ทุกคนเปลี่ยนอาชีพ : แต่นักฝึกมังกรกากสุดงั้นเหรอ? ตอนที่ 39 อาบน้ำเสียก่อน
“ไปเลยเหรอครับ?”
ลู่ฟานมองหานเค่อและพูดด้วยความปวดใจ
“ทำไมน้าไม่พักผ่อนก่อนล่ะ? น้าดูไม่ค่อยดีเลยนะ เดี๋ยวผมจะไปจ่ายตลาดมาทำอาหารเอง”
“พอรู้สึกดีขึ้นแล้วค่อยมาลองสกิลอาชีพกับข้าวที่หุงก็ได้”
เมื่อเห็นลู่ฟานเห็นห่วงเธอมาก หานเค่อรู้สึกอบอุ่นหัวใจอีกครั้ง
เธอยิ้มเบา ๆ และรวบผม เธอพูดด้วยความโมโหเล็กน้อย
“น้ารู้สึกไม่ดี ไม่ใช่เพราะเป็นห่วงว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่เข้าป่าไปคนเดียวหรอกเหรอ?”
ลู่ฟานทำหน้ารู้สึกผิด แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรหานเค่อก็แตะหน้าเขาและพูดอย่างอ่อนโยน
“หลานไม่ต้องพูดขอโทษหรอก หลานไม่ได้ทำอะไรผิดเลย”
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่มันดีแล้วที่หลานกลับมาได้ แต่จากนี้ไปไม่ว่าจะไปที่ไหน อย่าลืมมาบอกน้าด้วยล่ะ เข้าใจไหม?”
“ไม่ต้องห่วงครับน้า ผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว”
ลู่ฟานให้สัญญาอย่างตั้งใจ
หานเค่อยิ้มอีกครั้ง ใบหน้าของเธอน่ารักเหนือคำบรรยาย
“โอเค เห็นหลานกลับมาน้าก็รู้สึกดีขึ้นเยอะแล้ว”
“แล้วคัมภีร์เปลี่ยนอาชีพก็เหมือนจะเพิ่มค่าสถานะมานิดหน่อยด้วย น้าไม่รู้สึกอ่อนแออีกแล้ว”
เมื่อพูด หานเค่อย่นจมูกและพูดด้วยความโมโห
“หลานนี่ดูแลตัวเองข้างนอกไม่ได้เลยจริง ๆ”
“ขึ้นไปอาบน้ำข้างบนได้แล้ว ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าพักผ่อน น้าทำกับข้าวเสร็จแล้วจะไปเรียก”
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของหานเค่อมีสีสันอมชมพูมากขึ้นกว่าแต่แรกและอารมณ์ดีขึ้น ลู่ฟานก็รู้สึกสบายใจและปล่อยให้หานเค่อไปจ่ายของทำอาหาร
หลังจากหานเค่อไปแล้ว ลู่ฟานถึงได้รู้ว่าในตอนที่เขาคุยกับน้า เสี่ยวเย่ก็ได้ทำลายของในชั้นหนึ่งไปหลายอย่างแล้ว
ลู่ฟานหน้าดำคร่ำเครียด เขาเรียกเสี่ยวเย่
“อั๊ง!”
เสี่ยวเย่ที่มีเข่งนึ่งบนหัว โผล่หัวออกมาดูไร้พิษภัย
“เจ้าเด็กซนนี่ พอละสายตาได้แปปเดียวก็พังข้าวของในร้านน้าชั้นแล้วเรอะ?!”
ลู่ฟานเดินเข้ามาคว้าตัวเสี่ยวเย่และหยิบเข่งนึงออก
เสี่ยวเย่ส่งเสียง ‘อั๊ง’ อีกครั้ง มันบ่นว่าลู่ฟานไม่ยอมสนใจมันและมันต้องกัดของหลายอย่างเพราะเบื่อ
ลู่ฟานพูดไม่ออก แต่เมื่อคิดว่าเขามีเงินอยู่มากมาย ไม่จำเป็นที่น้าของเขาจะต้องอยู่ในร้านซาลาเปานี้อีกต่อไปแล้ว
ของอย่างเข่งนึ่งในร้านจะพังไปสักหน่อยก็ได้
“รอบนี้ชั้นจะปล่อยแกไป แต่ต่อจากนี้ต้องทำตัวดี ๆ ในตอนที่อยู่บ้านและอย่าพังบ้าน เข้าใจไหม!”
ลู่ฟานขมวดคิ้วและต่อว่าเสี่ยวเย่
เสี่ยวเย่ส่งเสียง ‘ฮืม’ บ่งบอกว่าเข้าใจ
ต่อมาก็ถึงเวลาที่ลู่ฟานจะได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่เสี่ยวเย่ก็เอาแต่ตามลู่ฟานไม่คิดจะไปไหน
ลู่ฟานหมดทางแก้ เขาพาเสี่ยวเย่เข้าไปตอนที่เขาอาบน้ำไม่ได้ จริงไหม?
แต่ถ้าหากคิดให้ดี มันก็ดูจะไม่มีอะไรแปลก
แม้เสี่ยวเย่จะเป็นมังกรตัวเมีย เขากับเสี่ยวเย่ก็เป็นคนละเผ่าพันธุ์กัน อาบน้ำด้วยกันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
เมื่อเห็นเสี่ยวเย่คิดจะอาบน้ำกับเขา เสี่ยวฟานก็หยุดคิดมากและพาเสี่ยวเย่ไปอาบน้ำให้สบายตัวกับเขาด้วย
ในขณะเดียวกัน
ที่ห้องหนังสือในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของเมืองเจียงไห่
ฉินฉิวสวมผ้าคลุมแสงศักดิ์สิทธิ์พลบค่ำและนั่งอยู่บนโซฟา
ตรงข้ามเธอคือชายวัยกลางคนหน้าตาหล่อเหลา
เขาดูคล้ายกับฉินฉิวและเขาเป็นบิดาของฉินฉิว ฉินชางไห่ เทศมนตรีเมืองเจียงไห่
ฉินชางไห่ ถือถ้วยชาร้อนในมือและฟังอย่างเงียบเชียบกับทุกสิ่งที่ฉินฉิวพูด
หลังจากฟังอยู่นาน เขาจิบชาและพูดพลางครุ่นคิด
“ลูกหมายความว่าเด็กที่ชื่อลู่ฟานไม่ได้แค่เปลี่ยนอาชีพเป็นนักฝึกมังกร แต่ยังมีมังกรเป็นสัตว์เลี้ยงซึ่งจะทำให้ใช้ความสามารถของอาชีพได้เต็มที่ ใช่ไหม?”
ฉินฉิวพยักหน้าพูดอย่างจริงจัง
“ใช่ค่ะพ่อ ลู่ฟานแข็งแกร่งเกินไปจริง ๆ เทียบกับเขาแล้ว ความแตกต่างระหว่างหนูกับเขามันเหมือนหิ่งห้อยกับพระจันทร์เลย”
“ตั้งแต่เริ่มเข้าแดนลับ เขาไม่แม้แต่อัญเชิญมังกรออกมา แต่พลังที่เขาแสดงให้ดูก็เหนือกว่าลุงเก้อแล้ว เราทุกคนคิดว่าเขาน่าจะเป็นอาชีพนักรบที่เป็นอาชีพลับ”
ในตอนนี้ ฉินฉิวยิ้มอย่างขมขื่น
“ใครจะไปคิดล่ะว่าพลังที่แท้จริงของอาชีพนั้นไม่ใช่ตัวเขา แต่เป็นมังกรของเขา”
“หนูไม่รู้ว่าเขาครอบครองมังกรอะไร แต่หนูแน่ใจว่ามันคือมังกรแน่นอน”
“มีแค่มังกรเท่านั้นที่จะแข็งแกร่งขนาดนั้นได้ มันแค่เลเวล 9 แต่ก็ฆ่าบอสเลเวล 25 ระดับฝันร้ายได้ง่าย ๆ เลย”
ฉินชางไห่หายใจเข้าลึก
“เลเวล 9 แต่ยังมีพลังต่อสู้ที่มากมายขนาดนั้น ยืนยันได้แล้วว่านั่นคือมังกรที่มีพลังสายโลหิตของจริง”
“เด็กที่หนูพูดถึงคนนั้นน่าตกใจจริง ๆ พ่อไม่คิดเลยว่านักฝึกมังกรที่มีมังกรจะแข็งแกร่งได้ขนาดนั้น”
“ไม่ใช่แค่สัตว์เลี้ยงมังกรที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบ แต่แม้แต่ตัวนักฝึกมังกรเองก็ได้รับพลังจากมังกรมาด้วย และเป็นพลังที่เหนือกว่าอาชีพนักรบลับทั่ว ๆ ไปอีก”
“นักฝึกมังกรคือหนึ่งในสามอาชีพลับที่แข็งแกร่งที่สุดของจริง…”