83 - ทรยศแล้ว!
83 - ทรยศแล้ว!
หลี่ซื่อหลงโกรธเกรี้ยวขึ้นเรื่อยๆ
ดูสิ พวกเขารังแกฉินโม่จนสภาพเป็นแบบนี้
แค่เขาพยายามจะเช็ดหน้าฉินโม่เท่านั้น ฉินโม่กลับกลัวจนถอยไปซุกมุมห้อง
ถ้าฉินเซียงหรูมาเห็นสภาพนี้ จะคิดอย่างไร?
ในขณะเดียวกัน หลี่ซื่อหลงก็ตกตะลึงเมื่อรู้ว่าร้านไห่ตี้เหลาเมื่อวานนี้ทำเงินได้ถึงหนึ่งหมื่นเก้าพันตำลึง
นี่มันกำไรมหาศาลเกินไปแล้ว!
หากทำเงินได้ขนาดนี้ทุกเดือน หนึ่งเดือนก็น่าจะทำเงินได้ห้าหกแสนตำลึง และในหนึ่งปี จะทำเงินได้ห้าหกล้าตำลึงเลยไม่ใช่หรือ
นี่มันรายได้ของท้องพระคลังใน 1 ปีเลยทีเดียว
หลี่เยว่ก็แอบตกใจเช่นกัน ไม่คาดคิดว่าร้านจะทำเงินได้มากขนาดนี้
ไม่แปลกใจเลยที่ไท่จื่อจ้องเล่นงานฉินโม่ไม่ปล่อย
นี่มันเป็นก้อนเงินก้อนทองขนาดมหึมา ใครจะไม่อยากได้?
เขาเองก็แอบกัดฟัน ตั้งใจว่าจะไม่ให้ใครแตะต้องฉินโม่ ใครกล้าทำ เขาจะสู้สุดชีวิต!
"ไม่ต้องห่วง เจ้าปลอดภัยแล้ว จะไม่มีใครกล้ามาตีเจ้าอีก!"
หลี่ซื่อหลงเดินเข้าไป ใช้ผ้าเช็ดหน้าที่พกติดตัวมาค่อยๆ เช็ดใบหน้าที่ดำคล้ำของฉินโม่อย่างนุ่มนวล
เขาช่วยปัดฝุ่นที่ติดตามร่างกายของฉินโม่อย่างละเอียด ไม่แสดงอาการรังเกียจแม้แต่น้อย
"ท่านพ่อตา ท่านช่างดีต่อข้าเหลือเกิน ฮือ~"
ฉินโม่ไม่สนใจว่ามีน้ำตาจริงหรือไม่ เขากอดขาหลี่ซื่อหลงและร้องไห้ฟูมฟาย
เสียงร้องของฉินโม่ช่างน่าสะเทือนใจ ฟังแล้วเศร้าจนผู้คนรอบข้างต่างหลั่งน้ำตา
หลี่ซื่อหลงตบศีรษะฉินโม่เบาๆ "ลูกเขยที่ดี ข้าทำให้เจ้าต้องลำบาก ข้าจะเรียกร้องความยุติธรรมให้เจ้าเอง!"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เกาซื่อเหลียนก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ
สวรรค์ ฝ่าบาทเพิ่งตรัสว่าอะไรออกมา?
หลี่เยว่ถึงกับรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย ทำไมพระบิดาถึงโปรดปรานฉินโม่มากขนาดนี้ แถมยังดูเหมือนจะโปรดมากกว่าตัวเขาเสียอีก
แต่เมื่อคิดดูอีกที ฉินโม่เป็นพี่น้องที่ดีที่สุดของเขา นี่ถือเป็นเรื่องดี!
"ขอบคุณท่านพ่อตา แต่ข้าเชื่อว่าเรื่องนี้ต้องมีคนยุยงท่านลุงแน่ๆ อย่างไรเสีย ข้าก็เป็นน้องเขยของเขา ต่อให้จิตใจเลวร้ายแค่ไหนเขาก็ไม่มีทางลงมือต่อญาติพี่น้องของตัวเองเช่นนี้"
ฉินโม่กล่าวทั้งน้ำตา "ต้องเป็นพวกกงซุนหมวกเขียว ลิงน้อย และท้องเจ็บ สามคนนี้ยุยงให้ท่านลุงตีข้าแน่ๆ!"
หลี่ซื่อหลงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
หลี่เยว่รีบอธิบายว่า "กงซุนหมวกเขียวก็คือเปียวเกอกงซุนชง ลิงน้อยคือบุตรชายของลู่กว๋อกง โหวหยง ส่วนท้องเจ็บก็คือบุตรชายของเว่ยกว๋อกงชื่อตู้โหยวเว่ย พวกเขาสามคนพนันกับฉินโม่ในวันเปิดร้านไห่ตี้เหลา เลยถูกฉินโม่ตั้งชื่อเล่นให้"
หลี่ซื่อหลงพยักหน้าเห็นด้วย ใช่แล้ว หลี่ซินถึงแม้จะเอาแต่ใจ แต่เขาไม่มีทางทำเรื่องรุนแรงแบบนี้กับพี่น้องของตัวเอง มันจะต้องมีใครบางคนแอบยุยงอยู่ข้างหลังแน่นอน
เขาลูบศีรษะของฉินโม่ "เด็กดี เจ้าโดนรังแกมากขนาดนี้ แต่ยังคิดจะพูดแทนไท่จื่อ นี่ถือเป็นความกตัญญูและความมีน้ำใจอย่างแท้จริง!"
ในใจของฉินโม่แอบหัวเราะเย้ยหยัน "ข้าจะจัดการพวกเจ้าสี่คนให้สาสม!"
"พวกเจ้า รีบนำเบาะนุ่มๆ มาให้ฉินโม่!"
ไม่นานเบาะนุ่มก็ถูกนำมา หลี่ซื่อหลงอุ้มฉินโม่ด้วยมือของเขาเองแล้ววางให้นั่งบนเบาะนุ่มทั้งที่หลี่ซื่อหลงเป็นฮ่องเต้ ในชีวิตนี้แม้แต่พระบิดาของเขาเองเขาก็ยังไม่เคยปรนนิบัติแบบนี้มาก่อน
ความเมตตาที่เขามีต่อฉินโม่และตระกูลฉินสุดจะหาที่เปรียบได้
"แล้วไท่จื่ออยู่ที่ไหน?"
เสียงของหลี่ซื่อหลงเริ่มเย็นชา "ช่างกล้านัก ข้ายืนจนขาเมื่อแล้ว เขายังไม่มาอีก รึจะให้ข้าไปเชิญเขาเอง?"
สิ้นเสียง ผู้คนรอบข้างต่างตกใจกันจนเหงื่อท่วมตัว
ทันใดนั้น เสียงรายงานดังขึ้นจากด้านนอก "ไท่จื่อเสด็จ!"
ไม่นานหลี่ซินก็รีบวิ่งเข้ามาด้วยความเร่งรีบ ระหว่างทางผู้คนต่างคุกเข่าลงแสดงความเคารพ
หลี่เยว่ก้มตัวคำนับ "ถวายบังคมพี่ใหญ่!"
หลี่ซินไม่แม้แต่จะมองหลี่เยว่เลยสักนิด แต่เดินตรงไปยังหน้าหลี่ซื่อหลง
การกระทำนี้ยิ่งทำให้ความโกรธในใจหลี่ซื่อหลงปะทุขึ้นอีกครั้ง
“ลูกขอถวายบังคมพระบิดา!”
หลี่ซินคุกเข่าลงกับพื้น ในใจรู้สึกไม่สบายใจนัก เพราะฮ่องเต้ยังยืนอยู่แต่ฉินโม่กลับนั่งอยู่บนเบาะ
ลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเริ่มแผ่ซ่านในใจของหลี่ซินมากขึ้นเรื่อยๆ
“ข้ากำลังคิดว่า คงต้องส่งเกี้ยวแปดคนไปเชิญเจ้าออกมาเสียอีก!”
ได้ยินเช่นนี้ หลังของหลี่ซินก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็น “พระบิดาลูกไม่กล้าขัดพระราชกระแสรับสั่งท ลูกรีบมาโดยไม่รอช้า แต่ระหว่างทางมีกีดขวางทำให้ลูกมาที่นี่ช้าไปบ้าง”
หลี่ซินยื่นมือออกมาให้ดู ฝ่ามือเต็มไปด้วยรอยเลือด
แต่สิ่งที่เขาเผชิญกลับไม่ได้ทำให้หลี่ซื่อหลงรู้สึกเห็นใจหรือสงสารเลยแม้แต่น้อย “แค่เดินเจ้าก็ยังสะดุดล้ม หากข้าจะมอบอาณาจักรต้าเฉียนให้เจ้าดูแล เจ้าจะไม่พาอาณาจักรสะดุดล้มไปด้วยหรือ?”
หลี่ซินก้มหน้าต่ำลง เต็มไปด้วยความน้อยใจ เขาสะดุดล้มเกี่ยวอะไรกับอาณาจักรด้วย?
“ข้าผิดหวังในตัวเจ้ามาก!”
หลี่ซื่อหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้ามอบคดีการหมักเหล้าให้เจ้าทำการไต่สวนใหม่ แต่เจ้ากลับจัดการเช่นนี้ เจ้าคิดว่าเพราะเจ้าคือไท่จื่อ เจ้าจะทำอะไรก็ได้ตามใจหรือ?
เจ้าเป็นแบบนี้ ข้าจะมอบอาณาจักรต้าเฉียนให้เจ้าดูแลได้อย่างไร เจ้าคงไม่เข้าใจว่าทำไมข้าถึงตำหนิเจ้า ใช่ไหม?”
หลี่ซินก้มหน้าลงต่ำกว่าเดิม ความโกรธในแววตาแทบเผาผลาญสติของเขา
ในอดีต หลี่ซื่อหลงแทบไม่เคยตำหนิเขาต่อหน้าผู้อื่น แม้เขาจะทำผิด พระบิดาก็จะไล่คนออกไปก่อน แล้วค่อยเรียกเขาไปว่ากล่าวส่วนตัว
แต่ตอนนี้ไม่เพียงแต่ตำหนิเขาต่อหน้าคนอื่น ยังมีฉินโม่และหลี่เยว่ที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย
ในฐานะไท่จื่อ เขารู้สึกอับอายจนหมดสิ้นศักดิ์ศรี
พวกเขายืนอยู่ อีกคนก็นั่งอยู่บนเบาะ ส่วนเขาต้องคุกเข่า
ความอับอายท่วมท้นขึ้นในใจ
เขาสามารถสัมผัสได้ว่า หลี่เยว่และฉินโม่กำลังแอบเย้ยหยันเขา
เมื่อเห็นหลี่ซินไม่พูดอะไร แถมยังไม่รู้สำนึกผิด หลี่ซื่อหลงยิ่งโกรธเกรี้ยวมากขึ้น “ข้าคงทำให้เจ้าอิสระเกินไป ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หากไม่ได้รับอนุญาตจากข้า ห้ามเจ้าออกจากวัง! เจ้าได้ยินไหม?”
หลี่ซินคิดจะแก้ตัวสองสามคำ แต่พอเห็นสายตาโกรธเกรี้ยวของหลี่ซื่อหลง ความกลัวก็เกิดขึ้นในใจ
ความคิดที่จะแก้ตัวก็เลือนหายไปหมด
“ลูกทราบแล้ว”
“อีกเรื่อง เจ้าทำร้ายฉินโม่โดยไม่มีเหตุอันควร เจ้าต้องขอโทษฉินโม่!”
หลี่ซื่อหลงกล่าวเสียงเย็นชา
ทุกคนต่างตกตะลึง
ไท่จื่อจะต้องขอโทษขุนนาง?
เรื่องนี้เป็นไปได้จริงหรือ?
สีหน้าของหลี่ซินแดงก่ำ เขาเป็นถึงไท่จื่อแห่งต้าเฉียน แต่กลับต้องมาขอโทษคนโง่คนหนึ่ง ณ ขณะนี้ ความโกรธที่อัดอั้นอยู่ภายในระเบิดออกมา เขาเชิดศีรษะขึ้นและสบตากับหลี่ซื่อหลง “ฝ่าบาท ต่อให้กระหม่อมจะทำเกินไปบ้าง แต่ฉินโม่เองก็มีความผิดไม่ใช่หรือ?
เขาเป็นขุนนาง แต่กระหม่อมเป็นรัชทายาทมีสถานะเป็นนายและบ่าว ถ้าวันนี้กระหม่อมต้องขอโทษฉินโม่ วันหน้าจะมีใครในต้าเฉียนเห็นกระหม่อมอยู่ในสายตาอีก?
หรือว่าฝ่าบาทก็ไม่เคยเห็นกระหม่อมเป็นรัชทายาทเช่นกัน? ฝ่าบาทได้หาคนมาแทนที่กระหม่อมไว้แล้วหรือไม่?
หากเป็นเช่นนั้น ฝ่าบาทเพียงแค่กล่าวออกมา กระหม่อมก็จะไม่ทำหน้าที่ไท่จื่อนี้ต่อไป!”
ทุกคนต่างตกใจจนรีบคุกเข่าลง
แม้แต่หลี่เยว่เองก็ต้องคุกเข่าลงกับพื้น
เขาไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน
ไท่จื่อกลับกล้าทำเรื่องทรยศหักหลังเช่นนี้ออกมา
เขาแอบมองหลี่ซื่อหลงด้วยหางตา เห็นว่าดวงตาของหลี่ซื่อหลงเย็นชาอย่างที่สุด บรรยากาศภายในกรมอาญาก็เย็นลงจนน่ากลัว
“อกตัญญูยิ่งนับ!”
หลี่ซื่อหลงโกรธจนตัวสั่น ยกมือตบหน้าหลี่ซิน
เสียง “เพียะ!” ดังสนั่น
หลี่ซินล้มลงกับพื้น เลือดไหลออกมาจากมุมปาก
ความเจ็บปวดทำให้หลี่ซินเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา เขาเพิ่งตระหนักได้ว่าตนพูดอะไรออกไป
เขามองหลี่ซื่อหลงด้วยความหวาดกลัว “พระบิดา ลูก...”
แต่หลี่ซื่อหลงตัดบทเขาอย่างโกรธเกรี้ยว “ดี ตอนนี้เจ้าไม่อยากเป็นไท่จื่อแล้ว แสดงว่าเจ้าอยากเป็นฮ่องเต้สินะ?”
…………..