บทที่ 187ตอนที่ 186.คนดีมักได้ผลตอบแทนที่ดี
สองชั่วโมงต่อมา
โร่หมิงไห่และเด็ก ๆ ทำวัสดุที่เตรียมไว้หมดแล้ว ผลิตก้อนเห็ดได้มากกว่าพันก้อน
การทดลองผลิตได้ผลดีมาก แม้จะทำงานแบบลองเครื่องแต่ก็ได้ผลผลิตสูง แสดงให้เห็นว่าบริษัทผู้ผลิตเครื่องจักรไม่ได้หลอก การผลิตรายวัน 15,000 ก้อนนั้นเป็นไปได้จริง
แต่เงื่อนไขคือต้องมีวัสดุสำรองพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งการเตรียมวัสดุให้พร้อมอย่างต่อเนื่องนั้นยากมาก
ขณะที่หลัวอี้หางกับเจียงวากำลังมองเด็ก ๆ ทำงาน เขาก็ประมาณจำนวนงานคร่าว ๆ
การเดินสายการผลิตนั้นต้องการคนสี่คนพอสำหรับทำงาน แต่ถ้าจะให้มันทำงานต่อเนื่อง ต้องมีคนเตรียมวัสดุอีกสี่สิบคน และต้องมีพื้นที่ที่ใหญ่กว่าโรงงานนี้ถึงสิบเท่า เพื่อให้การผลิตเป็นไปได้
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยทำไปหยุดไปก็ได้ ตอนนี้ผลิตเดือนละสองหมื่นก้อนก็พอแล้ว ถ้าสั่งมากกว่านี้ค่อยว่ากันอีกที” เจียงวาพูดอย่างสบายใจ
หลัวอี้หางได้ยินคำว่า “สองหมื่น” ก็เลยถามขึ้นว่า “สั่งของลุงหลิวเรียบร้อยแล้วเหรอ?”
“เรียบร้อยแล้ว เรามีความสัมพันธ์กันดี ของเหมือนกันทำไมต้องไปซื้อไกล ๆ ราคาก็ไม่ต่างกัน เขาก็เลือกซื้อจากที่นี่อยู่แล้ว”
มีออเดอร์สองหมื่นก้อน เจียงวาก็มั่นใจว่าโรงงานนี้จะอยู่ได้แน่นอน
หลัวอี้หางชี้ไปที่โร่หมิงไหที่กำลังยุ่งอยู่ “นี่ นี่คือคนเก่งนะ พอรู้ว่าเปิดโรงงาน เขาก็รีบกลับมา ไม่พูดพร่ำทำเพลงเลย ความสัมพันธ์ดีขนาดนี้ จะไล่เขาทำไม เก็บเขาไว้เถอะ”
“เดี๋ยวค่อยว่ากัน”
“ดูเขาเถอะ คนแบบนาย ทำอะไรก็ลังเลไปหมด”
หลัวอี้หางบ่นเจียงวาเพราะความลังเลของเขาแบบไม่ขาดสาย
เจียงวาก็ยังคง “เดี๋ยวค่อยว่ากัน” เหมือนเดิม
แต่ก็อย่างว่าแหละ
จากนี้ไปคงไม่มีโอกาสลังเลได้อีก
งานเสร็จเรียบร้อย
โร่หมิงไห่บอกให้เจียงเสี้ยวอันพาเด็กสิบคนไปพักก่อน
จากนั้นเขาก็พาดเจียงวากลับเข้ามาที่สำนักงาน
พอนั่งลงและดื่มน้ำ เขาก็เริ่มพูดถึงปัญหาหลายอย่างที่เขาสังเกตเห็น
“พี่เจียงครับ โรงงานของพี่ไม่มีมาตรการป้องกันไฟที่ดีพอ วัสดุไม่ควรวางใกล้เครื่องจักร มีโอกาสไฟไหม้ง่าย ๆ ควรทำหลังคาในลานข้างนอก วางวัสดุไว้กลางแจ้งกึ่งหนึ่ง และใช้แผ่นกันชื้นรองพื้น ใช้แผ่นกันไฟกั้นกลางและด้านข้าง”
“ในโรงงานก็ควรติดตั้งระบบสปริงเกอร์ดับเพลิง และมีเครื่องตรวจจับควันไฟ ต้นทุนไม่สูง”
“กฎความปลอดภัยก็ไม่มี เด็กคนหนึ่งสูบบุหรี่ในโรงงานแบบนี้ไม่ได้นะ”
“ตัวเครื่องจักรสำหรับทำก้อนเห็ดนั้นยังไม่ได้ทำการยึดกับพื้น มันมีรูสำหรับน๊อตที่ฐาน แต่น่าจะลืมไปตอนติดตั้ง ต้องเอาสว่านมาเจาะให้ยึดแน่น”
“ผมยังเห็นจุดเชื่อมต่อบางจุดไม่แน่นพอ ตัวดีไซน์ก็มีปัญหา ผมต้องใช้เหล็กมุมมาเชื่อมใหม่อีกที”
“สายไฟที่นี่เป็นแบบเปิดหมด ไม่มีท่อครอบ ในโรงงานมีเครื่องจักร รถเข็น มีด กรรไกร ทั้งหมดเป็นโลหะ ถ้าโดนกันจะเกิดอันตราย ผมจะไปซื้อท่อมาครอบสายไฟ”
“เครื่องจักรเชื่อมต่อกับแหล่งจ่ายไฟโดยตรง ไม่มีเครื่องป้องกัน ค่อนข้างเสี่ยง ผมจะติดตั้งเพิ่มให้”
“ควรทำห้องเล็ก ๆ ภายในโรงงานเป็นคลังสินค้าด้วย วัสดุที่ปนเปื้อนกับที่ไม่ปนเปื้อนต้องแยกเก็บ และต้องบันทึกการนำเข้า-ส่งออกให้ครบ”
“เรื่องเส้นทางการเดินของคนก็ไม่มีการจัดวางที่ดี เครื่องจักรวางแบบลวก ๆ ทำให้เดินไม่สะดวก แต่ไม่ต้องรีบ ค่อย ๆ ปรับไปได้หลังเริ่มทำงาน”
“ตอนนี้ผมสังเกตเห็นเท่านี้ อันอื่นต้องดูไปทำไปครับ” โร่หมิงไห่ดื่มน้ำอีกครั้งแล้ววางขวดน้ำลง “พี่เจียงครับ จะให้ผมอยู่ไหม?”
เจียงวาฟังแล้วถึงกับตกใจ “นายใช้เวลาแค่สองสามชั่วโมงก็ดูออกหมดเลยเหรอ?”
“ก็เรื่องพื้นฐานน่ะครับ พี่เจียง” โร่หมิงไห่หัวเราะพลางโยกศีรษะ เอานิ้วโป้งชี้มาที่ตัวเอง “ผมทำงานในโรงงานมาเป็นปี ไม่ได้เสียเวลาเปล่า”
เขาพูดแล้วก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้อีก “อ้อ พี่เจียงครับ ที่นี่ไม่มีอุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้าสถิตเลย ของพวกอุปกรณ์ป้องกันต่าง ๆ ก็ไม่มี ต้องมีชุดกันไฟฟ้าสถิต รองเท้ากันไฟฟ้าสถิต ถุงมือ หมวก หน้ากากพวกนี้ด้วยนะครับ ไม่งั้นทำงานไปนาน ๆ สุขภาพจะมีปัญหา”
พูดเสร็จโร่หมิงไห่ก็มองเจียงวาตรง ๆ แล้วยิ้มอย่างอ่อนน้อม
ทั้งหมดนี้เขาพูดตั้งแต่เรื่องความปลอดภัยไปจนถึงเรื่องการจัดการ คำพูดเต็มไปด้วยว่า “ผม” ทำอะไรยังไงบ้าง
สุดท้ายยังทิ้งประโยคให้คิด ให้ค่อย ๆ ปรับไปอีก…
เป็นใครก็เข้าใจความหมาย ชัดเจนว่า “ผมนี่เก่งนะ ผมมีประโยชน์มาก ขออยู่ต่อเถอะ”
หนุ่มร่างใหญ่ แต่กลับทำเหมือนแมวตัวเล็ก ๆ ที่อ้อนขอความเอ็นดูซะอย่างนั้น
ดูน่ารักอยู่เหมือนกัน
นี่มันคนมีความสามารถเลยนะ จะปล่อยให้พลาดไปได้ยังไง หลัวอี้หางก็ส่งสัญญาณให้เจียงวายอมรับเขา
“โร่หมิงไห่ นายจะยึดติดกับฉันแล้วสินะ” เจียงวาทุบโต๊ะ “ช่างมัน จะทำเงินได้ก็แบ่งให้นายครึ่งหนึ่ง เอ้า อยู่ต่อ”
“พี่เจียงสุดยอด!” โร่หมิงไห่ถึงกับดีใจจนกระโดดลอยขึ้นมานิด ๆ เอาตัวพาดบนโต๊ะทำงาน กอดหัวเจียงวาแล้วหอมหน้าผากไปหนึ่งที
“นายมันน่าขยะแขยงจริง ๆ!”
เจียงวาผลักโร่หมิงไห่ออกและลุกขึ้นยืนทันที
เขาตะโกนบอกทุกคนว่า วันนี้พอแค่นี้แล้ว ไปดื่มกันเถอะ
“ไปกันเลย”
“ไปกันเถอะ!”
“เสี้ยวอัน บอกเด็ก ๆ ให้กลับบ้านกันก่อน แล้วพรุ่งนี้รอฟังข่าว นายด้วยนะ มากินข้าวที่ร้านอาหารหมู่บ้าน”
——
โร่หมิงไห่บรรลุเป้าหมายแล้ว ที่โต๊ะดื่มเหล้าเขาจึงรินเหล้าให้เจียงวาก่อน จากนั้นหลัวอี้หาง และสุดท้ายเจียงเสี้ยวอัน
เขาดื่มไปสามแก้วรวด ค่อย ๆ ดื่มทีละแก้ว
ท่าทางจะดื่มเก่ง
พอดื่มไปนิดหน่อยก็เริ่มหิว กระเพาะร้องดังเป็นเสียงฟ้าร้อง
เมื่ออาหารมาเสิร์ฟ เขาก็ดูตาลุกวาว จนแทบจะเอาจานมาโกยใส่ปาก ดูท่าคงหิวมาก
เมื่อคืนเขานั่งรถไฟธรรมดา พอลงจากรถก็ได้แค่กินบะหมี่หนึ่งชาม แล้วก็มาทำงานหนักทั้งบ่ายแบบไม่ได้หยุดพัก แน่นอนว่าหิวเป็นธรรมดา
เจียงวารีบสั่งบะหมี่ร้อน ๆ มา
ให้อีกถ้วย ว่าจะกินรองท้องก่อน แล้วยังบ่นอีกว่า “ท้องว่าง ๆ จะดื่มอะไร ดื่มแบบนี้กระเพาะไม่เจ็บหรือไง”
บ่นเหมือนแม่จริง ๆโร่หมิงไห่เองก็เหมือนจะชอบที่เจียงวาบ่นให้
พอมีของตกถึงท้องก็สบายตัวแล้ว
โร่หมิงไห่ยกแก้วอีกครั้ง จากนั้นก็เล่าถึงชีวิตที่ผ่านมา
ชีวิตเขาก็ลำบากพอสมควร
ตอนอายุสิบแปดสิบเก้า เรียนจบจากโรงเรียนเทคนิคใหม่ ๆ เขาเริ่มทำงานที่โรงงานปุ๋ย เคยทำได้เกือบปีแล้วลาออกเพราะทนไม่ไหว
เขาหนีไปไกลถึงซานซี ทำงานก่อสร้างเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหาร แล้วก็ไปอยู่โรงงานปูนซีเมนต์หนึ่งปี สุดท้ายก็ลงหลักปักฐานที่ซวีโจว
ที่นั่นเขาทำงานในโรงงานแปรรูปชิ้นส่วนโลหะ เริ่มจากงานเล็ก ๆ จนกลายเป็นหัวหน้าแผนก
“นายจ้างที่นั่นเป็นคนไม่ดีเลย ชอบเอาแต่เล่นไม่ทำงานจริงจัง แต่หัวหน้าฝ่ายที่สอนผมดีมาก เป็นคนเก่ง รู้เรื่องการจัดการเครื่องจักร วางแผนควบคุมคุณภาพได้ดี และยังควบคุมต้นทุนเก่งมาก พี่เจียง ถ้าเราทำได้ใหญ่ ผมจะพาเขามาร่วมงานด้วยนะ เขาจะเป็นกำลังสำคัญให้ได้ ตอนนั้นพี่ก็แค่นอนเฉย ๆ เงินก็ไหลเข้ากระเป๋าเอง”
เขาวาดฝันไกลเลยทีเดียว
เจียงวายกมือมาตีหัวเขา “แกจะยึดอำนาจเหรอ ฉันก็จะนอนเฉย ๆ ไม่ทำอะไรเหมือนนายจ้างบ้า ๆ ของแกนั่นแหละ”
โร่หมิงไห่ยิ้มแบบทึ่ม ๆ และตอบว่า “พี่เจียงน่ะคนใหญ่คนโต งานลำบากเราทำเองไป พี่ต้องไปคิดเรื่องใหญ่ ๆ สิครับ”
เขาหยุดไปนิดหนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า “แต่บอกตรง ๆ เลย นายจ้างคนนั้นเขาอยู่สบายจริง ๆ…”
หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
โร่หมิงไห่ดูเหมือนจะดื่มเก่ง แต่จริง ๆ แล้วไม่เลย
ไม่กี่รอบก็เมาหมดสภาพแล้ว
หลัวอี้หางกับเจียงวาช่วยกันหามเขากลับ
เขาก็ไม่มีที่อยู่ และหลัวอี้หางก็ดื่มไปเยอะเลยกลับไม่ได้เช่นกัน
พวกเขาทั้งหมดเลยไปนอนที่บ้านของเจียงวา
ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขานอนบ้านใครแบบนี้
ทั้งหลัวอี้หางและเจียงวาไปนอนบ้านกันหลายครั้งแล้ว
โร่หมิงไห่ก็นอนบ้านเจียงวาบ่อยเหมือนกัน
ถือว่าคุ้นเคยกันดี…หรือเปล่านะ?
“โอ้โห! ใครถุงเท้าเหม็นขนาดนี้ แสบตาชะมัด”
“ฮ่า ๆ พี่เจียง ผมเอง~ ฮ่า ๆ ผมไม่ได้ถอดรองเท้าตั้งแต่ตื่นเมื่อวาน~ ฮ่า ๆ อ้วก~”
“โอ้โห นายทำตัวเองอ้วกเลยนะ…”
——
ป่วนกันอยู่ทั้งคืน ไม่มีใครได้หลับสบาย
เช้าวันรุ่งขึ้น หลัวอี้หางพาเจียงเสี้ยวอันไปขนก้อนเห็ดพันก้อนที่ทำไว้กลับบ้าน
อา เจียงเสี้ยวอันเอ๋ย เมื่อสองวันก่อนยังเป็นเด็กน่ารักอยู่เลย วันนี้กลายเป็นภาระให้เลี้ยงซะแล้ว…
เด็ก ๆ คนอื่นก็ทยอยกลับมา โร่หมิงไห่บอกตอนกินข้าวเช้าว่าเขาจะทดสอบนิสัยเด็กพวกนี้อีกครั้ง
เขาจะเลือกคน โดยไม่เลือกที่คนแข็งแรงทำงานได้ดี
เขาจะเลือกคนที่ขี้กลัว
เขามีเหตุผลที่ดีว่า โรงงานก้อนเห็ดก็เป็นโรงงานเหมือนกัน เครื่องจักรพวกนี้แม้จะมีระบบป้องกัน แต่ภายในนั้นมีดและเครื่องเจียรยังไงก็ยังอันตราย
คนขี้กลัวมักจะทำตามกฎ และจะไม่ทำอะไรแบบมักง่าย
แต่ถ้าเป็นคนกล้าเกินไป อาจจะอยากโชว์เพื่อน ก็อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงได้
ระหว่างทาง
หลัวอี้หางคุยกับเจียงเสี้ยวอัน ถามถึงเรื่องโร่หมิงไห่ เพราะเมื่อวานไม่สะดวกถาม
“พี่ไห่ตอนเด็ก ๆ ครอบครัวเขาเสียหมดแล้วครับ อุบัติเหตุทางรถยนต์ ช่วยไว้ไม่ทัน เหลือแค่ลุงคนหนึ่งที่ไม่ค่อยได้ดูแลเขา พี่ไห่ก็เลยได้กินข้าวกับคนในหมู่บ้าน ได้กินกับข้าวที่บ้านพี่เจียงเป็นส่วนใหญ่”
“ตอนเด็ก ๆ ก็ถูกแกล้ง ก็พี่เจียงนี่แหละที่ช่วย”
“พอโตขึ้น พี่ไห่เก่งมาก นำเด็ก ๆ ตีกัน แย่งที่กันกับเด็กหมู่บ้านข้าง ๆ เด็ก ๆ ในหมู่บ้านเรานับถือเขาหมดเลย”
“เจ้านาย ผมเล่าเรื่องเด็ก ๆ นะ ไม่ใช่ผู้ใหญ่”
“ตอนเด็ก ๆ ผมน่ะชอบพี่ไห่มาก แต่ตอนที่พี่ไห่มีชื่อเสียง ผมยังเด็กเกินกว่าที่จะไปด้วย”
“ตอนนั้นพี่เจียงคนเดียวที่คุมเขาได้”
ถือเป็นคนดังอยู่เหมือนกัน เป็นหัวหน้าเด็กไม่ดีในหมู่บ้าน
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเด็ก ๆ พวกนั้นถึงฟังคำสั่งเขาหมด
“ก็จริงนะ ถ้าเราทำดีไว้ วันหนึ่งเราก็จะได้รับผลดีตอบแทน”
“เจ้านาย ป้าของผมไม่เคยพูดแบบนั้นเลย ป้าผมพูดว่าทำอะไรก็ทำไป มันก็แค่เรื่องผ่านไป ไม่ได้คิดถึงเรื่องตอบแทน”
“ป้าพูดตอนไหน?”
“ตอนเดือนที่แล้ววันที่อากาศเย็นลง เครื่องปรับอากาศเปิดไว้แล้วน้องเจี๋ยป่วย ป้าก็เลยต้มน้ำขิงให้เขากิน”
“ป้านายปากแข็ง”
“เจ้านายว่าป้าผมลับหลังนะ”
“จะไปบอกเขาหรือไง?”
“ไม่คุ้มที่จะบอกหรอก แต่ผมว่าจริง ๆ เจ้านายก็ปากแข็งเหมือนกันนะ”
“แกนี่มันตัวแสบ รู้มั้ย”
คุยเล่นกันระหว่างทาง
หลัวอี้หางขับรถกลับถึงบ้าน
พอจอดรถ เจียงเสี้ยวอันก็รีบกระโดดลงไปแล้วตะโกนเข้าไปในบ้าน “ป้า! ผมกลับมาแล้ว คิดถึงป้าแทบแย่!”
“โอ้ย ๆ เสี้ยวอันกลับมาแล้ว พูดจาน่าฟังจัง มาให้ป้าดูหน่อย ออกไปตั้งหลายวันเป็นไงบ้าง ตอนเที่ยงป้าจะทำของอร่อยให้กินนะ…”
หลัวอี้หางยืนฟังอยู่ข้างหลัง แอบรู้สึกอิจฉานิดหน่อย
ลูกน้องยังไงก็สู้พ่อแม่ไม่ได้นะ
แต่ก็ช่วยไม่ได้จริง ๆ
เอาเถอะ ให้เจียงเสี้ยวอันพักบ้างก็แล้วกัน ออกไปตั้งหลายวัน
หลัวอี้หางเดินกลับไปขึ้นรถ ขับไปยังแท่นขนของ
“เจียงหงจื้อ เจียงชิ่งไฉ มาช่วยขนของลงหน่อย”
“คุณหม่าจื้อเทา ผู้เชี่ยวชาญ ก้อนเห็ดชุดแรกมาแล้ว ลองใช้ในโรงเพาะเห็ดใหม่กันเถอะ”
“เจียงชิ่งไฉ อีกไม่กี่วันเด็กอีกห้าคนจะมา นายดูแลพวกเขาไหวไหม?”
(จบบท)###