87 - หลี่อวี้ซูกินน้ำส้ม!
87 - หลี่อวี้ซูกินน้ำส้ม!
ตระกูลฉินมีเพียงฉินโม่เป็นทายาทคนเดียว
ในขณะที่คนอื่นๆ อายุเท่าเขาล้วนมีบุตรชายไว้สืบสกุลกันหมดแล้ว แต่เขากลับไม่มีแม้แต่สาวใช้คอยดูแล
ฉินโม่กล่าวด้วยท่าทางโง่เขลาว่า “ถ้าหากพ่อของข้าขับไล่พี่สาวชูรุ่ยไปล่ะ?”
กงซุนฮองเฮากลั้นหัวเราะไม่อยู่ “พ่อเจ้าคงไม่ทำอย่างนั้นหรอก”
“อ้อ!”
ฉินโม่พยักหน้า “พระมารดาช่างดีกับข้าเหลือเกิน!”
เขาแอบมองชูรุ่ยที่น้ำตาคลอ และในใจก็อดรู้สึกสงสารขึ้นมา “พระมารดา พี่สาวชูรุ่ยดูเหมือนจะไม่อยากจากพระมารดาไป ข้าเห็นว่าไม่ควรบีบบังคับใจนาง?”
ฉินโม่ที่เกิดในยุคสมัยใหม่และเติบโตมาในสังคมที่เสรี เขาไม่ได้มองว่าสาวใช้เป็นเพียงสิ่งของเหมือนผู้คนในยุคนั้น แต่นี่คือคนที่เท่าเทียมกันอย่างแท้จริง
“พอเถอะ เรื่องนี้ฟังแม่พูดก็พอแล้ว”
กงซุนฮองเฮาตัดสินใจ “ชูรุ่ย เจ้าไปจัดของเถอะ อีกเดี๋ยวต้องไปกับฉินโม่แล้ว”
แม้ชูรุ่ยจะไม่อยากจากไปเพียงใด แต่เมื่อกงซุนฮองเฮาตรัสเช่นนี้ นางก็ไม่อาจขัดได้ จึงกล่าวอย่างกล้ำกลืน “เพคะ หม่อมฉันทูลลาเหนียงเหนียง(แม่ เป็นคำเรียกหาฮองเฮา)!”
เมื่อฉินโม่ออกจากตำหนักหลี่เจิ้ง เขาก็มีชูรุ่ยเดินตามอยู่ด้านหลัง
ชูรุ่ยอายุสิบเก้าปี มากกว่าฉินโม่สองปี
ถ้าอยู่ในโลกก่อน นางก็เพิ่งจะเป็นนักศึกษาปีหนึ่ง
แต่ในตอนนี้ นางกลายเป็นสาวใช้คอยดูแลฉินโม่ไปแล้ว
ชูรุ่ยพยุงฉินโม่เดินไปอย่างเงียบๆ ในใจรู้สึกสับสนและอายไม่น้อย
นางได้รับคำสั่งจากฮองเฮาให้มาอยู่กับฉินโม่ ตั้งแต่นี้ไป ชีวิตของนางก็เป็นของฉินโม่ หากเขาให้ความเอ็นดูนางก็แล้วไป แต่ถ้าเขารังแกนางมันคงเหมือนกับตกนรกทั้งเป็น
“พี่สาวชูรุ่ย หากเจ้าคิดถึงพระมารดา เมื่อเวลาผ่านไป ข้าจะส่งเจ้ากลับไปอยู่กับพระนาง ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่รังแกเจ้า”
ถึงแม้ฉินโม่จะรู้สึกไม่อยากจากชูรุ่ยไป แต่เขาก็รู้ว่าการบีบบังคับจิตใจของผู้คนนั้นไม่ใช่เรื่องที่คนดีเขาทำกัน
ชูรุ่ยตกใจ แต่ก็รู้สึกซาบซึ้งใจ “ราชบุตรเขยฉิน...ไม่สิ คุณชาย นับจากนี้ไป ข้าจะเป็นคนของคุณชายตลอดไป ข้าจะภักดีต่อคุณชายโดยไม่มีข้อแม้!”
ฉินโม่คิดในใจว่า ชูรุ่ยนี่น่าจะดีกว่าหลี่อวี้ซูที่อารมณ์ร้ายอย่างเทียบกันไม่ได้!
เขารวบรวมความกล้าและตบมือเบาๆ ที่มือของชูรุ่ย
เมื่อผิวสัมผัสกัน ชูรุ่ยก็หน้าแดงและก้มศีรษะลง
“พี่สาวชูรุ่ย ถ้าเจ้าติดตามข้า ข้าสัญญาว่าจะดูแลเจ้าอย่างดี เจ้าจะสบายยิ่งกว่าตอนอยู่ในวังเสียอีก!”
“ทุกอย่างแล้วแต่คุณชาย”
ชูรุ่ยตอบด้วยเสียงเบา ใบหน้าของนางแดงเรื่อไปด้วยความเขินอาย
“คุณชาย เชิญขึ้นเกี้ยว!”
ถึงแม้จะเรียกว่าเกี้ยว แต่ก็เหมือนมีเพียงสองขันทีหามเกี้ยวแบบเปิดโล่ง ราวกับยกฉินโม่ขึ้นนั่งบนเสลี่ยงมากกว่า
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ก็ถือว่าเป็นเกียรติอย่างมาก
เมื่อมาถึงหน้าประตูเมืองพระราชวัง ฉินโม่เห็นเฉิงต้าเป่าที่มีใบหน้าเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่
เมื่อเห็นฉินโม่ถูกหามเกี้ยวออกมาพร้อมกับมีสาวสวยเดินข้างๆ เฉิงต้าเป่าก็เกิดความอิจฉาขึ้นทันที
เขาและน้องชายพึ่งจะถูกบิดาตีจนหน้าบวมไปเมื่อวานนี้
เฉิงเสี่ยวเป่ายังคงเป็นห่วงว่าฉินโม่อาจจะถูกทำร้าย
แต่ผลลัพธ์คือ เจ้าโง่คนนี้กลับมีชีวิตสุขสบายกว่าคนอื่นเสียอีก!
“โอ้ เฉิงต้าเป่า กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่หรือ? เสร็จแล้วก็ไปที่ร้านไห่ตี้เหลานะ พาเสี่ยวเป่าและหยงเมิ่งมาด้วย!”
เมื่อเห็นใบหน้าบวมเป่งของเฉิงต้าเป่า ฉินโม่แทบจำไม่ได้
“ไม่ไป!”
เฉิงต้าเป่าพูดผ่านฟันที่กัดแน่น
“ก็ได้ ข้าแค่อยากจะให้พวกเจ้าได้ลองเหล้าชั้นดี ที่เรียกว่าเหล้าเผาดาบของร้านข้าดู แต่ดูเหมือนเจ้าคงไม่มีโอกาสได้ชิมแล้ว!” ฉินโม่กล่าวด้วยน้ำเสียงยั่วเย้า
“เหล้าอะไรนะ เผาดาบ?”
“ไม่บอก!”
ฉินโม่พูดพลางยกมือเรียกให้ขันทีเดินหน้าต่อ
ความอยากรู้ของเฉิงต้าเป่าถูกกระตุ้นจนไม่อาจต้านทานได้ รีบวิ่งมาขวางทางฉินโม่ “พี่ใหญ่ บอกหน่อยเถอะ!”
“ไปที่ร้านแล้วเจ้าจะรู้เอง อ้อ แล้วนี่ข้าแนะนำให้เจ้าได้รู้จัก นี่คือพี่สาวชูรุ่ย เรียกพี่สาวด้วยสิ!”
เฉิงต้าเป่าหันไปมองชูรุ่ย สายตาเต็มไปด้วยความหลงใหลและน้ำลายแทบจะหยดลงพื้น “สวัสดีครับ พี่สาวชูรุ่ย!”
ชูรุ่ยตกใจเล็กน้อย “เฉิงเจียงจวิน(ขุนพลเฉิง)เกรงใจเกินไป ข้าเป็นเพียงสาวใช้ส่วนตัวของคุณชายเท่านั้น ไม่คู่ควรได้รับการยกย่องเช่นนี้”
เฉิงต้าเป่าถึงกับชะงักไปเล็กน้อย สาวใช้?
ของตระกูลฉิน?
แล้วทำไมเขาไม่เคยเห็นมาก่อน?
“เป็นนางกำนันที่ติดตามพระมารดาของข้า ฮองเฮาเห็นว่าข้ามีแต่บุรุษที่หยาบช้าอยู่รอบตัว นางสงสารข้า จึงส่งพี่สาวชูรุ่ยมาให้ข้าดูแลชีวิตประจำวันของข้า แต่ข้าบอกไว้ก่อนเลย ข้าเคารพพี่สาวชูรุ่ยมาก เจ้าเองก็ต้องให้เกียรตินางด้วย!”
พระมารดาของฉินโม่?
ก็กงซุนฮองเฮาสินะ?
ชูรุ่ยเป็นนางกำนัลของกงซุนฮองเฮา?
เฉิงต้าเป่ารู้สึกอิจฉาจนเจ็บในใจ “เจ้าโง่ เจ้านี่โชคดีเกินไปแล้ว!”
ในฐานะที่เขาเองก็เป็นราชบุตรเขยเช่นเดียวกับฉินโม่ เมื่อเขาเจอกงซุนฮองเฮา ถึงกับกลัวจนตัวสั่น แต่ฉินโม่กลับได้พักที่ตำหนักอันหนาน และฮองเฮายังกลัวว่าเขาจะไม่มีคนดูแล จึงส่งนางกำนังส่วนตัวของตนมาให้อีก
ชีวิตช่างต่างกันราวฟ้ากับดิน!
“นั่นพระมารดาของข้า เจ้าคิดว่าพระมารดาจะไม่รักข้าหรือ?”
ฉินโม่แค่นเสียง “เจ้าคงไม่เคยได้ยินประโยคที่ว่า บุตรเขยคือบุตรครึ่งหนึ่ง เอาล่ะ ข้าไปก่อน เจอกันทีหลัง!”
ขณะที่มองดูหลังของฉินโม่จากไป เฉิงต้าเป่าก็คิดในใจ “ข้าควรจะกล้าหน่อย เรียกฮองเฮาว่าพระมารดาเหมือนที่ฉินโม่ทำ ไม่ได้ ไม่ได้ เรียกท่านแม่ยายดีกว่า แต่ก็ไม่ได้สิ ถ้าท่านพ่อรู้เข้าคงตีข้าตายแน่!”
ภายในตำหนักเฟิ่งหยาง
หลี่อวี้ซูกำลังนั่งหน้ากระจกแต่งหน้า แม้จะมีการแต่งหน้าแล้ว แต่ความเหนื่อยล้าก็ยังไม่สามารถซ่อนในแววตาได้
เมื่อวันก่อนพี่ใหญ่ผักนางล้มลงกับพื้น และคำพูดของเขาก่อนจากไป ทำให้นางนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน
ในเช้านี้ ขณะที่นางตั้งใจจะอธิบายให้เขาฟัง กลับกลายเป็นว่าไท่จื่อเป็นฝ่ายขอโทษก่อน
หลังจากขอโทษแล้ว ไท่จื่อก็ทำตัวเหมือนเดิม แต่หลี่อวี้ซูรู้สึกได้ชัดเจนว่าไท่จื่อทำตัวเหินห่างอย่างชัดเจน
นางไม่ควรไปพูดแทนฉินโม่เมื่อวานนี้เลย
คิดไปคิดมา ไท่จื่อก็ทำเพื่อนางแท้ๆ แต่กลับเป็นแบบนี้...
พอนึกถึงตรงนี้ หลี่อวี้ซูก็รู้สึกผิด
แต่ในใจนางก็ยังคงขัดแย้งอยู่
กงซุนชงใช้แผนของท่านลุงในกาทำร้ายฉินโม่และหลี่เยว่ ไท่จื่อพี่ชายของนางแต่กลับกลายเป็นตัวหมากในเรื่องนี้
แม้ว่านางจะไม่อยากแต่งงานกับฉินโม่ แต่นางก็ไม่อยากให้ฉินโม่และหลี่เยว่ต้องพบจุดจบที่เลวร้าย
เพราะมันจะทำให้นางรู้สึกผิดในใจไปตลอดชีวิต
“องค์หญิง ราชบุตรเขยฉินออกจากวังแล้วเพคะ!”
“ข้าจะบอกเป็นครั้งสุดท้าย เขาไม่ใช่ราชบุตรเขย และจะไม่มีวันเป็นด้วย!” หลี่อวี้ซูกล่าวด้วยความรำคาญ
นางกำนัลตกใจและรีบคุกเข่าลงทันที “บ่าวสมควรตาย!”
“พอเถอะ อย่าให้มีอีกครั้ง!”
หลี่อวี้ซูโบกมือ “พระมารดาเรียกเขาไปที่ตำหนักหลี่เจิ้ง มีเรื่องอะไรหรือเจ้ารู้ไหม?”
“บ่าวไม่ทราบเพคะ แต่ได้ยินพวกพี่สาวที่อยู่ที่ตำหนักหลี่เจิ้งเล่าว่า ฮองเฮาให้ฉินโม่เรียกพระองค์ว่า ‘พระมารดา’ ไม่เพียงเท่านั้น ฮองเฮายังเย็บเสื้อให้เขาด้วยมือของตัวเอง และยังมอบนางกำนัลส่วนตัวอย่างชูรุ่ยให้ไปดูแลฉินโม่ด้วย
พวกเขาออกจากวังโดยให้ขันทีหามออกไปเพคะ!”
หลี่อวี้ซูขมวดคิ้วอย่างหนัก
“เขากล้าดีอย่างไรถึงเรียกพระมารดาได้?”
“เสื้อผ้าของพระมารดามีเพียงฝ่าบาทและพวกเราเท่านั้นที่สวมได้ ฉินโม่มีสิทธิ์อะไร?”
“แล้วสาวใช้ ชูรุ่ยเป็นคนที่พระมารดาโปรดปรานที่สุด เหตุใดจึงมอบให้เจ้าโง่นั่น?”
นางรู้สึกไม่พอใจ ราวกับมีก้อนอารมณ์แปลกประหลาดอัดแน่นอยู่ในอก
เจ้าคนบ้า โดนตีสามครั้งกลับถูกฝ่าบาทรับตัวออกมาจากกรมอาญาด้วยตัวเอง ไท่จื่อถึงกับขอโทษเขา พระมารดาเย็บเสื้อให้ แถมยังมอบสาวใช้ให้อีก ยังออกจากวังโดยมีขันทีหามออกไป
แม้แต่นางเองก็ยังไม่เคยได้รับเกียรติแบบนี้เลย!
ความรู้สึกไม่เป็นธรรมในใจของนางพุ่งขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มกลายเป็นความหึงหวง “ใครก็ได้ ไปบอกฉินโม่ให้เขาอยู่นิ่งๆ ชูรุ่ยเป็นนางกำนัลที่พระมารดาโปรดปรานที่สุด หากเขากล้าทำอะไรไม่เหมาะสม ข้าจะไม่ยกโทษให้เขาเด็ดขาด!”
………….