก็มีคนอื่นเข้ามาในถ้ำได้

เล่ยจวินและฉวี่หย่งมองไปที่ผู้มาใหม่ พบว่าเป็นศิษย์จากสำนักเทียนซือไม่ใช่ศัตรูจากลัทธิอสูรเหลืองฟ้า

"พวกท่านไม่เป็นอะไรนะ?"

ผู้ที่เดินนำหน้ามาสวมชุดผู้บำเพ็ญสีแดงเข้ม ท่าทางเคร่งขรึมและจริงจัง เขาคือหลี่เซวียนบุตรชายคนโตของผู้อาวุโสจื่อหยางหนึ่งในศิษย์ชั้นสูงของสำนักเทียนซือ

(จบบท)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด