บทที่ 876: นายเถียงสิ! เถียงฉันมาสิ!
[\แปลโดยแฟนเพจ ยักษาแปร\มาติดตามในแฟนเพจ\เพื่อติดตามข่าวสารได้นะ\]
[\Thai-novel \ลงไวกว่าที่อื่น\ทุกที่ 5 ตอน\แต่จะราคาแพงที่สุด\]
[\หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง จะแก้ไขแบบเทียบคำต่อคำให้ตรงตามหลักไวยากรณ์ อ่านแบบเทียบภาษาต้นฉบับคำต่อคำ ซึ่งถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ\100คน\ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ซึ่งถ้ารู้ว่าหลุดจากที่ไหนก็จะไม่แก้ไขตรงเว็บนั้นครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบเวอร์ชั่นแรกไปนะครับ\]
บทที่ 876: นายเถียงสิ! เถียงฉันมาสิ!
มังกรแห่งเต๋าแต่เดิมเป็นหนึ่งเดียว เมื่อแยกออกจากกัน คิวเรมซึ่งเป็นร่างกายหลักจึงสูญเสียพลังในการบิน
แต่ไม่เคยมีใครเอาคิวเรมไปเปรียบเทียบกับกราดอนและไคโอก้า เพราะคิวเรมสามารถรวมร่างได้ ทั้งดาร์คคิวเรมและไวท์คิวเรมต่างก็บินได้
ปีกสายฟ้าของยามาโตะไม่ใช่ปีกแบบทั่วไป แต่คล้ายกับใบพัดแม่เหล็กไฟฟ้า แม้เวลาจะผ่านไปนานหลายปี ยามาโตะก็ไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเอง แม้ว่าเซครอมจะไม่ค่อยตอบสนองต่อยามาโตะ แต่เซครอมก็ยังยอมรับยามาโตะอยู่บ้าง
ถึงจะใช้พลังทั้งหมดไม่ได้ แต่การใช้พลังสายฟ้าบางส่วนก็ยังทำได้ ปีกคู่นี้คือเครื่องพิสูจน์
ฝูงมังกรพันปีบินไปยังเกาะเล็กๆแห่งหนึ่งเพื่อพักผ่อน มังกรพันปีเป็นสิ่งมีชีวิต ไม่ใช่นาฬิกา พวกมันมีมรดกพิเศษในสายเลือด สามารถรับรู้เวลาที่เกาะมังกรปรากฏขึ้นได้ แต่ไม่สามารถระบุได้อย่างแม่นยำว่าเป็นนาทีหรือวินาทีใด
โดยส่วนใหญ่มังกรพันปีจะมาถึงก่อนเวลา คล้ายกับการขึ้นรถไฟ มาถึงสถานีก่อนเวลาก็แค่รอ แต่ถ้ามาสาย ก็ไม่มีใครรอ
ส่วนจะรอนานแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับแอนนาผู้ดูแล บางคนจะออกเดินทางล่วงหน้าหนึ่งชั่วโมง บางคนจะออกเดินทางล่วงหน้าครึ่งวัน
ส่วนพ่อของเฟอเรน เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันระหว่างทาง และเพื่อให้คนในเผ่ามีเวลาพักผ่อนเพียงพอ จึงออกเดินทางล่วงหน้าไม่ใช่วันหรือสองวัน
พ่อของเฟอเรนเริ่มเตรียมการเรื่องนี้ตั้งแต่ปี 1520 ปีใหม่เพิ่งผ่านไป
ตอนนี้ยามาโตะแวะไปทำธุระอื่นพอดี ทำให้เวลาที่เผื่อไว้มีประโยชน์
...
ยามาโตะและคนอื่นๆ แค่เบื่อๆ แต่คนที่อยู่ข้างล่างไม่เหมือนกัน ไม่ใช่หมายถึงตาเหยี่ยว แต่หมายถึงกองเรือโจรสลัดข้างหน้า
นี่คือ "โจรสลัดผู้ยิ่งใหญ่" ครีก จากทะเลอีสต์บลู มีค่าหัว 17 ล้านเบรี ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่แห่งอีสต์บลู เคยมีลูกน้อง 5,000 คน และเรือโจรสลัด 50 ลำ
ที่บอกว่าเคย เพราะตอนนี้ลูกน้องของเขาหายไปเกินครึ่งแล้ว
ตอนที่อยู่ในอีสต์บลู เขาคือหัวหน้ากลุ่มโจรสลัดที่ใหญ่ที่สุด แต่เมื่อเขาถูกความโลภครอบงำจนเข้าสู่แกรนด์ไลน์ เขาก็รู้ทันทีว่าโลกภายนอกโหดร้ายแค่ไหน
เรือของเขามีขนาดใหญ่เกินกว่าจะผ่านเส้นทางแคบๆของรีเวิสเมาเทนได้ ดังนั้นกลุ่มโจรสลัดครีกจึงเสี่ยงเข้าสู่แกรนด์ไลน์ผ่านคาล์มเบลต์
เขาควรดีใจที่ตัวเองเป็นโจรสลัดจากอีสต์บลู ถ้าเข้าสู่โลกใหม่โดยตรง คน 5,000 คนนี้คงได้แต่ขุดเหมืองระดับล่างสุด
ในคาล์มเบลต์มีเจ้าทะเล เรือธรรมดาที่อยากผ่านไปต้องเสี่ยงอันตรายมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะผ่านไปไม่ได้เลย หลังจากสูญเสียไปบ้าง ครีกก็เข้าสู่แกรนด์ไลน์ได้สำเร็จ แล้วก็เจอกับตาเหยี่ยวที่กำลังเบื่อๆ
แม้จะเสียลูกน้องไปเกินครึ่ง ครีกก็ยังไม่รู้ว่าทำไมปีศาจตนนั้นถึงไล่ฆ่าตัวเอง
ฉัวะ!
แสงดาบวาบ เรืออีกลำจมลงต่อหน้าต่อตาเหล่าโจรสลัด ตาเหยี่ยวไม่ได้ไล่ล่าอย่างกระชั้นชิด แค่ลอยตามไปเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ลูกน้องของครีกคิดว่าตัวเองหนีตาเหยี่ยวพ้นแล้ว เขาก็จะปรากฏตัวขึ้น แล้วฟันเรือจมไปลำหนึ่ง
แต่หลังจากนั้น ตาเหยี่ยวก็จะกลับไปลอยตามน้ำเหมือนเดิม รอให้ครีกลากระยะห่างออกไป แล้วค่อยไล่ตามมาใหม่
"หัวหน้าครีก! ไอ้ปีศาจยังอยู่ข้างหลัง! มันยังอยู่ครับ!"
"ยิงปืนใหญ่"
"แต่กระสุนปืนใหญ่ทำอะไรหมอนั่นไม่ได้เลย..."
"ฉันให้เล็งยิงใส่เรือลำที่อยู่ด้านหลังต่างหาก ให้พวกมันไปถ่วงเวลาเจ้าปีศาจนั่น"
"อ๊ะ? แต่ว่า... ครับ! ผมเข้าใจแล้ว!"
เขาไม่กล้าพูดต่อ เมื่อเห็นสายตาหวาดกลัวของครีก
ครีกเป็นคนหลงตัวเอง ไร้ความปรานี และชอบทำเรื่องสกปรก เขาโหดเหี้ยม ไม่เคยสนใจชีวิตลูกน้อง แค่อยากให้พวกนั้นถ่วงเวลาเท่านั้น
เสียงปืนใหญ่ดังขึ้นไม่กี่ครั้ง เสากระโดงเรือของกลุ่มโจรสลัดที่อยู่ด้านหลังก็ถูกยิงหัก
ตอนนี้ยังไม่ได้เข้าเขตแกรนด์ไลน์ เรือของพวกเขายังคงเคลื่อนที่ด้วยแรงลม เสากระโดงเรือหัก ทำให้สูญเสียความสามารถในการเคลื่อนที่ชั่วคราว และดูเหมือนตาเหยี่ยวจะหายตัวไปจริงๆ ชั่วขณะหนึ่ง ไม่มีใครรู้ว่าปีศาจตนนั้นหายไปไหน
แต่ความจริงแล้ว ตาเหยี่ยวไม่ได้ไล่ตามต่อ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการกระทำของครีกเลย
...
ไม่กี่นาทีก่อน ยามาโตะพ่นน้ำแข็งออกมา แช่แข็งผืนทะเลเบื้องหน้าตาเหยี่ยว เธอก็กระโดดลงมาตรงหน้าเขา
"เฮ้! นายนั่นแหละ ที่ชอบชักดาบฟันขึ้นฟ้าใช่มั้ย? รู้มั้ยว่าทำแบบนั้นมันอาจจะทำให้คนอื่นบาดเจ็บได้นะ! นาย... เอ่อ อุลติ ปกติเวลาจะหาเรื่องคนอื่นเขาพูดกันว่ายังไงนะ? ฉันไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนอ่ะ"
พูดได้ครึ่งทาง เธอก็ดึงอุลติเข้ามาใกล้ๆ ก้มลงถามประสบการณ์ ยามาโตะผ่านการต่อสู้มามาก แต่ก่อนหน้านี้เธอมีเหตุผลเพียงพอเสมอ
ถึงตาเหยี่ยวจะส่งผลกระทบต่อท้องฟ้า แต่แรงสะท้อนนั้นแทบไม่มีพลังทำลายล้างเลย แค่ทำให้เมฆกระจายเท่านั้น
ตอนลงมา เธอคันไม้คันมือ ไม่ได้คิดอะไรมาก ตอนนี้เธอถึงกับพูดไม่ออก
"เรื่องแบบนี้มาถามฉันทำไม?"
"ก็เธอมีประสบการณ์นี่"
"... จะต่อสู้ทั้งที จะหาเหตุผลไปทำไม? คว้ากระบองไปฟาดเขาก็สิ้นเรื่อง! เอาอย่างพ่อของเธอสิ!"
ทั้งสองคนยังไม่ได้ข้อสรุป ตาเหยี่ยวกลับเป็นฝ่ายตอบก่อน
"พวกเธอ บินอยู่บนฟ้ามาก่อนงั้นเหรอ? ขอโทษด้วยนะ"
"ไม่ใช่แล้ว! แก้ตัวสิย่ะ! แก้ตัวมาสิ! นายไม่ใช่ 7 เทพโจรสลัดเหรอ? ไม่ทำตัวอวดดีแล้วพูดว่า 'แล้วไงล่ะ' บ้างเหรอ? แบบนี้ฉันจะต่อสู้กับนายได้ยังไง!?"
ยามาโตะไม่คิดเลยว่าตาเหยี่ยวจะตอบแบบนี้ ทำให้เธอไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง
"ต่อสู้? ถึงตอนนี้ฉันจะเบื่อๆ ก็ไม่ได้รังเกียจที่จะเปลี่ยนอารมณ์หรอกนะ แต่คนอย่างเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? โอนิฮิเมะค่าหัว 1,780 ล้านเบรี ไม่ควรจะอยู่ในโลกใหม่ไม่ใช่เหรอ?"
"นายก็เหมือนกันนั่นแหละ! ยังไงก็ว่างๆอยู่แล้ว สู้กันหน่อยดีไหม!?"
สุดท้ายยามาโตะก็หาเหตุผลดีๆไม่ได้ แต่ก็ยังสู้กับตาเหยี่ยว เมื่อเทียบกับพวกกุ๊ยที่ไม่มีทางสู้ ยามาโตะคู่ควรกับการที่เขาจะชักดาบมากกว่า ถึงจะไม่ใช่นักดาบ แต่เขาก็ยอมรับในพลังของเธอ
ถึงเขาจะอยู่กับลิงบาบูนบนเกาะ แต่เขาก็ยังอ่านข่าวสารบนหนังสือพิมพ์ได้
ตาเหยี่ยวกระโดดจากเรือเล็กไปบนพื้นน้ำแข็งที่ยามาโตะสร้างขึ้น ชักดาบยาวที่อยู่ด้านหลังออกมา - หนึ่งใน 12 ดาบชั้นยอด - ดาบดำ - โยรุ
ในขณะที่เขาชักดาบออกมา ดวงตาคมดุจเหยี่ยวก็ส่งประกายอันแหลมคมออกมา
แต่ก่อนการต่อสู้จะเริ่มขึ้น ก็มีเสียงดังขึ้นขัดจังหวะ เสียงปืนใหญ่ดังขึ้นอีกครั้ง
เรือที่ถูกครีกยิงเสากระโดงหักก่อนหน้านี้ รู้สึกว่าหมดหวังที่จะหนี จึงกำลังพยายามครั้งสุดท้าย หวังจะใช้ปืนใหญ่จัดการตาเหยี่ยวในขณะที่เขากำลังต่อสู้กับคนอื่น
"เชอะ น่ารำคาญจริงๆ อุลติ เพจวัน ช่วยหน่อยสิ ไปทำให้พวกนั้นเงียบๆที"
"เข้าใจแล้ว กล้าทำให้กระโปรงฉันเปื้อน นี่เพจวันซื้อให้ฉันเลยนะ! ไปกันเถอะเพจวัน ไปสั่งสอนพวกนั้นให้รู้สำนึก!"