ตอนที่แล้วตอนที่ 78 เจิ้งเหวินอันถูกปฏิเสธ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 80 สองครั้งเป็นเรื่องบังเอิญ แต่สามครั้งนั้นไม่ใช่

ตอนที่ 79 หรือจะเป็นโครงเรื่องใหม่? (ฟรี)


ตอนที่ 79 หรือจะเป็นโครงเรื่องใหม่?

“ขอโทษด้วย ฉันยังไม่มีแผนจะเพิ่มใครเข้ามาในทีมตอนนี้”

ไม่ว่าเจิ้งเหวินอันจะมีพลังวิเศษแบบใดก็ตาม จินซู่หยูก็ไม่ตั้งใจที่จะให้เขาเข้าร่วมทีมของเธอ

“ทำอะไรกันอยู่น่ะ!”

ในเวลานั้น ฮั่วฮวนก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่รู้ว่าโดยบังเอิญหรือเพราะอะไร

เมื่อเดินเข้ามา ฮั่วฮวนดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเมื่อเห็นเจิ้งเหวินอัน

“พี่ฮวน”

จินซู่หยูหันไปมองฮั่วฮวน ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

ฉู่เจียงเยว่มองดูระหว่างทั้งสองคน แนวโน้มการพัฒนาในตอนนี้ดูเหมือน... ไม่ค่อยสอดคล้องกับโครงเรื่องดั้งเดิม

“ดูสิโฮสต์ คูณเห็นเหมือนกันใช่ไหม ดูเหมือนอาจมีการเปลี่ยนตัวพระเอกก็เป็นได้ ถ้าเป็นอย่างงั้นจริงก็เยี่ยมไปแล้ว”

จิ้งจอกน้อยที่ยืนอยู่บนไหล่ของฉู่เจียงเยว่เท้า เคลื่อนไหวไปมาอย่างตื่นเต้น หากคนอื่นมองเห็นมัน พวกเขาคงไม่อาจละสายตาได้เป็นแน่

“ใจเย็นๆ ก่อน อย่าตื่นเต้นไป คงจะไม่แน่หากโครงเรื่องเปลี่ยนไปอีก”

ถ้าเป็นจินซู่หยู และฮั่วฮวนได้คู่กันจริงๆ ฉู่เจียงเยว่ยินดีจะสนับสนุนพวกเขา

เจิ้งเหวินอันขมวดคิ้วเมื่อเห็นฮั่วฮวน เขารู้สึกเสมอว่าสิ่งต่างๆ ไม่ควรเป็นแบบนี้ แต่เขาไม่สามารถอธิบายได้ว่าเพราะอะไร แล้วทำไมมันถึงทำให้เขาความคิดเช่นนี้

“คุณเจิ้ง คุณต้องการเข้าร่วมทีมของผม และอาหยูเหรอ”

บางที เป็นเหตุผลที่เจิ้งเหวินอันได้เป็นพระเอกก็น่าจะเพราะเขาดูดีกว่าฮั่วฮวน ในแง่ของรูปร่างหน้าตาและส่วนสูง

แต่ตอนนี้ในสายตาของฉู่เจียงเยว่ เธอรู้สึกว่าฮั่วฮวนนั้นดูดีกว่าเจิ้งเหวินอันระดับหนึ่ง

แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวของตัวเธอเอง

“ใช่ ฉันอยากเข้าร่วมด้วยใจจริง คุณฮั่ว คุณคงไม่ควรรังเกียจหรอกใช่ไหม”

เจิ้งเหวินอันไม่อยากถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ดังนั้นเขาจึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะฝืนยิ้ม

แต่ไม่มีใครรู้ว่าในใจของเขากำลังคิดอะไรอยู่

“ฉันบอกไปแล้วว่าทีมของเรายังไม่เปิดรับคนในเวลานี้ คุณเจิ้ง คุณควรจะไปหาทีมอื่น”

จินซู่หยูกลัวว่าฮั่วฮวนจะตอบรับด้วยแรงกระตุ้น เธอจึงรีบปฏิเสธเจิ้งเหวินอันก่อนที่ฮั่วฮวนจะทันได้พูดอะไร

"โฮสต์ มีบางอย่างเกิดขึ้นกับโครงเรื่อง! สิ่งที่แสดงให้เห็นตอนนี้คือ มีข้อผิดพลาดบางอย่าง และกำลังแก้ไข..."

จิ้งจอกน้อยโยกตัวไปมาบนไหล่ของฉู่เจียงเยว่อย่างตื่นเต้น แต่ก็ยังไม่มีการเปิดเผยอะไรที่เฉพาะเจาะจง ดังนั้นมันจึงยังค่อนข้างกังวลอยู่ไม่น้อย

“เราทำได้แต่รอดูไปก่อน แต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในตอนนี้ มันก็ถือว่าค่อนข้างดีเลยทีเดียว”

เพราะสถานการณ์ในตอนนี้คือ เจิ้งเหวินอันถูกจินซู่หยูปฏิเสธให้เข้าร่วมทีม ดังนั้นทั้งสองจะไม่อาจได้พบกันมากพอในอนาคต

อย่างน้อย ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีความก้าวหน้าทางอารมณ์ระหว่างทั้งสอง

เมื่อเห็นว่าจินซู่หยูปฏิเสธเจิ้งเหวินอัน เป็นการส่วนตัว มุมปากของฮั่วฮวนก็ยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว

แต่เขาไม่กล้าที่จะพูดชัดเจนเกินไป "สำหรับเรื่องของทีม อาหยูจะเป็นคนตัดสินใจ ในเมื่อเธอตัดสินใจแล้ว ผมก็คงจะช่วยอะไรคุณไม่ได้"

สิ่งนี้เป็นหนึ่งในจุดแข็งที่สุดในทีมของพวกเขา เขาเต็มใจที่จะฟังจินซู่หยู ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นๆ

เจิ้งเหวินอันเปิดปาก และอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จินซู่หยูกลับขัดจังหวะขึ้นก่อน "คุณเจิ้ง ในเมื่อไม่ได้จริงๆ ก็อย่าฝืนเลย ในโรงแรมเจียงหลินยังมีทีมผู้ปลุกพลังเก่งๆ อีกหลายทีมที่กำลังรับสมัครคนอยู่ ถ้ารีบหน่อย คุณก็มีทางเลือกมากมาย"

หลังจากพูดจบ จินซู่หยูก็ไม่สนใจว่าเจิ้งเหวินอันทำยังไงต่อ เธอหันหลังกลับ และจากไปพร้อมกับฮั่วฮวน

แน่นอนว่าเจิ้งเหวินอันรู้ดีว่ามีทีมผู้ปลุกพลังอื่นๆ อยู่ในโรงแรมเจียงหลิน และการเปิดรับสมัครจำนวนมาก แต่สัญชาตญาณของเขาบอกเขาว่าทีมที่เขาควรจะเข้าร่วมคือทีมผู้ปลุกพลังของจินซู่หยู

แต่เขากลับถูกปฏิเสธ

ตามความคิดของเจิ้งเหวินอัน จินซู่หยูจะไม่ปฏิเสธการเข้าร่วมของเขาอย่างแน่นอน

แต่ความจริงนั้นโหดร้าย เขาถูกปฏิเสธอย่างหนักแน่น

“เมื่อพูดถึงทีมผู้ปลุกพลังอื่นๆ ฉันก็รู้ไม่น้อยว่ามีใครที่กำลังเปิดรับสมัครคนอยู่บ้าง คุณเจิ้ง คุณอยากให้ฉันแนะนำพวกเขาให้ไหม?”

ฉู่เจียงเยว่รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จินซู่หยูปฏิเสธเจิ้งเหวินอัน ดังนั้นเธอจึงอยากจะแนะนำเจิ้งเหวินอันให้กับทีมผู้ปลุกพลังเหล่านั้น มันจะได้เป็นการตัดความเป็นไปได้ที่ทั้งสองจะอยู่ทีมเดียวกันไปโดยสิ้นเชิง

“ไม่ ขอบคุณเจียง...เถ้าแก่”

เจิ้งเหวินอันเกือบจะเรียกชื่อของฉู่เจียงเยว่อีกครั้ง แต่เมื่อเห็นดวงตาที่เย็นชาของเธอ ในที่สุดเขาก็เปลี่ยนคำเรียก

"ถ้าอย่างนั้น ก็ขอให้คุณโชคดี แต่คุณก็ควรรีบหน่อย เวลาไม่เคยรอใคร"

เมื่อรู้ว่าจินซู่หยูไม่สนใจเจิ้งเหวินอัน ฉู่เจียงเยว่ก็โล่งใจ ตราบใดที่เรื่องราวยังคงดำเนินต่อไปแบบนี้ โครงเรื่องทั้งหมดจะเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ

เธอแค่ไม่รู้ว่าเมื่อถึงตอนนั้น จะมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน

เจิ้งเหวินอันมองไปที่ร่างที่จากไปของฉู่เจียงเยว่ สีหน้าของเขาค่อยๆ เปลี่ยนไป ดูเย็นชาอย่างยิ่ง

แต่เนื่องจากฉู่เจียงเยว่เป็นเจ้าของโรงแรมเจียนหลิน เขาจึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม

เมื่อไม่มีอะไรแล้ว ฉู่เจียงเยว่จึงกลับไปที่บ้านพักส่วนตัว หลังจากกลับมาที่ห้องของตน เธอก็เริ่มสำรวจร้านค้าของระบบ

ในที่สุด เธอก็ได้เห็นต้นหอมหมื่นลี้ที่เคยได้รับรางวัลจากภารกิจวางขายอยู่

สำหรับต้นไม้ชนิดนี้ มันถูกเขียนแนะนำจากระบบว่าให้ปลูกไว้ริมถนน

ฉู่เจียงเยว่จึงซื้อมาจากร้านค้า และเมื่อเธอหยิบมันออกมา มันคือต้นอ่อนที่สูงถึงเอวของเธอเท่านั้น

“จิ้งจอกน้อย เธอคิดว่าฉันจะสามารถปลูกสิ่งนี้ไว้ข้างนอกได้หรือเปล่า” -

ข้างนอกไม่มีต้นไม้สีเขียวเลยสักต้น เมื่อมองดู นอกจากตัวบ้านแล้ว มีเพียงพื้นดินกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยทรายสีเหลือง

หากสามารถปลูกต้นหอมหมื่นลี้ที่มีกลิ่นหอมโชยไปตามลมได้จริงๆ ก็ถือได้ว่าช่วยปรับปรุงสภาพแวดล้อมของโลกได้ไม่น้อย

“สินค้าจากร้านค้าของระบบล้วนแต่เป็นของที่มีคุณภาพสูง แต่ถ้าโฮสต์ต้องการปลูกต้นหมื่นลี้นอกอาณาเขตของโรงแรม คุณก็ควรจะวางแผนให้ดี”

ต้นหอมหมื่นลี้ที่ฉู่เจียงเยว่ซื้อมานั้น หากปลูกไว้ด้านนอกโรงแรม มันก็จะให้ทิศทัศน์ที่สวยงาม และร่มรื่นก็จริง

แต่ด้วยโรงแรมเจียงหลินที่ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 1,000 ตารางเมตร ถ้าจะปลูกให้ครอบคลุมก็ต้องใช้จำนวนไม่น้อย

และยังมีข้อเสียอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือเมื่อปลูกแล้วการเคลื่อนย้ายก็เป็นเรื่องยาก และอาณาเขตของโรงแรมเจียงหลินจะต้องขยายออกอีกในอนาคตอย่างแน่นอนหลังการอัพเกรด แต่หากมีต้นหอมหมื่นลี้อยู่รอบๆ มันก็อาจจะเป็นปัญหาได้

ดังนั้น หากเธอต้องการปลูกต้นหอมหมื่นลี้จริงๆ เธอต้องคิดถึงแผนการในอนาคต และสถานที่ๆ จะปลูกให้ดี

ฉู่เจียงเยว่เปิดแผนที่เสมือนจริงของโรงแรมเจียงหลินขึ้นมา และเริ่มวางแผนหลายอย่างในใจอย่างรวดเร็ว

ในที่สุด เธอตัดสินใจปลูกต้นหอมหมื่นลี้ไว้ที่ข้างทางทั้งสองด้านของถนนที่เชื่อมต่อระหว่างโรงแรมเจียงหลินกับฐานผู้ลี้ภัยในเมือง B

แต่การขอให้เธอปลูกต้นไม้สองข้างทางด้วยมือตัวเองนั้นเป็นไปไม่ได้

ไม่ต้องพูดถึงว่าราคาของต้นหอมหมื่นลี้ที่สูงถึง 5 เหรียญเงิน เมื่อจ้างคนมาปลูกก็ต้องใช้เงิน

ฉู่เจียงเยว่ไม่ใช่แม่พระ ดังนั้นเธอจะไม่ทำสิ่งที่ขาดทุนอย่างควักเนื้อตัวเองอย่างแน่นอน

ฉู่เจียงเยว่ซื้อต้นหอมหมื่นลี้มาสองต้นแล้วลากไปที่ทางเข้าโรงแรมเจียงหลิน

“เถ้าแก่ ต้นอ่อนนั่นคือต้นอะไรเหรอ?”

“เอ๊ะ! ทำไมมันถึงดูเหมือนต้นหอมหมื่นลี้เลย?”

“เถ้าแก่...”

ขณะที่ฉู่เจียงเยว่ลากต้นอ่อนไปตามทาง ผู้คนต่างถามถึงต้นหอมหมื่นลี้ที่มีกลิ่นหอมหวาน

ฉู่เจียงเยว่ไม่คิดจะตอบคำถามทีละคน ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงยิ้มตอบเท่านั้น

“เถ้าแก่ คุณต้องการความช่วยเหลือไหม?”

เสิ่นจื้อกุยเดินเข้ามาหา และปรากฏตัวข้างๆ ฉู่เจียงเยว่ เมื่อเห็นเธอพยายามลากต้นอ่อนทั้งสอง เขาก็ถามเผื่อว่าเธอต้องการคนช่วย

“ขอบคุณ วางไว้หน้าประตูโรงแรมเลย”

เมื่อออกจากทางเข้าโรงแรม จะเห็นถนนที่เชื่อมต่อไปยังฐานผู้ลี้ภัยในเมือง B ซึ่งอยู่ห่างออกไป ประมาณ 10 เมตร

“ให้ผมช่วยเถอะ ก่อนหน้านี้ผมก็เคยได้ช่วยปลูกต้นผลอัคคีมาก่อน จึงพอมีประสบการณ์ไม่น้อย”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด