ตอนที่ 23 เชิญลิ้มลองได้ (2)
ตอนที่ 23 เชิญลิ้มลองได้ (2)
เซี่ยหยูหันไปหยิบถ้วยกระเบื้องสีขาวเล็กๆ มา 3 ใบ
ตักเต้าหู้หม่าล่าในกระทะใส่ลงไป โรยหน้าด้วยต้นหอมซอยสีเขียวสด
แล้วส่งให้ผู้หญิงทั้ง 3 คนในร้านพร้อมตะเกียบและช้อนเล็ก
"อาหารจานนี้ต้องทานตอนร้อน ความ 'ร้อน' คือหัวใจสำคัญอย่างหนึ่งของมัน" เซี่ยหยูกำชับ
นาคิริ เอรินะพบว่าตัวเองไม่อาจควบคุมมือได้ ท่าทางดูกระสับกระส่ายอย่างมาก ใบหน้างามบิดเบี้ยวไปหมด ดวงตาสีม่วงสวยเต็มไปด้วยความอับอาย
ในที่สุด เธอก็หยิบช้อนเล็กที่เซี่ยหยูยื่นให้ขึ้นมา ค่อยๆ ตักเต้าหู้ขึ้นมาจากจานตรงหน้า 2-3 ชิ้น
พออาหารเข้าปาก ความกระอักกระอ่วนและความดิ้นรนทั้งหมดก็หายวับไปกับตา
เธอพยายามสุดความสามารถที่จะกดเสียงครางที่ดังมาจากส่วนลึกของหัวใจ
แต่เสียงพ่นจมูกเบาๆ ก็ยังหลุดลอดออกมา ร่างของนาคิริ เอรินะเกร็งแน่น แต่แล้วก็พลันอ่อนยวบ
ต้นขาที่สวมถุงน่องยาวสีดำบิดเกร็งอย่างห้ามไม่อยู่ ใบหน้าแดงราวกับแอปเปิ้ล ช่างงามชวนกิน
"ฉะ...ฉันขอกินอีก!"
เธอเอามือยันโต๊ะไว้ มือสั่นเทาขณะตักช้อนที่สอง
หลังจากกลืนลงไป ลำคอและลำไส้ก็ร้อนผ่าว ความรู้สึกเหมือนร่างกายทั้งหมดกำลังลุกเป็นไฟ
ตอนนี้สมองของนาคิริ เอรินะว่างเปล่า 'ลิ้นเทพ' ของเธอก็หายไปไหนไม่รู้ ราวกับว่ามันหยุดทำงานเพราะอาหารเลิศรสที่ไม่น่าเชื่อนี้
นี่เป็นครั้งแรกที่นาคิริ เอรินะไม่ได้ลิ้มรสอาหารผ่านลิ้นของเธอ เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายราวกับเป็นนักวิจารณ์ที่กำลังเปล่งเสียงร้องด้วยความยินดี
ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนยืนอยู่กลางสายน้ำของน้ำตก
ม่านน้ำตกที่ส่งเสียงกึกก้องแขวนอยู่เหนือศีรษะ แต่สิ่งที่ไหลลงมาไม่ใช่น้ำเย็นใส แต่เป็นน้ำมันพริกและน้ำมันงาที่ร้อนระอุ
น้ำมันสีแดงราดลงบนผิวขาวนวล เอรินะที่เปลือยเปล่า กระดูกชาและอ่อนยวบ ความรู้สึกวิเศษที่แทรกซึมเข้าสู่จิตวิญญาณทำให้เธอถอนหายใจร้อนๆ อย่างหนัก
"อร่อย!"
"นี่ไม่ใช่อาหาร แต่เป็น...เวทมนตร์!"
ในโลกแห่งความเป็นจริง ก่อนที่จะล้มพับลงไปด้วยดวงตาพร่าเลือน นาคิริ เอรินะพูดออกมาจากใจจริง
"เฮ้ๆ ระวังหน่อย!"
เจ้าของลิ้นเทพไม่ทันรู้ตัวว่าตัวเองกำลังจะล้มทั้งๆ ที่ยืนอยู่
เซี่ยหยูไวพอ โน้มตัวออกมาจากเคาน์เตอร์ครึ่งตัว ใช้มือแข็งแรงรับร่างของนาคิริ เอรินะไว้
นอนอยู่ในอ้อมแขนของเซี่ยหยู เอรินะยังคงมีสีหน้าเคลิบเคลิ้ม หายใจหอบ ริมฝีปากสีแดงน่าหลงใหลพึมพำ
"...ขอฉัน ฉันอยากได้ ขอฉัน ฉันอยากได้..."
เธอพูดซ้ำๆ แบบนี้ ทำเอาเซี่ยหยูรู้สึกกระอักกระอ่วนมาก
แม่เจ้า ใส่ยาแรงเกินไปหรือเปล่า ยัยหนูนี่จะระเบิดแล้ว?
ที่กล่าวมานี้เป็นเพียงการบ่นเล่นๆ อย่าได้คิดมาก
เซี่ยหยูอยากจะส่งสายตาบริสุทธิ์ให้นาคิริ เอรินะ เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง
ฉันไม่ได้ใส่ยาจริงๆ นะคุณหนู!
สาวน้อยผมทองหน้าตาสวยราวกับนางฟ้านอนอยู่ในอ้อมแขน และพูดคำที่ยั่วยวนกว่าหนังญี่ปุ่น ด้วยน้ำเสียงน่ารักโดยไม่รู้ตัว
เซี่ยหยูคิดว่าตัวเองมีความอดทนมากแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแอบมองสาวน้อยคนนี้อีก 2-3 ที
โลกสองมิติกับคนจริงๆ นั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง สาวๆ ชาวจีนสองคนที่เรียกได้ว่าสวยยืนอยู่ข้างๆ นาคิริ เอรินะ ก็เหมือนความต่างระหว่างความจริงกับจินตนาการ
ใบหน้าดั่งเทพธิดาที่มีอยู่แต่ในจินตนาการนั้น ช่างมีพลังทำลายล้างจริงๆ
แต่เซี่ยหยู มีภูมิต้านทานสูงอย่างน่าประหลาด
เขาวางนาคิริ เอรินะลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งโดยไม่แสดงอาการใดๆ แล้วเดินอ้อมเคาน์เตอร์ออกมา
สาวๆ ชาวจีน 2 คน สภาพก็ไม่ได้ดีไปกว่านาคิริ เอรินะเท่าไหร่ ข้าวขาวเสียเปล่าไปเลย พวกเธอก้มหน้าก้มตากินเต้าหู้จากจานตรงหน้า พึมพำอะไรบางอย่างคล้ายกำลังละเมอ
"ฟื้นหรือยัง?"
เซี่ยหยูยืนอยู่ตรงหน้านาคิริ เอรินะ เห็นว่าดวงตาของเธอเริ่มมีประกายขึ้นเล็กน้อย
เขาจึงหยิบช้อนกระเบื้องที่เธอใช้เมื่อสักครู่ขึ้นมา แต่ไม่ทันไร มือเรียวสวยอุ่นๆ ก็คว้ามือเขาไว้แน่น
"นาย...นายเอาไป…ไม่ได้นะ..."
เธอจ้องมองอาหารสีแดงขาวในจาน ค่อยๆ เงยคอขาวระหงขึ้น กลืนน้ำลายที่หลั่งออกมามากเกินไปอย่างเงียบๆ
"อ่ะ เอาไป? ฉันกำลังช่วยเธอนะ!"
เซี่ยหยูอดขำไม่ได้ แต่ก็ไม่อยากอธิบายอะไรให้คุณหนูที่ยังไม่ได้สติฟัง เขาตักเต้าหู้เต็มช้อนยื่นไปตรงปากของเธอ
"อ้าปากสิ"
นาคิริ เอรินะอ้าปากโดยสัญชาตญาณ ช้อนกระเบื้องสีขาวหายเข้าไปในริมฝีปากแดงน่าหลงใหลของเธอเกือบครึ่ง
พอดึงช้อนออกมา เต้าหู้บนช้อนก็หายไปหมดแล้ว
เธอค่อยๆ เคี้ยวอย่างละเอียด
คราวนี้นาคิริ เอรินะไม่ได้กลืนลงไปทั้งคำเหมือนสองคำแรก
แต่พลิกไปมาในปากเพื่อลิ้มรส แม้กระทั่งตั้งใจใช้ลิ้นวิเคราะห์ส่วนประกอบของอาหาร "วิเศษ" จานนี้
แต่น่าเสียดายที่สมองของเธอยังว่างเปล่า ลิ้นเทพไม่สามารถย้อนรอยขั้นตอนการปรุงอาหารจานนี้ได้ และไม่พบจุดบกพร่องใดๆ
"อ้า" เซี่ยหยูตักเต้าหู้คำที่สี่
นาคิริ เอรินะจ้องเขาด้วยสายตาอายๆ แต่ร่างกายกลับเชื่อฟัง อ้าปากรับคำเรียก เหมือนเด็กๆ
ต้องบอกว่าการป้อนอาหารให้สาวน้อยสวยๆ แบบนี้ด้วยตัวเอง ได้เห็นสีหน้าเพลิดเพลินของเธอ มันเป็นความสุขอย่างหนึ่งจริงๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่ออาหารจานนั้นเป็นฝีมือของตัวเอง ความรู้สึกภาคภูมิใจในใจพุ่งพรวดขึ้นมาทันที
แต่พอป้อนหมดจานแรก และตักเต้าหู้หม่าล่าจานที่สอง ให้นาคิริ เอรินะ กับสาวๆ ชาวจีน 2 คน
เอรินะก็หน้าแดง จ้องเขม็งเป็นเชิงเตือน ปฏิเสธไม่ให้เซี่ยหยูเข้าใกล้อย่างแข็งขัน แล้วหยิบช้อนขึ้นมาเคี้ยวช้าๆ ด้วยตัวเอง
เซี่ยหยูยักไหล่ ดูเหมือนว่านาคิริ เอรินะจะกลับมามีสติตามปกติแล้ว นั่นหมายความว่าช่วงเวลาแสนสุขก็จบลง
เซี่ยหยูก็หิวพอดี เขาอยู่ในวัยที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
ตอนเช้ากินแค่เต้าฮวยชามเดียวคงไม่พอ อีกอย่างเขาก็เป็นคนชอบกินอยู่แล้ว
เขาจึงตักข้าวมาชามหนึ่งพร้อมเต้าหู้หม่าล่าอีกจาน แล้วหาที่นั่งที่ดีในร้านเพื่อเพลิดเพลินกับอาหาร
จริงๆ แล้วตอนที่เขาได้ลิ้มรสเต้าหู้หม่าล่าเรืองแสงเป็นครั้งแรก
เขายังแสดงอาการหนักกว่านี้ ทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะคนเดียวในครัวตอนดึก
โชคดีที่คืนนั้นคุณปู่ไม่อยู่ทั้งคืน ไม่งั้นคงอธิบายให้เข้าใจไม่ได้แน่
พอทำกินเองบ่อยๆ ก็เกิดภูมิต้านทานขึ้นมาบ้าง เซี่ยหยูเคี้ยวข้าวคำโตๆ แค่เต้าหู้นิดเดียวก็กินข้าวได้ตั้งครึ่งชาม
นอกจากนี้ เขายังซื้อน้ำอัดลมเย็นๆ มากินด้วย ยิ่งกินยิ่งดื่มก็ยิ่งอร่อย
มีเสียงเครื่องยนต์รถดังมาจากนอกร้าน จู่ๆ ประตูร้านอาหารก็ถูกผลักเปิดโดยสาวน้อยผมสีม่วงแดงที่กางร่มอยู่
"คุณหนูเอรินะ!"
สาวน้อยผมสีม่วงแดงกวาดตามองรอบๆ ร้านแคบๆ พอเห็นแผ่นหลังของนาคิริ เอรินะ ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที
เธอพับร่มที่เปียกน้ำแล้วเดินเข้าไปหา ก้มหน้าพูดว่า "ขอโทษนะคะคุณหนูเอรินะ ฉันมาสายไปหน่อย!"
แต่นาคิริ เอรินะที่หันหลังให้ประตูร้านไม่ตอบสนองเลย
อาราโตะ ฮิซาโกะสงสัย จึงลองเรียกอีก2-3ครั้ง
สุดท้ายก็เดินอ้อมไปด้านหน้า แล้วร้อง "อ๊ะ!" พลางเอามือปิดปาก
นาคิริ เอรินะดูเหมือนคนเป็นมีไข้สูง แก้มแดงระเรื่อ เส้นผมสีทองเปียกชื้นด้วยเหงื่อ เกาะติดที่หน้าผากและแก้ม
สิ่งที่ทำให้อาราโตะ ฮิซาโกะรู้สึกอายคือ คุณหนูเอรินะไม่เพียงแต่ถอดเสื้อนอกสีเข้มออก แล้วสวมแต่เสื้อเชิ้ตสีขาว ส่วนเนคไทก็ถูกดึงลง กระดุมบนสุด 2-3 เม็ดถูกปลดออก เผยให้เห็นเนินอก สีขาวนวล
"คุณหนูคะ!" อาราโตะ ฮิซาโกะเขย่าไหล่ของเอรินะ
เจ้าของลิ้นเทพสะดุ้งตื่น "...ฮิซาโกะเหรอ?"
พอเห็นว่าเป็นใคร ความระแวดระวังในดวงตาก็หายไปในพริบตา
"คุณหนูมีตารางงานช่วงบ่าย หากไปตอนนี้ก็ยังไม่สายนะคะ"
อาราโตะ ฮิซาโกะพูดเสียงเบา
"แต่ถ้าคุณหนูรู้สึกไม่สบาย เราอาจจะเลื่อนหรือยกเลิกตารางงานก็ได้ค่ะ"
"งั้นก็ยกเลิกละกัน"
นาคิริ เอรินะ ตอบอย่างไม่ใส่ใจ
"แล้วตอนนี้คุณหนูจะกลับคฤหาสน์เลยไหม?"
"รอก่อน..."
คราวนี้ นาคิริ เอรินะ ลังเลสักพักก่อนตอบ
--------------------------------
ฝากติดตาม สนับสนุน และเป็นกำลังใจให้ด้วยนะ
หากพบคำผิด แจ้งได้เลย