ตอนที่แล้วบทที่ 57: เราตาฝาดไปหรือไม่?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 59: องค์หญิงใหญ่ถูกปลด

บทที่ 58: ความจริงปรากฏ


“ท่านพ่อ ท่านไม่ต้องไปประชุมเช้าที่ท้องพระโรงหรือเพคะ?” มู่ไป๋ไป่เหลือบมองผู้เป็นพ่อแล้วโบกมือให้เขาอย่างรวดเร็ว “ท่านกินข้าวเช้าหรือยัง?”

“เรากินแล้ว” มู่เทียนฉงระงับความประหลาดใจ ก่อนจะก้าวเข้าไปอย่างสงบเพื่อทักทายไทเฮาและถามด้วยความสงสัย “เหตุใดไทเฮาถึงเสด็จมาที่นี่?”

“เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ขึ้นในวังหลัง เราไม่ควรมาเยี่ยมเยียนหลานของเราหน่อยหรือ?”

ฮ่องเต้หนุ่มที่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกตกใจ

“อืม…” เขาทำได้เพียงแค่ตอบรับเสียงเบาในลำคอ

จากนั้นไทเฮาก็ค่อย ๆ วางตะเกียบลง แล้วยื่นมือไปรับผ้าเช็ดปากที่ชิงเยว่มาเช็ดปากให้มู่ไป๋ไป่จนสะอาด

“หลานสาวที่น่ารักของเราเกือบต้องจมน้ำตาย แต่ตอนนี้ยังหาตัวฆาตกรไม่พบ”

“เรื่องที่น่าเศร้าเช่นนี้เกิดขึ้นกับคนในครอบครัวของเรา พระองค์จะให้เรากินอิ่มนอนหลับได้อย่างปกติสุขหรือ”

“...”

เมื่อครู่นี้ไทเฮาทรงเรียกมู่ไป๋ไป่ว่าอะไรนะ?

หลานสาวที่น่ารักอย่างนั้นหรือ?

มู่เทียนฉงเหลือบมองลูกสาวด้วยความสงสัย

ในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ถึงทำให้ไทเฮาเปลี่ยนไปราวกับพลิกฝ่ามือเช่นนี้ หรือว่ามีบางสิ่งเข้าสิงพระนาง?

มู่ไป๋ไป่ที่เพิ่งยอมรับการเปลี่ยนแปลงของไทเฮาได้จึงตบหลังมือปลอบพระนางเบา ๆ

ไม่นานน้ำเสียงไพเราะของเด็กก็ดังขึ้น “ท่านย่า ท่านอย่าโกรธไปเลย เมื่อวานตั้งแต่ได้รับข่าวท่านพ่อไม่ได้นอนทั้งคืนและกำลังติดตามเรื่องนี้กับคนของศาลต้าหลี่ด้วยตัวเองเพคะ”

“เป็นเช่นนั้นเองหรือ” ไทเฮามีสีหน้าอ่อนลงเล็กน้อย “นี่ก็ผ่านไป 1 คืนแล้ว ฝ่าบาททรงพบเบาะแสใดหรือไม่?”

“...” มู่เทียนฉงนั่งลงก่อนจะเอ่ยปากตอบว่า “เราพบแล้ว แต่ยังไม่มีหลักฐานที่แน่นหนา”

ไทเฮาไม่ได้ตั้งคำถามเพิ่มเติมหลังจากได้ยินสิ่งที่ฮ่องเต้พูด แต่พระนางได้กระชับอีกฝ่ายซ้ำ ๆ ว่าให้จับผู้กระทำผิดมาให้ได้โดยเร็วที่สุด แล้วเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่มู่ไป๋ไป่และหลัวเซียวเซียว

“ท่านย่าไทเฮา ท่านเสด็จกลับตำหนักฉือซิ่งไปพักผ่อนก่อนเถิดเพคะ” เมื่อคนตัวเล็กเห็นว่าสถานการณ์แทบจะกลับมาเป็นปกติแล้ว เธอจึงรีบพูดขึ้นว่า “ถ้าหากไป๋ไป่กับเซียวเซียวหายดีแล้ว ไป๋ไป่จะไปคารวะท่านด้วยตัวเอง”

ไทเฮาไอเบา ๆ ขณะที่อุ้มมู่ไป๋ไป่ขึ้น นั่นทำให้เธอรู้สึกไม่ดีเล็กน้อย

พระนางทรงยอมมาหาเธอถึงตำหนักทั้งที่ตนกำลังป่วย เธอจึงเร่งเร้าให้อีกฝ่ายเสด็จกลับไปพักผ่อน

“ไป๋ไป่เด็กดี” ไทเฮาอดไม่ได้ที่จะลูบใบหน้าของหลานสาวอีกครั้ง

และชื่อที่เอ่ยขานได้เปลี่ยนจาก ‘องค์หญิงหก’ เป็น ‘ไป๋ไป่’ เช่นกัน

“เรารู้ว่าไป๋ไป่กำลังเป็นห่วงเรา แต่ไม่ต้องกังวลไป เราเพียงแค่เป็นหวัดเล็กน้อย กลับไปดื่มยาสัก 2-3 ถ้วยก็คงจะหายแล้ว”

“เช่นนั้นเรากลับไปพักผ่อนก่อนดีกว่า เอาไว้เราจะมาเยี่ยมเจ้าวันหลัง”

“ถ้าเจ้าต้องการสิ่งใด ให้รีบส่งคนไปแจ้งที่ตำหนักฉือซิ่งได้ทุกเมื่อ”

ไทเฮาหันกลับมาพูดอยู่บ่อยครั้ง โดยที่พระนางกำชับเรื่องต่าง ๆ ไม่ยอมหยุดแม้ว่าจะทรงเดินไปถึงประตูตำหนักอิ๋งชุนแล้วก็ตาม

พระนางแสดงความรักต่อมู่ไป๋ไป่มากจนออกนอกหน้า

หลังจากเด็กหญิงส่งเสด็จไทเฮากลับแล้ว เธอก็ห่อไหล่ลงและยื่นมือไปทางคนเป็นพ่ออย่างเกียจคร้านก่อนจะพูดติดตลกว่า “ท่านพ่อ ไป๋ไป่ขอกอดหน่อยสิ”

“เจ้าไปทำอะไรกับไทเฮา?” มู่เทียนฉงอุ้มลูกสาวขึ้นมาแล้วใช้หลังนิ้วลูบจมูกนาง “ทำไมไทเฮาถึงได้สนิทสนมกับเจ้าขนาดนี้?”

เขายังจำสายตาของไทเฮาที่มองดูมู่ไป๋ไป่ในตอนที่เขาไปช่วยนางกับซูหว่านออกจากตำหนักฉือซิ่งเมื่อครั้งที่แล้วได้เป็นอย่างดี

“คนอย่างไป๋ไป่จะไปทำอะไรได้เพคะ?” เด็กน้อยย่นจมูก “ไป๋ไป่เป็นเพียงเด็กตัวเล็ก ๆ น่ารักเท่านั้น”

“ไทเฮาคงค้นพบความน่ารักของไป๋ไป่เข้าแล้ว พระนางจึงมีท่าทีต่อไป๋ไป่เปลี่ยนไป”

มู่เทียนฉงที่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกขบขัน “หืม… จริงหรือ?”

“ไป๋ไป่พูดผิดไปหรือเพคะ?” มู่ไป๋ไป่เอียงคอทำตาแป๋ว “หรือท่านพ่อคิดว่าไป๋ไป่ไม่น่ารัก?”

เมื่อเทียบกับบรรยากาศที่อบอุ่นในตำหนักอิ๋งชุน ที่ตำหนักชิงเหอในเวลานี้กำลังตกอยู่ในความตึงเครียด

ในตอนเช้า ก่อนที่ลี่เฟยจะทันได้ตื่นนอน นางก็ได้ยินเสียงนางกำนัลของตัวเองประกาศว่าจู่ ๆ คนของศาลต้าหลี่ก็ได้ส่งคนเข้ามาตรวจสอบในตำหนัก

หญิงสาวตกใจมากจนแทบจะกลิ้งตกเตียง นางกลัวว่าอีกฝ่ายจะรู้ว่าหลานชายของนางเป็นคนลงมือ ดังนั้นนางจึงรีบพาตัวนายน้อยหลัวไปซ่อนไว้

ในขณะที่นางกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า นางก็พยายามระงับความตื่นตระหนกบนใบหน้า และออกไปจัดการกับคนของศาลต้าหลี่

“ถวายบังคมพระสนม”

ลี่เฟยมีท่าทีสงบนิ่งขณะพูดเบา ๆ ว่า “ลุกขึ้นเถิด ใต้เท้ามาที่นี่ มีอะไรให้ข้าช่วยเหลืออย่างนั้นหรือ?”

ทางด้านผู้บัญชาการศาลต้าหลี่ปฏิเสธน้ำชาที่นางกำนัลนำมาให้แล้วพูดด้วยท่าทางนอบน้อมว่า “เมื่อวานมีคดีคนจมน้ำเกิดขึ้นในวังหลวง ฝ่าบาทได้ส่งกระหม่อมมาที่นี่เพื่อทำการสอบสวนอย่างละเอียดพ่ะย่ะค่ะ”

คำพูดนั้นทำให้ลี่เฟยไม่อาจรักษาท่าทีของตัวเองเอาไว้ได้ ในขณะที่นางเผลอตัวไปชั่วขณะหนึ่ง สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

“กระหม่อมสืบทราบมาว่าหลัวเซียวเซียวที่จมน้ำคือหลานสาวของพระสนม”

“ยิ่งไปกว่านั้น กระหม่อมยังพบว่าหลานชายของพระสนม นายน้อยหลัวที่เป็นพี่ชายร่วมบิดากับหลัวเซียวเซียวนั้นเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง และมักจะรังแกน้องสาวของตนเองอยู่บ่อยครั้ง”

“ใต้เท้า” หญิงสาวพูดด้วยรอยยิ้ม แต่ในใจของนางกลับเป็นกังวลยิ่งนัก “หลัวเซียวเซียวเป็นลูกสาวของพี่ชายข้าจริง ๆ แต่มารดาผู้ให้กำเนิดของนางมีสถานะต่ำต้อย ดังนั้นเรื่องนี้ ในสายตาของบุคคลภายนอก นางไม่ใช่คนของตระกูลหลัว”

“เรื่องที่หลานชายของข้าเข้ากับนางไม่ได้ เรื่องนั้นข้าไม่รู้จริง ๆ ที่คราวนี้หลานชายของข้าเข้ามาในวังหลวงก็เพราะต้องการมาร่วมฉลองวันเกิดกับข้า และข้าก็ได้รับอนุญาตจากฝ่าบาทแล้ว”

“ในตอนนั้น หลานชายของข้าบอกว่าต้องการพาคนติดตามมาด้วยคนหนึ่ง ข้าก็คิดว่าเขาต้องการพาคนรับใช้มาด้วย ข้าก็เลยตอบตกลง ไม่คิดว่าคนที่ติดตามมาจะเป็นหลัวเซียวเซียว”

“ใต้เท้า หากหลานชายของข้ากับหลัวเซียวเซียวไม่ถูกกัน ทำไมเขาถึงต้องให้นางติดตามเข้ามาในวังหลวงล่ะ?”

ผู้บัญชาการครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะนิ่งเงียบไป

ทางด้านลี่เฟยกลับเหมือนมีคนมาตีกลองอยู่ในใจ นางกำลังแอบดีใจที่คำตอบของตนนั้นไม่มีจุดบกพร่อง และนางจะสามารถเบี่ยงเบนความสนใจของคนจากศาลต้าหลี่ได้สำเร็จ

ไม่นานอีกฝ่ายก็พูดขึ้นว่า “กระหม่อมขอรบกวนลี่เฟยให้เรียกนายน้อยหลัวมาได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมีบางสิ่งที่อยากจะถามเขาเป็นการส่วนตัว”

“...” หญิงสาวแอบกรีดร้องในใจ

ก่อนหน้านี้เป็นเพราะนางตื่นตระหนกจึงสั่งให้นางกำนัลซ่อนหลานชายของตัวเองเอาไว้ ตอนนี้ถ้านางเรียกเขามา นางคงต้องใช้เวลาระยะหนึ่งในการตามหาเขาอย่างแน่นอน

“พระสนมไม่สะดวกเช่นนั้นหรือ?” แววตาของผู้บัญชาการเปลี่ยนไปเล็กน้อยขณะเอ่ยถาม

ในทางตรงกันข้าม ลี่เฟยรู้สึกสับสนมากจนไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งแปลกประหลาดและทำเพียงแค่พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า

“ใช่ หลานชายของข้าเป็นหวัดเพราะต้องลมหนาวเมื่อคืนนี้ ตอนนี้เขากำลังพักผ่อนอยู่ หากเขาตื่นแล้วข้าจะให้คนไปเรียกท่านอีกครั้ง”

“ไม่จำเป็นพ่ะย่ะค่ะ” คนของศาลต้าหลี่ยืนขึ้นด้วยสีหน้าขึงขัง “บังเอิญว่ากระหม่อมพอจะมีความรู้ทางด้านการรักษาอยู่บ้าง การเป็นไข้ลมหนาวนั้นอาจจะเป็นเรื่องใหญ่ หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมเขาอาจจะตกอยู่ในอันตราย”

ทันทีที่ชายหนุ่มกล่าวจบ เขาก็เดินไปยังห้องโถงด้านใน

พอลี่เฟยเห็นดังนั้นก็ตกใจมาก และตั้งใจจะเข้าไปขวางอีกฝ่าย

อย่างไรก็ตาม คนของศาลต้าหลี่ได้มาพร้อมกับตราคำสั่งของมู่เทียนฉงให้ตรวจสอบวังหลังอย่างละเอียดเพื่อที่เขาจะได้ผ่านเข้าออกทุกตำหนักในวังหลังได้โดยไม่ถูกขัดขวาง

เพียงแค่เขากวาดตามองอย่างเย็นชา นางกำนัลทุกคนที่ขวางทางเขาอยู่ก็ถอยร่นกลับไปด้วยท่าทางหวาดกลัว

คนจากศาลต้าหลี่เข้าไปค้นภายในอยู่พักหนึ่งก็ไม่พบใคร แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้รีบร้อนประหนึ่งว่าเจ้าตัวคาดเอาไว้แล้ว

จากนั้นเขาจึงสั่งให้คนของตัวเองค้นทุกซอกทุกมุมในตำหนักชิงเหอ

2 เค่อต่อมา พวกเขาก็พบนายน้อยหลัวที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องส้วม

ทันทีที่เขาเห็นผู้บัญชาการผู้สง่างามของศาลต้าหลี่ เขาก็ตกใจกลัวจนขาอ่อนแรง

ในไม่ช้าเขาก็ได้สารภาพออกมาเองจนหมดโดยที่ไม่รอให้มีการสืบสวน และได้ซัดทอดถึงองค์หญิงใหญ่ มู่เชียน

พอลี่เฟยได้ยินเช่นนี้ นางก็รู้แล้วว่าตนไม่สามารถปกป้องเขาเอาไว้ได้อีก ทำให้สีหน้าของนางเปลี่ยนไปทันทีคล้ายกับว่านางรู้สึกเสียใจมาก “เจ้าทำเรื่องเช่นนี้ลงไปได้อย่างไร เจ้าคนสารเลว”

“เสียทีที่ข้ารักเจ้าเหมือนเป็นลูกของข้าเอง เจ้าทำให้ข้าผิดหวังมาก!”

หลังจากหญิงสาวพูดเช่นนั้น นางก็หมดสติไปซึ่งทำให้นางกำนัลในตำหนักอุทานขึ้นมาอย่างประหลาดใจ

ทันใดนั้นตำหนักชิงเห่อก็ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย

คนของศาลต้าหลี่รู้ว่าลี่เฟยกำลังแสดงละครอยู่ แต่นี่ไม่ได้อยู่ในขอบเขตหน้าที่ของพวกเขา

ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่นเสียงในลำคอโดยไม่มองสตรีที่มีทักษะการแสดงยอดเยี่ยมคนนั้น

หน้าที่ของเขาก็คือการสืบหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ และตอนนี้ความจริงก็ถูกเปิดเผยเรียบร้อยแล้ว ภารกิจของเขานับว่าเสร็จสิ้น

ขั้นต่อไป เหลือเพียงแค่เขาต้องไปรายงานความจริงทั้งหมดให้แก่ฝ่าบาท และรอการตัดสินใจของพระองค์

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด