ตอนที่ 1420 ชื่อเฟินรั่ว; จี๋หมิง (ฟรี)
ตอนที่ 1420 ชื่อเฟินรั่ว; จี๋หมิง
หวงหยูมองดูผู้ฝึกยุทธแห่งดินแดนหยาน เขายิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นว่าพวกเขานั้นประหลาดใจ อยากรู้อยากเห็น และตื่นเต้น เขานึกถึงวันที่สงบสุขตอนที่เขาศึกษาและพูดคุยเรื่องต่างๆ ที่ลานสงครามเทวาลัย เขารู้สึกคิดถึงมัน ในฐานะหนึ่งในคนที่บ้าคลั่งจากลานสงครามเทวาลัย หวงหยูที่ไม่มีญาติพี่น้องหรือมิตรสหายรู้สึกเหมือนกับว่าได้สูญเสียอะไรบางอย่างไป ในที่สุดเขาก็สูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับอารมณ์เอาไว้
“นี่...นี่เป็นของที่ท่านอาจารย์ของข้าทิ้งเอาไว้จริงๆ งั้นเหรอ?” หลี่หยุนเจิงที่ตอนนี้กำลังถือกระดาษมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
“ใช่แล้ว องค์จักรพรรดิ” หวงหยูร่อนลงสู่พื้นดิน
“พวกเราอยู่ในดินแดนดอกบัวทองคำ ไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นทางการ” หลี่หยุนเจิงยกมือขึ้น
“ครับ”
ทุกคนกำลังสนใจกระดาษ พวกเขาไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติ
“ข้าเชื่อมั่นในการตัดสินใจของท่านอาจารย์ พันธนาการแห่งสวรรค์และโลกในดินแดนดอกบัวทองคำสามารถถูกทำลายได้ด้วยการตัดดอกบัวทิ้ง ในอนาคตข้างหน้า ดินแดนดอกบัวทองคำจะต้องกลายเป็นดินแดนที่แข็งแกร่งที่สุด” หลี่หยุนเจิงพยักหน้า
“ท่านเจ็ดเคยสงสัยเรื่องนี้ แต่ท่านก็ยังคงไม่มั่นใจ ท่านใช้เวลาสามปีในการตามหาความลับของพันธนาการ” หวงหยูพยักหน้า
“แล้วท่านหาเจอรึเปล่า?” หลี่หยุนเจิงถาม
“นี่เป็นความเสียใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของท่านเจ็ด” หวงหยูส่ายหัว
“ไม่ว่าท่านจะหาเจอรึเปล่าก็ตาม แต่นั่นก็ไม่สำคัญ เพราะยังไงซะท่านอาจารย์ก็ยังคงหาวิธีที่จะยืนยันได้แล้ว แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว” หลี่หยุนเจิงกล่าว เขายืนเอามือไขว้หลัง เขามองดูเกราะป้องกันของศาลาปีศาจลอยฟ้า ใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของเขาแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้ใหญ่ราวกับว่าเขาได้เติบโตขึ้นมาในชั่วข้ามคืน “กลับไปที่ดินแดนถังกันเถอะ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
…
ณ ป่าหมอก
ลู่โจวขี่วิซซาร์ดบินนำหน้า
คนอื่นๆ ติดตามเขาไป
ยี่เทียนซินกับเฉิงกวางอยู่หน้าต้วนมู่เฉิงและลู่หวู่
“พวกมันช้าเกินไป...” ลู่หวู่กลอกตา
“ลู่หวู่ ระหว่างเจ้ากับวิซซาร์ด ใครแข็งแกร่งกว่ากัน?” ต้วนมู่เฉิงถาม
“เมื่อมันเติบโตเต็มที่ บางทีข้าคงจะไม่อาจเทียบเคียงกับมันได้ แต่ตอนนี้มันยังคงสู้ข้าไม่ได้หรอก!” ลู่หวู่มองดูวิซซาร์ดที่ตอนนี้ถูกปกคลุมไปด้วยพลังแห่งโชคลา�
“...”
“เอาล่ะ เจ้าโม้ต่อไปเถอะ” ซู่ฮ่องกงที่ขี่ตังคังบินเข้ามาหา
ลู่หวู่แยกเขี้ยว ตังคังตัวสั่น มันรีบบินหนีไป
“เฮ้! เจ้าสัตว์ไร้ค่า! เจ้าไม่เห็นแก่หน้าข้าบ้างรึไง? ไม่จำเป็นต้องกลัวมันหรอก!”
ตังคังไม่สนใจซู่ฮ่องกง มันส่งเสียงคราง
ทุกคนหัวเราะ
“นักดาบทั้ง 49 คน” ลู่โจวหยุดเคลื่อนไหวหลังจากที่เข้ามาในหมอกหนา เขามองดูหยวนหลาง
“ท่านผู้อาวุโสลู่ ท่านมีอะไรให้รับใช้?” หยวนหลางรีบเข้ามาหา เขาโค้งคำนับ
“ที่ผ่านมาพวกเจ้าทำงานหนักมาก ดินแดนที่ไม่รู้จักนั้นอันตรายมาก พวกเจ้าควรจะกลับไปที่ดินแดนดอกบัวเขียว” ลู่โจวกล่าว
“ท่านผู้อาวุโสลู่ ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่ใช่สมาชิกของศาลาปีศาจลอยฟ้า แต่พวกเราก็ยังคงเป็นสหายที่ดีของศาลาปีศาจลอยฟ้า การที่สหายจะต่อสู้เคียงข้างกันมันไม่ถูกต้องรึไง?” หยวนหลางส่ายหัว
“ท่านผู้อาวุโสลู่ อย่าได้ปฏิเสธพวกเราเลย” นักดาบที่เหลืออีก 48 คน กล่าวพร้อมเพรียงกัน
“เรื่องนี้มัน...” ลู่โจวมองดูนักดาบทั้ง 49 คน
“ชีวิตและความตายถูกกำหนดโดยสวรรค์ ข้าเข้าใจ ท่านผู้อาวุโสลู่ ท่านกังวลว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับพวกเรา และท่านก็คงจะไม่อาจอธิบายเรื่องนี้กับท่านปรมาจารย์ฉินได้ แต่อย่างไรก็ตามท่านปรมาจารย์ฉินได้สั่งให้พวกเราช่วยเหลือท่านผู้อาวุโสลู่ ต่อให้ต้องเสี่ยงชีวิตก็ตาม” หยวนหลางกล่าว
ลู่โจวรู้ดีว่าการปฏิเสธนั้นไม่สมเหตุสมผล “ดี หากศาลาปีศาจลอยฟ้าได้รับผลประโยชน์ นักดาบทั้ง 49 คน ก็จะได้รับส่วนแบ่งเช่นกัน”
ฟิ้ว!
ลู่โจวโบกมือ
วิซซาร์ดส่งเสียงร้องก่อนจะบินลึกเข้าไปในป่าหมอก
นักดาบทั้ง 49 คน ดีใจ พวกเขารีบบินตามลู่โจวไป
พวกเขาบินต่อไป หลังจากที่ผ่านป่าแสงจันทร์ พวกเขาก็เข้าไปในหุบเหวลึก หลังจากเดินทางมาห้าวัน ในที่สุดพวกเขาก็เข้าสู่ดินแดนที่ไม่รู้จัก
…
ณ ดินแดนแห่งความว่างเปล่า
ในห้องโถง
ผู้ฝึกยุทธชุดดำเดินไปมา
“นายท่าน ข้าสืบหาเรื่องนี้แล้ว คนของพวกเราคนหนึ่งตายในมหาสมุทรไม่มีที่สิ้นสุดทางทิศตะวันออกของดินแดนหยาน ข้าได้พูดคุยกับผู้ฝึกยุทธแถวนั้น พวกเขาบอกว่าก่อนหน้านี้มีปรากฏการณ์แปลกๆ เกิดขึ้น และข้าก็ยังคงพบว่าคนร้ายคือลู่หวู่ มันเคยเป็นสัตว์พาหนะของท่านปรมาจารย์ต้วนมู่แห่งดินแดนดอกบัวดำ” ผู้ฝึกยุทธชุดเกราะสีเงินโค้งคำนับ
“ลู่หวู่งั้นเหรอ?” ผู้ฝึกยุทธชุดดำขมวดคิ้ว แววตาของเขาแปลกประหลาด “ต้วนมู่เตียน 30,000 ปี ผ่านไปแล้ว เจ้าไม่สนใจสัตว์พาหนะของเจ้าแล้วงั้นเหรอ?”
“นายท่าน ท่านต้วนมู่เตียนตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?” ผู้ฝึกยุทธชุดเกราะสีเงินถามอย่างไม่เข้าใจ
“ปรมาจารย์ผู้ทรงเกียรติจะตายง่ายๆ แบบนั้นได้ยังไง? ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่เขามาที่ดินแดนแห่งความว่างเปล่า เขายังคงเปิดใช้งานพลังผังก่อเกิดเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก” ผู้ฝึกยุทธชุดดำกล่าว
“งั้น...เป็นไปได้รึเปล่าว่าท่านปรมาจารย์ต้วนมู่จะส่งลู่หวู่ไป...” ผู้ฝึกยุทธชุดเกราะสีเงินตกใจ
“ไม่ใช่เขาหรอก” ผู้ฝึกยุทธชุดดำกล่าว
ผู้ฝึกยุทธชุดเกราะสีเงินยิ่งงุนงงมากขึ้น
“ช่างเถอะ แค่คนตายคนหนึ่ง” ผู้ฝึกยุทธชุดดำยิ้ม
“แล้ว...ตอนนั้นท่านแอบอ้างเป็นคุณหนูและทิ้งร่างโคลน...” ผู้ฝึกยุทธชุดเกราะสีเงินพูดอย่างระมัดระวัง
“หืม?” ผู้ฝึกยุทธชุดดำหันไปมองผู้ฝึกยุทธชุดเกราะสีเงิน
“ข้าต้องขอโทษด้วย! ข้ารู้แล้วว่าข้าทำผิด!” ผู้ฝึกยุทธชุดเกราะสีเงินรีบคุกเข่าลง
“ไสหัวไปซะ!”
ผู้ฝึกยุทธชุดเกราะสีเงินลุกขึ้นยืน เขารีบวิ่งออกจากห้องโถง
“โลกใบนี้คือกระดานหมากรุก ส่วนสิ่งมีชีวิตทั้งหลายก็คือหมาก เจ้าก็เป็นเพียงแค่หมากตัวหนึ่งเท่านั้น” ผู้ฝึกยุทธชุดดำมองดูนอกห้องโถง
เขาโบกมือ วัตถุสีขาวปรากฏขึ้น
วัตถุสีขาวนั้นถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีแดง มันเปล่งประกายราวกับดวงดาว
หมอกสีเลือดพุ่งออกมาจากร่างกายของผู้ฝึกยุทธชุดดำ มันมารวมกันตรงหน้าเขาก่อนจะค่อยๆ ก่อตัวเป็นเงา เงานั้นมีความสูงพอๆ กับเขา เมื่อเวลาผ่านไป เงาก็ยิ่งดูสมจริงมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่ต่างอะไรกับมนุษย์
สีหน้าของมันนั้นดูเย็นชาและโอหัง
“พลังฝึกฝน 3 ใน 10 ส่วนของข้าและของวิเศษระดับสูง ค่าตอบแทนนี้มันแพงจริงๆ...” ผู้ฝึกยุทธชุดดำไอออกมา เขากระเด็นถอยหลังไปสามก้าว
เขาตั้งสติก่อนจะมองดู ‘คน’ ตรงหน้า “ไปหาเขาและฆ่าเขาซะ!”
“ครับ”
“อย่าทำตัวโง่เขลาแบบเดียวกับก่อนหน้านี้ หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น อย่าลืมรักษาความทรงจำเอาไว้” ผู้ฝึกยุทธชุดดำโยนคริสตัลให้กับมัน
“ข้าเข้าใจแล้ว” ‘คน’ นั้นรับคริสตัลเอาไว้ “แล้วข้าชื่ออะไร?”
“เจียงตงซาน” ผู้ฝึกยุทธชุดดำคิดอยู่ครู่หนึ่ง
จากนั้น เจียงตงซานก็โปร่งแสงก่อนจะหายตัวไป
ผู้ฝึกยุทธชุดดำไม่รอช้า เขานั่งขัดสมาธิและเริ่มทำสมาธิ เขากำลังฟื้นฟูพลังฝึกฝน
“ดินแดนดอกบัวทองคำกำลังปิดบังความลับอะไรกันแน่?” เมื่อเขาหยุดทำสมาธิ เขาก็พึมพำ
ในบรรดาทั้งเก้าดินแดนแล้ว ดินแดนดอกบัวทองคำไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากมาย เป็นเรื่องปกติที่เขาจะต้องประหลาดใจที่แผนการของเขาถูกทำลายโดยดินแดนดอกบัวทองคำ
“นายท่าน ท่านอู๋หยางมาขอเข้าพบ” ลูกน้องคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นนอกห้องโถง
“ทำไมเขาถึงได้มาที่นี่?”
“ทำไมข้าจะมาที่นี่ไม่ได้? เจียงเหวินซู เจ้าทำอะไรน่าอับอายอีกแล้วรึไง?” อู๋หยางจื่อหยุนหัวเราะ เขาก้าวเข้ามาในห้องโถง
“เจ้าควรจะถามตัวเองนะ อู๋หยาง” ผู้ฝึกยุทธชุดดำกล่าว
“ดูท่าทางเจ้าจะไม่สู้ดีเลยนะ...” อู๋หยางจื่อหยุนกล่าว “หรือว่าเจ้าจะแอบไปที่เก้าดินแดนเพื่อทำตัวเป็นเศรษฐีใหม่อีกแล้ว?”
“การยั่วยุข้ามันไม่ได้ผลหรอก” ผู้ฝึกยุทธชุดดำยิ้ม “ข้าทำตามกฎเสมอ ไม่เหมือนกับคนบางคน”
“หากวิหารศักดิ์สิทธิ์รู้เรื่องนี้...”
พวกเขาทั้งสองไม่ได้พูดอะไรอีก
“เชิญแขกออกไป” ผู้ฝึกยุทธชุดดำกล่าว
“ข้ามาที่นี่เพื่อบอกอะไรบางอย่างกับเจ้า...” อู๋หยางจื่อหยุนดูอารมณ์ดี
“เรื่องอะไรงั้นเหรอ? ถึงได้ทำให้ท่านอู๋หยางต้องมาที่นี่ด้วยตัวเอง?” เจียงเหวินซูถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
“เขากลับมาแล้ว” อู๋หยางจื่อหยุนหันหลังกลับไปมองเจียงเหวินซู “หืม? สีหน้าเจ้าดูไม่สู้ดีเลยนะ?”
“ใคร?” เจียงเหวินซูขมวดคิ้ว
“ลองเดาดูสิ”
“ไม่ว่าจะเป็นใคร หากพวกเขาไม่ทำตามกฎของดินแดนแห่งความว่างเปล่า พวกเขาก็จะต้องถูกมองว่าเป็นพวกนอกรีต เจ้าไม่จำเป็นต้องใช้เรื่องนี้มาข่มขู่ข้าหรอก ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีใครสามารถผ่านบททดสอบของท่านเจ้าสำนักวิหารที่สิบได้” เจียงเหวินซูลุกขึ้นยืน เขาสะบัดแขนเสื้อ “เชิญแขกออกไป”
“เจ้ากลัวงั้นเหรอ?” อู๋หยางจื่อหยุนหัวเราะ
“เชิญแขกออกไป!”
ผู้ฝึกยุทธชุดเกราะสีเงินรีบเดินเข้ามาหา เขาส่งสัญญาณให้อู๋หยางจื่อหยุนออกไป
อู๋หยางจื่อหยุนหัวเราะเสียงดัง เขายืนเอามือไขว้หลังก่อนจะเดินออกจากห้องโถงไป
“ไม่มีใครสามารถมีชีวิตอยู่ได้ตลอดไปหรอก” เจียงเหวินซูทุบเครื่องประดับหยกที่อยู่ข้างๆ
…
ณ ดินแดนที่ไม่รู้จัก
ท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำ
ลมพัดโหมกระหน่ำบนท้องฟ้า แต่เมื่อมันพัดผ่านพื้นดิน มันก็สงบนิ่งลง
คนของศาลาปีศาจลอยฟ้ายืนอยู่บนหน้าผา พวกเขามองดูผืนดินอันกว้างใหญ่
เทือกเขามากมายและแม่น้ำที่ทอดยาวดูเหมือนกับภาพวาดขาวดำ
สี่ผู้อาวุโสรู้สึกตื้นตันใจ พวกเขาไม่เคยเห็นภาพแบบนี้มาก่อน โลกใบนี้ช่างกว้างใหญ่ กบที่อยู่ในบ่อน้ำจะมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลได้ยังไง?
“หากเจ้าเจ็ด...”
“ว้าว! ที่นี่มันสวยจริงๆ!” ซู่ฮ่องกงที่ถูกหมิงซี่หยินสะกิดรีบพูด
ทุกคน: “...”
หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง ทุกคนก็หัวเราะออกมา การมีซู่ฮ่องกงอยู่ทำให้ดินแดนที่ไม่รู้จักนั้นไม่น่าเบื่อ
“ท่านแปด ดินแดนที่ไม่รู้จักนั้นกว้างใหญ่ ไม่ต้องพูดถึงท่าน แม้แต่ปรมาจารย์ผู้ทรงเกียรติก็ยังคงต้องใช้เวลามากกว่าห้าปีในการเดินทางข้ามดินแดนที่ไม่รู้จักจากฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่งหนึ่ง นี่เป็นข้อได้เปรียบ การมีสถานที่ที่กว้างใหญ่แบบนี้และสัตว์ร้ายที่แข็งแกร่งมากมาย ทำให้ไม่มีใครสามารถหาพวกเราพบได้อย่างง่ายดาย” คงเหวินยิ้ม
“มันกว้างใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ถูกต้องแล้ว พวกเรามีคนมากมายก็จริง แต่ในดินแดนที่ไม่รู้จัก พวกเราก็ยังคงเป็นเพียงแค่ผงธุลี พวกเราจะไปที่ไหนก็ได้” คงเหวินกล่าว
“คงเหวินพูดถูก หากพวกเราอยู่ในเก้าดินแดน ที่นั่นจะมีผู้ฝึกยุทธมากมายเกินไป มีหูมีตามากมาย ใครจะรู้ล่ะ? พวกเราอาจจะได้พบกับผู้รักษาสมดุล ยิ่งไปกว่านั้นดินแดนที่ไม่รู้จักนั้นแตกต่างออกไป หากไม่ชอบใคร ก็แค่ฆ่าทิ้ง” หมิงซี่หยินพูดต่อ
“เอ่อ...ต้องโหดร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ?” ซู่ฮ่องกงถาม
“ศิษย์น้องแปด เจ้าต้องจำไว้ ตอนนี้พวกเราอยู่ในดินแดนที่ไม่รู้จัก การเมตตาศัตรูก็ไม่ต่างอะไรกับการโหดร้ายกับตัวเอง” หมิงซี่หยินกล่าว
ทุกคนพยักหน้า โลกแห่งการฝึกยุทธเป็นแบบนี้มาโดยตลอด ใจคนนั้นยากแท้จะหยั่งถึง
“ท่านปรมาจารย์ พวกเรากำลังจะไปไหนกัน?” หยานเจินหลู่หันหลังกลับไปถาม
“พวกเราเคยไปที่เสาหลักแห่งหายนะในหยูจงมาแล้ว ตอนนี้เสาต้นไหนที่อยู่ใกล้พวกเรามากที่สุด?” ลู่โจวถาม
“พวกเราอยู่ใกล้กับหยูจงและพั่วเซียว แต่พั่วเซียวอยู่ในพื้นที่ส่วนใน ข้าแนะนำให้พวกเราไปที่จี๋หมิงก่อน” คงเหวินหยิบกระดาษออกมา
“จี๋หมิง?”
“ใช่ มันถูกเรียกว่าชื่อเฟินรั่วในสมัยโบราณ” คงเหวินกล่าว
“งั้นก็ไปกันเถอะ! ในเมื่อมันอยู่ใกล้ๆ” ซู่ฮ่องกงกล่าวอย่างกระตือรือร้น
“เรื่องนี้มัน...” คงเหวินพูดอย่างเขินอาย “มัน...มันก็ใกล้แหละ...แต่พวกเราก็ยังคงต้องเดินทางเป็นเวลาหลายเดือนหรืออาจจะครึ่งปี ถึงจะไปถึงที่นั่น การที่จะไปถึงที่นั่นได้อย่างรวดเร็วนั้นเป็นไปไม่ได้ นอกจากพวกเราจะมีเส้นทางอักษรโบราณหรือหยกเครื่องรางเคลื่อนย้ายหมู่”
ลู่โจวนึกถึงหยกเครื่องรางที่เฉินฟู มหาเซียน ใช้ ความเร็วของมันนั้นรวดเร็วมาก พวกเขาได้ไปยังเสาหลักแห่งหายนะหลายต้น ตอนนี้เมื่อนึกย้อนกลับไป มันก็น่าเสียดาย
“ดีเลย แบบนี้พวกเราก็จะสามารถสะสมหัวใจชีวิตในระหว่างการเดินทางได้” ยู่เฉิงไห่กล่าว
“ไปกันเถอะ” ลู่โจวพยักหน้า
ลู่โจวขี่วิซซาร์ด เขาร่อนลงจากหน้าผา เขาบินไปยังจี๋หมิง
…
สิบวันต่อมา
ณ หนองน้ำในดินแดนที่ไม่รู้จัก
“ที่นี่ถูกเรียกว่าหนองน้ำยอดเมฆ มันได้ชื่อนี้มาจากภูเขาที่สูงตระหง่านตรงหน้าพวกเรา ที่นี่อาจจะมีสัตว์ร้ายอยู่ ทุกคน ได้โปรดระวังตัวด้วย” คงเหวินชี้นิ้วไปข้างหน้า
คนอื่นๆ พยักหน้า
“ท่านอาจารย์ ข้าไปสำรวจข้างหน้าก่อนดีรึเปล่า?” หยวนเอ๋อถาม
“ศิษย์น้องเก้า เจ้าไม่ต้องทำงานแบบนั้นหรอก ผ่อนคลายเถอะ” ยู่ฉางตงกล่าวอย่างใจเย็น
หลังจากที่เดินทางในดินแดนที่ไม่รู้จักมานาน ยู่ฉางตงรู้สึกเหมือนกับว่าดาบของเขานั้นขึ้นสนิม หากไม่ได้ชักดาบออกมาสักวัน เขาก็จะรู้สึกไม่สบายใจ แล้วแบบนี้เขาจะยอมปล่อยโอกาสดีๆ นี้ไปได้ยังไง?
“ค่ะ”
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ทุกคนเดินหน้าต่อไป ไม่นานนัก ภูเขาที่สูงตระหง่านก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา
“ศิษย์น้องรอง ข้าจัดการเอง”
ฟิ้ว!
ยู่เฉิงไห่บินออกไปด้วยความเร็วสูง
ยู่ฉางตง “???”
ยู่ฉางตงเป็นสุภาพบุรุษ เขาได้แต่มองดูยู่เฉิงไห่ที่กำลังตามหาสัตว์ร้ายอย่างช่วยไม่ได้
“ศิษย์พี่ใหญ่ผ่านบททดสอบพลังผังก่อเกิดครั้งที่สองแล้ว! ยอดเยี่ยมมาก!” หมิงซี่หยินอุทาน
“เจ้าเองก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน” ยู่ฉางตงมองดูหมิงซี่หยิน
“ช่างเถอะ ข้าจะเงียบก็ได้” หมิงซี่หยินหัวเราะ เขาถอยหลังไปหนึ่งก้าว
ทุกคนมองดู บางครั้งการที่คนมากมายก็ไม่ได้เป็นเรื่องดี
หลังจากนั้นไม่นาน ยู่เฉิงไห่ก็พบกับสัตว์ร้ายที่เชิงเขา
ร่างกายของมันเป็นสีดำสนิท มันมีความสูง 1,000 ฟุต
“ราชาสัตว์ร้ายตัวนี้ถูกเรียกว่าปีศาจแห้งแล้ง” คงเหวินกล่าว “มันชอบน้ำมาก มันจะดูดน้ำจากแม่น้ำ ลำธาร และหนองน้ำ รอบๆ ตัวมัน ไม่แปลกใจเลย ทำไมหนองน้ำถึงได้แห้งขอด...มันต้องเป็นฝีมือของปีศาจแห้งแล้งแน่”
“กระบี่นิลโลหิต!” ยู่เฉิงไห่ที่กระตือรือร้นที่จะต่อสู้พุ่งเข้าไปหา เขากำลังถือกระบี่นิลโลหิต
กระบี่พลังงานยาว 10,000 ฟุต และกว้าง 1,000 ฟุต พุ่งเข้าหาปีศาจแห้งแล้ง
ตูม!
ปีศาจแห้งแล้งถูกผ่าออกเป็นสองส่วน
“...”
“นี่...มัน...เกินไปรึเปล่า?” หยานเจินหลู่กล่าว
“เจ้าไม่เข้าใจหรอก การใช้กระบี่ต้องเด็ดขาด ดุดัน รุนแรง และทรงพลัง” ยู่เฉิงไห่หันหลังกลับไปกล่าว
“แต่ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่าวิธีที่ดีที่สุดในการใช้กระบี่คือการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์?”
“งั้นเจ้ากำลังจะบอกว่าการโจมตีของข้ามันไม่รุนแรงงั้นเหรอ?” ยู่เฉิงไห่ถาม
“เอ่อ...รุนแรง! รุนแรงมาก!”