บทที่ 25 เริ่มต้นกิจการ
“ฟางเสิ่น นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?” ทันทีที่หม่าฉือเดินออกไป เซี่ยหย่าซวีก็รีบถามทันที
เธอถูกฟางเสิ่นลากมานั่งรออยู่นานจนไม่เข้าใจอะไรเลย แม้ว่าการเจรจาระหว่างฟางเสิ่นและหม่าฉือจะไม่ได้หลบเลี่ยงเธอ แถมทุกคำพูดที่คุยกันเธอก็ฟังเข้าใจทั้งหมดและสามารถคาดเดาได้บางส่วน แต่ผลลัพธ์ที่คาดเดานั้นก็เกินกว่าที่เธอจะเชื่อได้
“หรือว่า… นายซื้อสถานที่ประมูลนี้แล้ว?” เซี่ยหย่าซวีเบิกตากว้าง จ้องฟางเสิ่นตาไม่กระพริบ
“ใช่แล้ว” ฟางเสิ่นยักไหล่และยื่นสัญญาให้เธอดู
เซี่ยหย่าซวีรับสัญญามาอย่างงุนงง และสายตาของเธอก็เลื่อนลงไปที่ตัวเลขจำนวนเงินในสัญญาอย่างรวดเร็ว
“หนึ่งล้านแปดแสนหยวน… พระเจ้า! นายเอาเงินมากขนาดนี้มาจากไหน?” เซี่ยหย่าซวีอุทานออกมาอย่างตกใจพร้อมขยี้ตาแรง ๆ ตัวเลขที่เห็นไม่ผิดแน่ ๆ มันคือหนึ่งล้านแปดแสนหยวนจริง ๆ
แม้เธอจะสงสัยว่าฟางเสิ่นซื้อหลงซิงสถานที่ประมูล แต่นึกว่าเขาใช้เงินเพียงสามหรือสี่แสนหยวนเท่านั้น เพราะถ้าใช้วิธีเช่า ค่าใช้จ่ายก็ไม่มากนัก แต่ตัวเลขที่แท้จริงนั้นทำเอาเธอถึงกับตาลาย
หนึ่งล้านแปดแสนหยวน!
คนธรรมดาทำงานทั้งชีวิตยังหาเงินจำนวนนี้ไม่ได้เลย แต่เพื่อนเก่าของเธอกลับทำธุรกรรมนี้เสร็จสิ้นไปอย่างไม่สนใจอะไร เซี่ยหย่าซวีรู้จักฟางเสิ่นดี ในตอนเรียนที่มหาวิทยาลัยหลินไห่ เขาไม่ใช่คนที่มีฐานะร่ำรวย แม้จะไม่ถึงกับยากจน แต่ก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่าร่ำรวยอยู่ดี ชัดเจนว่าเงินหนึ่งล้านแปดแสนหยวนนี้ เขาหามาได้หลังจากออกจากมหาวิทยาลัยหลินไห่ไม่กี่เดือนเท่านั้น
“ฟางเสิ่น เงินนี้มาจากตระกูลนั้นรึเปล่า…” เซี่ยหย่าซวีนึกถึงเหตุการณ์ที่โรงแรมเจียงตูแล้วสีหน้าของเธอก็ดูแปลกไปทันที
“ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขาเลย เงินพวกนี้ทั้งหมด ฉันหามาได้ด้วยตัวเอง” ฟางเสิ่นตอบพร้อมแววตาเกลียดชังที่ฉายวาบขึ้นมาชั่วครู่เมื่อพูดถึงตระกูลนั้น จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นมั่นใจ “ฉัน ฟางเสิ่น จะหาเงิน ยังต้องพึ่งพาคนอื่นด้วยเหรอ?”
เมื่อได้ยินคำพูดที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของฟางเสิ่น เซี่ยหย่าซวีก็รู้สึกมึนงงเล็กน้อย
แค่ไม่กี่เดือนก็สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวจนมีเงินมากกว่าล้าน แถมยังเป็นเจ้าของสถานที่ประมูลได้ สิ่งที่หลายคนใช้เวลาทั้งชีวิตยังทำไม่ได้ ชายหนุ่มตรงหน้ากลับทำได้อย่างง่ายดาย เมื่อเห็นท่าทางมั่นใจของฟางเสิ่น เซี่ยหย่าซวีก็รู้ว่า ความสำเร็จในตอนนี้คงไม่ใช่จุดสูงสุดของฟางเสิ่นแน่
ใครจะรู้ว่า พวกผู้บริหารที่มหาวิทยาลัยหลินไห่ซึ่งตัดสินใจไล่ฟางเสิ่นออกไปจะมีสีหน้าอย่างไรหากได้รู้เรื่องนี้
เซี่ยหย่าซวีสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัวแล้วหันกลับมา
“ฟางเสิ่น ฉันไม่สนว่านายจะรวยหรือจน แต่วันนี้นายลากฉันมานี่ทำไมกัน?” เซี่ยหย่าซวีถามอย่างสงสัย ด้วยนิสัยของฟางเสิ่นแล้ว เขาไม่มีทางทำอะไรน่าเบื่ออย่างการโอ้อวดกับเธอแน่
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของฟางเสิ่นก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันที เขาใช้นิ้วชี้วาดเป็นวงกลมรอบตัว คล้ายกับจะบอกว่าสถานที่ประมูลทั้งหมดนี้จะตกอยู่ในความรับผิดชอบของเธอ จากนั้นก็หันไปถามเซี่ยหย่าซวีว่า “หย่าซวี เธอคิดว่าเธอมีความมั่นใจที่จะบริหารสถานที่ประมูลได้ไหม?”
“ฉันเหรอ?” เซี่ยหย่าซวีเบิกตากว้างทันที “นายอยากให้ฉันเป็นคนบริหารสถานที่ประมูลนี้เหรอ แล้วตัวนายล่ะ?”
“ฉันน่ะเหรอ ก็แค่นั่งรอรับเงินสิ” ฟางเสิ่นตอบพร้อมหัวเราะ “เอาล่ะ ฉันพูดเล่น เธอก็รู้ว่าฉันอยากสร้างสถานที่ประมูลระดับสูง ฉันอยากให้คนทั้งโลกคลั่งไคล้สินค้าจากสองโลกประมูล เพื่อทำให้เป็นจริงได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือแหล่งสินค้าที่จะนำมาประมูล เพราะงั้นอนาคตฉันคงต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ในการออกไปหาสินค้าเหล่านี้ จึงไม่ค่อยมีเวลาเข้ามาบริหารจัดการสถานที่ประมูล ส่วนเรื่องพวกนี้ฉันก็ไม่ถนัดอยู่แล้ว เธอถึงต้องมาช่วย”
นี่คือความตั้งใจของฟางเสิ่น
เขาเป็นผู้ฝึกตน ไม่คิดจะเสียเวลาไปกับเรื่องหยุมหยิมมากมาย แก่นแท้ของสองโลกประมูลคือสมบัติล้ำค่าที่หาได้ยากในโลก หากควบคุมสิ่งเหล่านี้ไว้ได้ก็ไม่ต้องกลัวใครจะมาโค่นสถานที่ประมูลของเขา
เรื่องการประชาสัมพันธ์ การบริหารจัดการ และรายละเอียดปลีกย่อยอื่น ๆ ฟางเสิ่นไม่คิดจะลงมือเอง เขาไม่มีเวลาหรือพลังงานมากพอ แค่คอยเข้ามาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและจัดการเรื่องสำคัญ ๆ บ้างเป็นครั้งคราวก็พอ การมอบอำนาจให้เหมาะสมคือทางเลือกที่ดีที่สุด
เซี่ยหย่าซวีเป็นเพื่อนของเขา ฟางเสิ่นรู้จักนิสัยของเธอดี เธอเป็นเพื่อนที่สามารถไว้ใจได้ การมอบหมายให้เธอจัดการเรื่องภายในสถานที่ประมูล ฟางเสิ่นจึงรู้สึกสบายใจ
เมื่อได้ยินน้ำเสียงจริงจังของฟางเสิ่น เซี่ยหย่าซวีก็เริ่มคิดอย่างจริงจัง
“ฟังดูไม่เลว แต่… แต่ฉันจะทำได้เหรอ?” เซี่ยหย่าซวียังคงไม่มั่นใจ เพราะเธอยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย แม้ใกล้จะเรียนจบแล้ว แต่เธอก็ไม่มีประสบการณ์มากพอ
เซี่ยหย่าซวีรู้สึกสนใจในข้อเสนอนี้จริง ๆ แม้ว่าเธอจะเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยหลินไห่ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ และไม่ต้องกังวลว่าจะหางานทำไม่ได้หลังเรียนจบ แต่การจะได้โอกาสบริหารธุรกิจที่มีมูลค่านับล้านแบบนี้อย่างน้อยก็ต้องผ่านการขัดเกลาตนเองในสังคมมาเป็นเวลาหลายปี และการที่เป็นผู้หญิงก็ทำให้โอกาสเช่นนี้ยิ่งยากขึ้นไปอีก
โอกาสเช่นนี้หายากเกินไป เซี่ยหย่าซวีไม่อยากปล่อยโอกาสนี้หลุดมือไป แม้ว่าในมหาวิทยาลัยเธอจะเป็นหัวหน้าห้อง แต่โลกภายนอกกับในรั้วมหาวิทยาลัยเป็นคนละเรื่องกัน ประสบการณ์หลายอย่างที่มีอยู่ก็ไม่สามารถนำมาใช้ในสังคมได้ทั้งหมด
“ไม่กี่เดือนก่อน ฉันก็ไม่มีอะไรเลย แต่ตอนนี้ ฉันก็มีสถานที่ประมูลเป็นของตัวเองแล้ว” ฟางเสิ่นใช้ตัวเองเป็นตัวอย่างเพื่อให้เซี่ยหย่าซวีคลายความสงสัย “ไม่ต้องห่วง ถึงเธอจะทำพังไป ฉันก็ไม่โกรธเธอหรอก”
เซี่ยหย่าซวีหัวเราะออกมาเบา ๆ
“ม่อฉงและโจวหรง ฉันก็ไว้ใจพวกเขามากเหมือนกัน แต่สำหรับฉันแล้ว เธอมีความสามารถมากกว่า เหมาะสมที่สุดที่จะเป็นผู้จัดการใหญ่ของสถานที่ประมูล” ฟางเสิ่นกล่าว “หลังจากซื้อสถานที่ประมูลมาแล้ว ก็ต้องทำการปรับปรุงใหม่ก่อนถึงจะเปิดดำเนินการได้ ชื่อสถานที่ประมูลก็ต้องเปลี่ยนเป็นสองโลกประมูลด้วย ฉันจะเรียกม่อฉงและโจวหรงมาช่วย เธอทั้งสามคนก็จัดการเรื่องเหล่านี้ไปพร้อมกัน ถือว่าได้ฝึกฝนไปในตัว เมื่อถึงเวลาเปิดดำเนินการจริงก็จะสามารถทำงานได้อย่างมั่นใจ”
ดวงตาของเซี่ยหย่าซวีเปล่งประกาย ด้วยเวลานี้ที่ใช้ในการเตรียมตัวจึงถือว่าดีมาก เธอเองก็เป็นนักศึกษาปีสี่ ซึ่งเค้าโครงของวิทยานิพนธ์จบก็เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีเวลาออกมาทำงาน ดังที่ฟางเสิ่นบอก ช่วงเวลานี้สามารถใช้ศึกษาและคุ้นเคยกับงานในสถานที่ประมูลได้ พอถึงเวลานั้นก็จะรู้ได้เองว่าเธอจะสามารถทำงานนี้ได้ดีหรือไม่
“ถ้าอย่างนั้น ฉันก็จะเป็นผู้จัดการของสถานที่ประมูลไปก่อน แต่สำหรับตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ ไม่ว่าฉันจะทำได้ดีหรือไม่ อย่างน้อยก็ต้องรอจนฉันเรียนจบก่อน” เซี่ยหย่าซวีตัดสินใจคว้าโอกาสที่หายากนี้ไว้
“ฉันเชื่อว่าเธอทำได้แน่นอน” ฟางเสิ่นตอบพร้อมรอยยิ้ม
เมื่อเธอตอบตกลง เซี่ยหย่าซวีก็เริ่มเข้าสู่โหมดการทำงานอย่างรวดเร็ว
ด้วยความเร่งรัดของเธอ ฟางเสิ่นจึงเรียกพนักงานของสถานที่ประมูลมารวมตัวกัน และประกาศการแต่งตั้งเซี่ยหย่าซวีเข้ารับตำแหน่ง พร้อมกับแจ้งว่าสถานที่ประมูลจะปิดทำการเพื่อปรับปรุงเป็นเวลาหนึ่งเดือน ให้พนักงานกลับไปพักได้ และยังคงจ่ายเงินเดือนตามปกติ
ในช่วงเวลานี้ เซี่ยหย่าซวีมีอำนาจเรียกตัวพนักงานคนใดมาก็ได้ พวกเขาต้องมาทำงานตามคำสั่ง พร้อมทั้งยังมีอำนาจในการบริหารจัดการบุคลากร สามารถไล่พนักงานคนใดก็ได้
พนักงานเดิมของหลงซิงสถานที่ประมูล ฟางเสิ่นไม่ได้ตั้งใจจะไล่ออกทั้งหมด แต่ก็ไม่คิดจะเก็บไว้ทั้งหมดเช่นกัน การคัดกรองพนักงานจะมอบให้เซี่ยหย่าซวีจัดการ เป็นการฝึกฝนสะสมประสบการณ์ในการสั่งการเพื่อสร้างความคุ้นเคยและความน่าเชื่อถือในหมู่พนักงานเดิมของสถานที่ประมูลให้กับเธอ
จบบท