ตอนที่ 33 หลอมพลังวิญญาณเพื่อเข้าสู่ช่วงสร้างรากฐาน!
ตอนที่ 33 หลอมพลังวิญญาณเพื่อเข้าสู่ช่วงสร้างรากฐาน!
อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา....เตาที่สามก็ประสบความสำเร็จเช่นกัน
ด้วยวิธีนี้ จึงทำให้ฉู่เสวียนสามารถกลั่นน้ำอัมฤทธิ์โลหิตสร้างรากฐานได้สองเม็ด บวกกับยาเม็ดพื้นฐานที่ได้รับจากถุงเก็บของของโอวหยางห่าว โดยรวมแล้ว เขามีโอกาสสามครั้งในการเลือนระดับเข้าสู่ช่วงสร้างรากฐาน!
“ยาสร้างรากฐานหนึ่งเม็ดอาจเพิ่มอัตราความสำเร็จในการทะลวงเขตแดนได้ประมาณ 30 % ในเมื่อมีโอกาสถึงสามครั้ง ข้าจะต้องประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน!” ฉู่เสวียนกล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม
นี้คือเขตแดนแรกที่ผู้บำเพ็ญทุกคนที่อยู่ในช่วงกลั่นลมปราณต้องข้ามไปตั้งแต่พวกเขาเริ่มเข้าสู่เส้นทางของผู้ฝึกฝนอมตะ
แต่อย่างน้อย 80% ผู้บำเพ็ญที่อยู่ในขั้นช่วงกลั่นลมปราณนั้น จะไม่สามารถทะลวงผ่านไปได้
แต่หากมียาสร้างรากฐานที่เพียงพอ ฉู่เสวียนก็เชื่อว่าจะต้องมีผู้บ่มเพาะ 70 ถึง 80 % ที่สามารถทะลวงขอบเขตไปสู่ช่วงสร้างรากฐานได้
แต่การฝึกฝนนั้นก็โหดร้ายมาก
เนื่องจากทรัพยากรมีน้อย แต่กลับมีผู้บ่มเพาะที่แสวงหาความเป็นอมตะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
บางคนก็สามารถทะลวงผ่านไปได้ แต่บางคนก็ไม่สามารถทะลวงผ่านได้
ด้วยเหตุนี้ จึงเกิดผู้บ่มเพาะทั่วไปขึ้นเป็นจำนวนมาก
ฉู่เสวียนส่ายหัวและโยนความคิดไร้สาระเหล่านั้นออกจากหัวไป
จากนั้นเขาก็เอาร่างของโอวหยางห่าวให้กับเสี่ยวหลง เสี่ยวหู่ เสี่ยวเป้าและศพหยินตัวอื่น ๆ แบ่งกันกินไป ก่อนจะบอกให้พวกเขาเฝ้าโรงแรมห่าวไท่แห่งนี้ไว้
เลือดเนื้อของผู้บำเพ็ญช่วงกลั่นลมปราณขั้นที่ 8 นั้นถือว่าเป็นอาหารเสริมที่ดีสำหรับพวกเขา หลังจากรับประทานอาหารแล้ว ศพหยินแต่ละตัวก็ได้เพิ่มระดับขึ้นมาอีกหนึ่งระดับ
ส่วนฉู่เสวียนก็ไปพักเอาแรงและสงบจิตสงบใจก่อน เนื่องจากว่าเขาฝึกฝนการเล่นแร่แปรธาตุมาหลายวันติดต่อกัน จึงรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมากมาก
เห็นได้ชัดว่าการทะลวงเขตแดนไปสู่ช่วงสร้างฐานรากในครั้งนี้ไม่ใช่ขั้นตอนที่ง่ายๆเลย เพราะเขาต้องการปรับทุกอย่างให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุดก่อนจะบุกทะลวงฝ่าไป
สามวันต่อมา…
ฉู่เสวียนได้ลืมตาขึ้นมา ตอนนี้ร่ายกายของเขานั้นพร้อมแล้ว เขาหยิบน้ำอัมฤทธิ์โลหิตสร้างรากฐานออกมาและกลืนมันลงไปภายในอึกเดียว
พรึบ!
เนื่องจากว่ามีการเตรียมร่างกายและจิตใจมาอย่างดีแล้ว เมื่อกลืนน้ำอัมฤทธิ์โลหิตสร้างรากฐานลงไป ฤทธิ์ของยาก็ซึมเข้าสู่เส้นเลือดอย่างรวดเร็วราวกับแม่น้ำสายใหญ่ มันได้ไหลผ่านแขนขาและกระดูกของเขาไป
เมื่อผ่านไปสัปดาห์แล้วสัปดาห์เล่า จากมีฤทธิ์ในการรักษาก็เปลี่ยนไปเป็นฟื้นฟูพลังทางจิตวิญญาณอย่างรวดเร็ว
ฤทธิ์ของยาที่มีอยู่ในน้ำอัมฤทธิ์โลหิตสร้างรากฐานนั้นมีพลังมากกว่ายาอายุวัฒนะขั้นกลั่นลมปราณเป็นอย่างมาก
ทันทีที่มันซึมซับเข้าสู่ร่างกาย ฉู่เสวียนถึงกับรู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังถูกกระตุ้น
หลังจากที่ฤทธิ์ของยาได้ซึมซับเข้ามาในร่างกายนานกว่าสิบวันติดต่อกัน พลังวิญญาณใหม่ก็มุ่งหน้าตรงไปยังทะเลปราณภายใต้การนำทางของเขา
บัซ!
ทะเลปราณของเขาได้ขยายใหญ่ขึ้น จนไปถึงขีดจำกัดแล้ว
ขณะได้นี้มีพลังวิญญาณอันยิ่งใหญ่หลั่งไหลเข้ามา
ทำให้เขารู้สึกว่าทะเลปราณเริ่มบวมและรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงขึ้นมาฉับพลัน
นี่คือการทำงานของน้ำอัมฤทธิ์โลหิตสร้างรากฐาน มันจะเข้าไปช่วยฉีดพลังวิญญาณจำนวนมากในร่างกายลงสู่ทะเลปราณในคราวเดียวจนเต็ม
บังคับให้พลังวิญญาณที่เป็นเหมือนอากาศให้กลายเป็นของเหลว
แต่ใครก็ตามที่เคยศึกษาฟิสิกส์มาจะรู้ดีว่าการทำให้อากาศเฉื่อยกลายเป็นของเหลวได้นั้นจะต้องใช้อุณหภูมิที่เหมาะสมและแรงดันมหาศาลอย่างมาก
หากครั้งแรกล้มเหลว ก็ต้องทำต่อไปจนกว่าฤทธิ์ของน้ำอัมฤทธิ์โลหิตสร้างรากฐานจะหมดลงอย่างสมบูรณ์ แต่หากยังไม่สามารถทำให้พลังวิญญาณกลายเป็นของเหลวได้ ก็จำเป็นจะต้องใช้พลังภายนอกเข้าไปกระตุ้นมันอีก
นั่นก็หมายความว่าจำเป็นจะต้องใช้ยาเม็ดที่สองกระตุ้นเข้าไป
ดังนั้นกระบวนการนี้จึงเต็มไปด้วยความยากลำบาก
ด้วยเหตุนี้ผู้บ่มเพาะจำนวนมากจึงไม่สามารถทะลวงผ่านเขตแดนนี้ไปได้
ฉู่เสวียนนั่งอยู่ตรงจุดเดิม ครั้งแล้วครั้งเล่าที่พลังวิญญาณของเขาถูกฉีดให้ไหลลงสู่ทะเลปราณ
ล้มเหลว ล้มเหลว และก็ล้มเหลว...
เขายังคงรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงในตอนแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความเจ็บปวดนั้นก็ค่อยๆทุเลาเบาบางลง ดูเหมือนว่าเขาจะกดพลังวิญญาณของเขาลงไป ส่งผลให้ห้าวันต่อมา จู่ๆ เขาก็รู้สึกผ่อนคลายไปทั้งตัว เนื่องจากว่าแรงดันจากภายนอกได้หายไปแล้ว
ฉู่เสวียนจึงมองเข้าไปเพื่อสำรวจภายในร่างกายของเขา...พลังวิญญาณยังไม่ได้ถูกบีบอัดจนกลายเป็นเหลวนี่น่า หรือว่าตอนนี้ฤทธิ์ของยาได้หมดลงไปแล้ว
ฉู่เสวียนดูไม่แปลกใจแม้แต่น้อย เมื่อรู้เช่นนั้นเขาก็ได้หยิบน้ำอัมฤทธิ์โลหิตสร้างรากฐานขึ้นมาอีกขวด แล้วเทมันเข้าไปในปาก จากนั้นก็เริ่มบีบอัดพลังวิญญาณของเขาต่อไป
อีกห้าวันต่อมา…
ครั้งนี้ก็เหมือนกับครั้งที่แล้ว ฤทธิ์ของยาหมดลงไปอีกครั้ง ฉู่เสวียนไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาได้หยิบน้ำอัมฤทธิ์โลหิตสร้างรากฐานขึ้นมาแล้วเทมันลงไปในปากอย่างไม่รีรอ
ท่าทางของเขาในตอนนี้ไม่มีความผิดหวังหรือท้อแท้แม้แต่น้อย แต่เขากลับดูกระตือรือร้นที่จะได้ลอง
เขาไม่รู้ว่าบางทีอาจเป็นเพราะโชคช่วย หรืออาจเป็นเพียงลางสังหรณ์ที่ทำให้เขารู้สึกอยู่เสมอว่าครั้งนี้เขาจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
หลังจากที่ดื่มน้ำอัมฤทธิ์โลหิตสร้างรากฐานเข้าไปอีกครั้ง เขาก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นในทะเลปราณของเขา
พลังวิญญาณอันทรงพลังได้มีการบีบอัดครั้งแล้วครั้งเล่า ที่ด้านล่างของทะเลปราณ พลังวิญญาณที่ถูกบีบอัดนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดก็แสดงสัญญาณของการหลอมเหลว ในช่วงเวลาหนึ่ง หยดน้ำเล็กๆ ขนาดเท่าเมล็ดข้าวก็หยดลงมา
ติ๋ง!
หยดน้ำได้ตกลงสู่ก้นทะเลปราณ การปรากฏตัวของมันก็ไม่ต่างจากโอกาสในการทะลวงผ่านของเขาได้มาอยู่ตรงหน้าแล้ว
ทันใดนั้นพลังวิญญาณจำนวนมากก็เริ่มกลายเป็นของเหลว และหยดลงมา
ติ่งๆๆ!
ส่งผลให้ก้นทะเลปราณมีน้ำหยดลงมารวมตัวกันจนเป็นแอ่งน้ำเล็กๆ มีพลังวิญญาณมากกว่าสิบหยดนอนเงียบ ๆ อยู่ในนั้น! ฉู่เสวียนรู้สึกว่าร่างกายของเขาผ่อนคลายและเบาลงเป็นอย่างมาก
บูม!
ออร่ารอบตัวของเขาพุ่งสูงขึ้น ระเบิดพลังออกมาจนกวาดไปทั่วดาดฟ้าและกระจายออกไปทุกทิศทางจนฝุ่นปลิวฟุ้ง ภายในรัศมีหนึ่งกิโลเมตรรอบโรงแรมห่าวไท่ในขณะนี้ได้มีลมแรงพัดแรงขึ้นมา
เสี่ยวหลง เสี่ยวหู่ และเสี่ยวเป้าที่กลับมาจากการล่าก็สะดุ้งตกใจและอดไม่ได้ที่จะมองขึ้นไปบนดาดฟ้าด้วยความเคารพ
ในขณะนี้ ฉู่เสวียนก็ลืมตาขึ้นมา มีแสงวาบผ่านในดวงตาของเขา ซึ่งเต็มไปด้วยพลังที่น่าทึ่ง
“ข้าได้ก้าวเข้าสู่ระดับการสร้างรากฐานแล้ว!” เขากำหมัดแน่นด้วยความตื่นเต้น
ผู้บำเพ็ญที่อยู่ในช่วงสร้างฐานสามารถบินได้โดยไม่ต้องใช้อาวุธเวทมนต์บินได้ใดๆ มาช่วย เพราะพวกเขาจะมีความสามารถในการบินด้วยทักษะการบินหลบหนีแสง
แต่แน่นอนว่าผู้บำเพ็ญช่วงสร้างรากฐานส่วนใหญ่จะยังคงใช้อาวุธเวทมนตร์บินได้เข้ามาช่วยทุ่นแรง เนื่องจากว่าจะได้ไม่สูญเสียพลังวิญญาณของตนเองไป
นอกจากนี้ หากว่าผู้บ่มเพาะสามารถทะลวงเข้าสู่ช่วงสร้างรากฐานได้ อายุของพวกเขาก็จะยืนยาวมากกว่าเดิม อายุขัยของผู้บำเพ็ญในช่วงกลั่นลมปราณจะใกล้เคียงกับอายุของมนุษย์ คือประมาณ 100 ปี
แต่อายุขัยของผู้บำเพ็ญในช่วงสร้างรากฐานนั้นจะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 200 ปี
แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ผู้บำเพ็ญในช่วงสร้างรากฐานนั้นยังสามารถฝึกเคล็ดลับวิชาที่อยู่ในขั้นสร้างรากฐานได้ และยังสามารถปรับแต่งอาวุธเวทย์มนตร์ของตนเองได้อีกด้วย!
เมื่อเขตแดนของผู้บำเพ็ญสูงขึ้น เกรดของอาวุธเวทย์มนตร์ของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งก็ไม่ต่างไปจากอาวุธที่สามารถอัพเกรดได้
ปัจจัยเหล่านี้จึงเป็นเหตุผลพื้นฐานว่าทำไมผู้บำเพ็ญในช่วงสร้างรากฐานจึงมีพลังมากกว่าผู้บำเพ็ญที่อยู่ในช่วงกลั่นลมปราณเป็นอย่างมาก
“อาวุธเวทย์มนตร์มีความสำคัญมาก ข้าจะต้องเลือกมันอย่างระมัดระวังและปรับแต่งมันด้วยตัวเอง” ฉู่เสวียนไม่ได้ตั้งใจที่จะใช้อาวุธเวทย์มนตร์สำเร็จรูป เพราะเขาต้องการที่จะปรับแต่งมันด้วยตัวเอง
แม้ว่ามันจะยุ่งยากขึ้นเล็กน้อย แต่ก็สามารถรับประกันได้ว่าเจ้าของจะเข้าใจอาวุธเวทย์มนตร์ของตนเองดียิ่งขึ้น
ซึ่งมันจะง่ายในการควบคุมเวลาใช้งาน
คิดได้เช่นนั้น ฉู่เสวียนก็ได้หยิบสำเนา "พระสูตรกลั่นโลหิตปีศาจ" ขึ้นมา และเริ่มอ่านมันอย่างตั้งใจ เพราะบทแรกของ "พระสูตรกลั่นโลหิตปีศาจ" พูดถึงวิธีสร้างอาวุธเวทย์มนตร์ต่างๆ
"หอกช่วงชิงวิญญาณ มีดทำลายวิญญาณ ดาบพิฆาต ใบมีดไร้เงา..."อาวุธเวทย์มนตร์ต่างๆ ผุดขึ้นมาในความคิดของเขา
อีกทั้งอาวุธเวทย์มนตร์บางชนิดยังสามารถโจมตีวิญญาณได้ดี บ้างก็มีผลในการช่วงชิงพลังวิญญาณ บ้างก็โจมตีหัวใจ ปอด และอวัยวะภายในทั้งห้าโดยตรง บ้างก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยเหมือนผี แต่ละประเภทล้วนมีประโยชน์ในตัวของมันเอง
ฉู่เสวียนเลือกประเภทของอาวุธเป็นเวลานาน ก่อนที่สุดท้ายเขาจะเลือกอาวุธเวทย์มนตร์ที่มีชื่อว่า “เชือกยึดวิญญาณ”
เชือกยึดวิญญาณจะต้องทำจากเหล็กปีศาจหยิน ซึ่งวัสดุหลักที่ใช้ทำมีหกชนิด รวมถึงไม้ไผ่กระดูกสีขาวและเถาวัลย์ที่ทำให้มึนเมาเป็นวัสดุเสริม และสุดท้ายก็ใส่วิญญาณชั่วร้ายเข้าไปในนั้น
หลังจากที่เขาได้ทำการขัดเกลาอย่างต่อเนื่องติดต่อกันสามสิบหกวัน ก็สามารถสร้างอาวุธเวทมนตร์อย่างเชือกยึดวิญญาณออกมาได้สำเร็จ
หลังจากเปิดใช้งานแล้ว ไม่เพียงแต่สามารถดึงพลังยึดวิญญาณออกมาได้เท่านั้น แต่ยังสามารถขับเคลื่อนวิญญาณชั่วร้ายให้ออกมาต่อสู้แทนได้อีกด้วย
อาวุธเวทย์มนตร์หนึ่งอย่าง แต่สามารถใช้งานได้สองอย่าง
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อความแข็งแกร่งของเจ้าของเพิ่มขึ้นในอนาคต วิญญาณชั่วร้ายที่อยู่ในเชือกก็จะมีพลังมากยิ่งขึ้น
ด้วยวิธีนี้ ก็เท่ากับว่าเขาสามารถอัพเกรดความแข็งแกร่งของเชือกยึดวิญญาณได้
"เชือกยึดวิญญาณ... หากเปิดใช้งานอาวุธประเภทนี้ในทวีปชางเสวียน นิกายสายธรรมทั้งห้าคงไม่สามารถคุกคามข้าได้ แต่ที่นี่คงไม่เหมาะสมที่จะเอามันออกมาใช้" ฉู่เสวียนหัวเราะออกมาเบาๆ