บทที่ 192 ตอนที่191. เปิดกล่องสุ่มรสเผ็ด
ไม่ใช่แค่ความอร่อยที่คนทนไม่ได้ แต่คนก็มากันเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย
ตอนนี้ถึงขั้นต้องเปิดทั้งสี่ประตูของร้านแล้ว
และยังต้องยกม่านที่กั้นตรงครัวออกเพราะคนเข้าออกมากมาย
พ่อครัวหลู่ก็กระหน่ำทำพริกน้ำมันพร้อมเสียง “ซ่า~ ซ่า~”
กลิ่นหอมที่พวยพุ่งออกไปกระจายทั่วถึงจุดเด่นของห้างทันที
ใกล้จะถึงเวลามื้อเย็นแล้ว คนทยอยเข้ามาในห้างกันเต็มที่
เขามองไปเห็นแถวยาวเหยียดที่วนรอบร้านไปไกล
จนต้องเพิ่มพนักงานรักษาความปลอดภัยเป็นสิบสองคน
แล้วยังเห็นหลายคนที่เหมือนเพิ่งเห็นเมื่อสักครู่นี้
คนที่ส่งหมั่นโถวเมื่อกี้ก็ดูจะยังอยู่ในแถว
หรือที่ใส่เสื้อกั๊กสีแดงของร้านมือถือที่อยู่ในห้าง พนักงานทั้งร้านก็มาต่อแถว
และร้านชาบูจากชั้นห้าก็ไม่พลาดที่จะส่งพนักงานลงมาชิมด้วย
ไม่ใช่แค่พนักงานเท่านั้น แต่ทุกคนในห้างเหมือนจะมองลงมาที่ร้าน
เปิดร้านวันแรกยังไม่ยุ่งขนาดนี้เลย
ที่แย่กว่านั้นก็คือ วันนี้เหมือนทำงานฟรี เสียรายได้ไปเป็นหมื่นในมื้อนี้
หลัวอี้หางคิดว่าคงต้องเอาพริกน้ำมันเข้ามาอยู่ในเมนูแล้ว อย่างต่ำสิบหยวนต่อชิ้น
แต่ก็นั่นแหละ มันก็ยังไม่เพียงพออยู่ดี
ประมาณเก้าโมงครึ่ง เสียงจากในครัวดังขึ้น
“พริกน้ำมันหมดแล้ว!”
คนในร้านที่ทั้งเหนื่อยและหิวต่างเฮโลด้วยความโล่งใจ
แต่คนที่ยังต่อแถวอยู่ร้อยกว่าคนไม่มีใครยอม
หลิวเพี่ยวเลี่ยงต้องรีบออกไปสงบสติอารมณ์ของคน
สุดท้ายต้องแจกคูปองให้คนที่ต่อแถวทุกคนหนึ่งใบ
โดยสามารถนำมารับพริกน้ำมันได้ฟรีในครั้งหน้า
คนในร้านกลับมานั่งหมดเรี่ยวแรงกันเป็นแถว
มือที่บวมเบียดกันจนเมื่อย ส่วนหลิวเพี่ยวเลี่ยงกับหลัวอี้หางก็เป็นน้ำมันเกลี้ยง
แต่ทุกคนต่างยิ้มดีใจเมื่อหลัวอี้หางยื่นข้อเสนอ
“วันนี้ทุกคนทำงานหนัก ผมจะออกเงินให้ทุกคนเลยนะ เป็นโบนัสพิเศษให้ทุกคน”
ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้ยินคำว่าโบนัสอีกแล้ว
ทันใดนั้น ความเหนื่อยก็ถูกลืมไป
พ่อครัวหลู่พึมพำว่า “ดูซิว่ามีอะไรให้กินบ้าง ของง่าย ๆ ก็พอ”
ทุกคนรู้ดีว่าในครัวยังมีของกินอีกมากมาย เช่น กุ้งเผาที่แทบไม่ได้ขายวันนี้
แต่ทุกคนเหนื่อยจนไม่อยากทำอะไรเลย
“ยังมีหมั่นโถวเหลืออยู่ยี่สิบกว่าลูก หรือไม่ก็ทำบะหมี่พร้อมผัก” เสียงผู้ช่วยในครัวกล่าว
“ไม่ต้องหรอก มีหมั่นโถวก็พอแล้ว” พ่อครัวหลู่หันหลังเดินไปที่ครัวและหยิบกะละมังออกมาจากใต้เคาน์เตอร์
“นี่ไง! พริกน้ำมันที่ทำครั้งแรกยังเหลืออยู่หน่อย ๆ มันเกือบลืมไปแล้วว่ามันยังอยู่ในนี้”
ทุกคนได้ยินดังนั้นก็ตาเป็นประกายขึ้นมา
พนักงานเสิร์ฟยิ้มแป้นหยิบหมั่นโถวมาและทำพริกน้ำมัน
ทุกคนที่ไม่เคยกินจึงรีบตักแบ่งกันอย่างดีใจ
หลิวเพี่ยวเลี่ยงกับหลัวอี้หางเองก็หยิบหมั่นโถวคนละอัน
“พี่หลัว วันนี้เรามาถึงจุดนี้ก็เพราะว่าไม่ได้จำกัดจำนวนที่จะแจก ควรตั้งป้ายบอกจำนวนที่มีนะ” หลิวเพี่ยวเลี่ยงพูด
หลัวอี้หางโบกมือแล้วตอบว่า “วันนี้ยอดขายหายไปเยอะ ขอหักจากกำไรของฉันเถอะ”
หลิวเพี่ยวเลี่ยงส่ายหน้า “ไม่ได้หายหรอก พี่หลัวคุณลองคิดดู พรุ่งนี้ได้กำไรเต็ม ๆ”
“แต่พริกน้ำมันหมดแล้ว กว่าจะหามาเติมให้ทันคงต้องรอก่อน”
หลิวเพี่ยวเลี่ยงจึงเสริม “วันนี้ถือว่าเป็นโฆษณาขนาดใหญ่ครับ พี่หลัว”
“พี่หลัวคิดจะทำพริกน้ำมันนี้ขายตรงหรือจะขายในร้านอย่างเดียว”
หลัวอี้หางคิดและกล่าวว่า “ร้านคงไม่พอ ต้องหาทางขายตรงด้วย
แปลงพริก 20 เอเคอร์ มีผลผลิตแห้งอยู่ 2 ตัน ถ้าทำพริกน้ำมันก็เกือบ 10 ตัน
แบบนี้ต้องหาผู้ผลิตมาช่วย”
หลิวเพี่ยวเลี่ยงเห็นด้วยและคิดว่ามันอาจจะเป็นโอกาสใหม่ในการขยายธุรกิจ
เขาคุยกันไปพลางกินหมั่นโถวไปพลาง จนถึงเวลาเดินทางกลับ
หลัวอี้หางรีบวางแผนหาโรงงานผลิตใหม่ และเตรียมการทั้งหมด
ไม่นานวันเสาร์นั้นเขาได้นัดหมายผู้เชี่ยวชาญด้านสูตรอาหารอย่างหวังเสียนซึ่งตอบรับด้วยความยินดี
และไม่นานพริกน้ำมันแบบบรรจุขวดก็จะเริ่มผลิตขายตามที่เขาวางแผนไว้!
แต่ด้วยความต้องการที่มากจนคาดไม่ถึง พริกน้ำมันแบบซองและแบบจำกัดจำนวน
ได้กลายเป็นสินค้าที่ต้องคัดกรองและค่อย ๆ ปล่อยออกมาให้ลูกค้าได้เปิดกล่องสุ่มกัน
ทีละวัน ๆ###(จบบท)