ตอนที่แล้วตอนที่ 488 ใช้น้ำเสียงที่เรียบง่ายที่สุด แต่คำพูด.. กลับชวนให้ขนลุก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 490 ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเธอ

ตอนที่ 489 ไกลสุดขอบฟ้า แต่ใกล้เพียงตาเห็น


ขณะที่ ซุนเฟิง พูดไปเรื่อยๆ เขาก็เริ่มเปลี่ยนท่าที และมองตัวเองเหมือนเป็นผู้ใหญ่ที่กำลังสั่งสอนเด็กน้อย โดยเริ่มให้คำแนะนำแก่ เย่เฉิน

อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาพูดนั้นก็จริงอยู่ และมันก็เป็นประสบการณ์ที่เขาได้เจอมากับตัว

ตอนนี้การไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ไม่ใช่เรื่องฉลาดนัก ยกเว้นแค่ในเมืองใหญ่ๆ ของประเทศ

เมืองอื่นๆ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เองก็ค่อนข้างซบเซาแล้ว

ซุนเฟิง ยังพูดถึงความรู้สึกผิดหวังที่เขาซื้ออาคารสองหลังนั้นไปเมื่อปีก่อน

“ยังดีที่ น้องเย่ ซื้อบ้านแค่ 20 กว่าหลัง ราคามันไม่สูงเกินไป ไม่อย่างนั้นอาจจะขาดทุนยับเลยนะ”

ซุนเฟิง พูดต่อด้วยน้ำเสียงโอ้อวดเล็กน้อย :

“น้องเย่ ตอนนี้พี่เริ่มหันไปสนใจตลาดต่างประเทศแล้วนะ เมื่อปีที่แล้วพี่ร่วมมือกับบริษัทต่างชาติในการตั้งโรงงานที่ต่างประเทศ”

“ช่วงนี้ตลาดต่างประเทศก็ดีอยู่ พี่ลงทุนไปแล้ว 1.5 หมื่นล้านหยวน และมีแผนจะลงทุนอีกสัก 2 หมื่นล้าน…”

“ถ้า น้องเย่ มีเงินทุน และเวลาก็ลองพิจารณาทำธุรกิจเล็กๆ ที่ต่างประเทศดูบ้างก็ดีนะ”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ซุนเฟิง เองเสริมขึ้นอีกว่า :

“แน่นอน อาจจะไม่ได้ใหญ่โตเท่าพี่ แต่ไม่เป็นไร พี่เองผ่านร้อนผ่านหนาวมา 20 กว่าปีแล้ว ถึงได้มีวันนี้ได้…”

“ตลาดต่างประเทศ?”

เย่เฉิน พอได้ยินก็เริ่มนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“จริงๆ ผมก็มีธุรกิจเล็กๆ ในต่างประเทศเหมือนกันครับ”

ก่อนหน้านี้ เย่เฉิน เคยได้รับเหมืองทองคำขนาดใหญ่ในต่างประเทศจากเกม ตอนนี้เหมืองนั้นกำลังถูกขุดอย่างต่อเนื่อง และสร้างรายได้ให้เขาอย่างมากมาย

แม้ว่าเหมืองทองคำนั้นจะมีมูลค่ามาก แต่เมื่อเปรียบเทียบกับธุรกิจอื่นๆ ของ เย่เฉิน แล้ว มันก็ถือว่าเล็กน้อย

เนื่องจากเหมืองนี้มีมูลค่าประมาณไม่กี่หมื่นล้าน หรืออย่างมากก็แค่แสนล้านต้นๆ เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจเล็กๆ

“โอ้ บังเอิญจริงๆ พวกเราสองคนตาถึงเหมือนกันนะ”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของ เย่เฉิน ซุนเฟิง พยักหน้า แต่ในน้ำเสียงของเขายังแฝงความอาวุโสอยู่ไม่น้อย

แถมเขายังคิดว่าธุรกิจเล็กๆ ของ เย่เฉิน คงเทียบไม่ได้กับการลงทุนของ ‘พี่ใหญ่’ อย่างเขา

เนื่องจากเขาลงทุนไปแล้วกว่า 3-4 หมื่นล้านหยวน เย่เฉิน เป็นแค่ ‘รุ่นน้อง’ ที่มีวิสัยทัศน์ดี แต่ยังต้องพยายามอีกมาก

คุยไปคุยมา ซุนเฟิง เริ่มคุยโวไปเรื่อย :

“น้องเย่ พี่เพิ่งเป็นสปอนเซอร์ใหญ่ในวงการบันเทิง พี่อุปการะดาราเกรดสองที่สวยมากคนนึงมา..”

ซุนเฟิง คุยโวอย่างภาคภูมิใจ

“บอกเลยนะ การเป็นสปอนเซอร์ใหญ่แบบนี้มันดีจริงๆ พี่เพิ่งได้ลองอะไรใหม่ๆ มาหลายอย่าง...”

“วงการบันเทิงนี่มันทำเงินง่ายจริงๆ”

ซุนเฟิง พูดพร้อมหัวเราะ

“แต่พูดก็พูดเถอะ ช่วงนี้วงการบันเทิงในประเทศค่อนข้างปั่นป่วน มีการเคลื่อนไหวหลายอย่าง แม้แต่ ‘เทย์เลอร์ สวิฟต์’ ศิลปินระดับโลกก็ถูกบริษัทในประเทศเซ็นสัญญาไปแล้ว”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ซุนเฟิง ก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง

“บริษัทที่เซ็นสัญญา เทย์เลอร์ สวิฟต์ ชื่อว่าอะไรนะ...อ้อ บริษัท เซิ่งไห่ เอนเตอร์เทนเมนท์”

“พี่นี่นับถือเจ้าของบริษัท เซิ่งไห่ เอนเตอร์เทนเมนท์ มากจริงๆ”

“ศิลปินซูเปอร์สตาร์ระดับโลกอย่าง เทย์เลอร์ สวิฟต์ แค่มีเส้นสายในการเข้าถึงก็ไม่ต้องพูดถึงแล้ว ต่อให้มีเส้นสายก็ไม่มีใครกล้าเซ็นสัญญา ศิลปินระดับนี้ค่าตัวน่าจะหลายหมื่นล้านหยวน มีบริษัทไหนกล้าทุ่มขนาดนั้นบ้าง?”

“แต่เจ้าของบริษัท เซิ่งไห่ เอนเตอร์เทนเมนท์ เขากล้าทุ่มทุนขนาดนี้ วิสัยทัศน์ของเขาเป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก ตอนนี้มูลค่าบริษัท เซิ่งไห่ เอนเตอร์เทนเมนท์ เพิ่มขึ้นแบบพุ่งกระฉูด มันพิสูจน์ได้ว่าเจ้าของบริษัททำถูกต้องจริงๆ”

“พี่นับถือสุดๆ เจ้าของบริษัท ‘เซิ่งไห่ เอนเตอร์เทนเมนต์’ คือไอดอลของพี่เลย!!”

ซุนเฟิง ยิ่งพูดมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น

แอ๊ด..

ในขณะนั้นประตูห้องทำงานเปิดออก โม่ เมิ่งเฟย ก็เดินกลับเข้ามาในห้องทำงาน หลังจากเสร็จธุระแล้ว

พอเข้ามา โม่ เมิ่งเฟย ก็เห็น ซุนเฟิง กำลังพูดจาอย่างออกรส เธอจึงรู้สึกแปลกใจมาก

“คุณซุน เป็นอะไรหรือคะ?”

โม่ เมิ่งเฟย ถามขึ้นมา

“ไม่มีอะไรหรอก แค่คุยกับ น้องเย่ ถึงเรื่องที่น่าตื่นเต้นนิดหน่อยเท่านั้น”

ซุนเฟิง ตอบกลับ

น้องเย่?

พอได้ยิน ซุนเฟิง เรียก เย่เฉิน แบบนั้น โม่ เมิ่งเฟย ก็ถึงกับชะงักไป

ซุนเฟิง เรียก เย่เฉิน ว่า ‘น้องเย่’ ได้อย่างไร?

ถึงแม้ โม่ เมิ่งเฟย จะไม่รู้ทรัพย์สินที่แน่ชัดของ เย่เฉิน แต่เธอรู้แน่ว่ามูลค่าของ เย่เฉิน มากกว่า ซุนเฟิง หลายเท่า

ซุนเฟิง กับเย่เฉิน ไม่ค่อยสนิทกัน แล้วเขากล้าเรียก เย่เฉิน ว่า ‘น้องเย่’ ได้อย่างไร?

“พวกคุณคุยเรื่องอะไรกันเหรอ ถึงได้ตื่นเต้นขนาดนี้?”

โม่ เมิ่งเฟย ถามขึ้นอีกครั้งอย่างสงสัย

“เราคุยถึงเจ้าของบริษัท เซิ่งไห่ เอนเตอร์เทนเมนท์ น่ะ เขาคือไอดอลของฉันเลยนะ อยากเจอเขาจริงๆ”

ซุนเฟิง ตอบ เขาชื่นชมเจ้าของบริษัท เซิ่งไห่ เอนเตอร์เทนเมนท์ มากจริงๆ

หืม?!

พอได้ยินแบบนั้น โม่ เมิ่งเฟย ถึงกับหลุดยิ้นปนขำขันเบาๆ แล้วมองไปที่ เย่เฉิน

เย่เฉิน เองก็แค่ยักไหล่ เพราะตลอดเวลา ซุนเฟิง พูดอยู่ฝ่ายเดียว เขาแทบไม่มีโอกาสได้พูดอะไรเลยสักคำ

“คุณซุน ไอดอลที่คุณอยากเจอนั้น อยู่ใกล้แค่เอื้อมนี่เอง”

[ไกลสุดขอบฟ้า แต่ใกล้เพียงตาเห็น(เส้นผมบังภูเขา), 远在天边,近在眼前]

โม่ เมิ่งเฟย กล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างมีเลศนัย :

“เย่เฉิน ก็คือเจ้าของบริษัท เซิ่งไห่ เอนเตอร์เทนเมนท์ นั่นแหละคะ”

“อะไรนะ?!!”

ซุนเฟิง ถึงกับลุกพรวดขึ้นมา ตกใจจนหน้าตาเหลอหลา พลางมองไปที่ โม่ เมิ่งเฟย อย่างไม่อยากจะเชื่อ

“คุณกำลังบอกว่า น้องเย่ คือเจ้าของบริษัท เซิ่งไห่ เอนเตอร์เทนเมนท์เหรอ?!!”

ซุนเฟิง ถึงกับใจสั่นด้วยความตกตะลึง

“ใช่ค่ะ”

โม่ เมิ่งเฟย พยักหน้าตอบ

“ค-คุณเป็นเจ้าของบริษัท เซิ่งไห่ เอนเตอร์เทนเมนท์ จริงๆ เหรอ?”

ซุนเฟิง ยังคงไม่อยากจะเชื่อ เขาหันไปถาม เย่เฉิน อีกครั้ง

“ใช่ครับ”

เย่เฉิน พยักหน้าตอบกลับอย่างใจเย็น

เมื่อ ซุนเฟิง เห็น เย่เฉิน พยักหน้ายืนยัน เขาก็ถึงกับตะลึงไปหมด สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจจนเก็บอาการไม่อยู่

ซุนเฟิง ที่เมื่อกี้ยังรู้สึกเหมือนลอยอยู่ในอากาศ ตอนนี้กลับรู้สึกเหมือนถูกดึงลงมาจากฟากฟ้าแล้วตกลงไปในก้นหุบเหวลึก

“น้องเย่...ไม่สิ ไม่ใช่สิ ต้องเรียก คุณเย่...ไม่ไม่ ท่านประธานเย่ ทำไมคุณไม่บอกผมตั้งแต่แรกล่ะครับ?”

ซุนเฟิง รีบเปลี่ยนคำเรียกทันทีจาก ‘น้องเย่’ เป็น ‘คุณเย่’ และจาก ‘คุณ’ เป็น ‘ท่าน’ ในทันที

ซุนเฟิง ดูจะตกใจกลัวมากๆ

บริษัท เซิ่งไห่ เอนเตอร์เทนเมนท์ กรุ๊ป เป็นบริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่ที่มีมูลค่าหลายแสนล้านหยวน แล้วเจ้าของบริษัทนั้นก็คือ เย่เฉิน ที่ ซุนเฟิง เพิ่งเรียกเขาว่า ‘น้องเย่’ และคิดเสมอว่าเป็น ‘รุ่นน้อง’ มาโดยตลอด

เมื่อเทียบกับบริษัท เซิ่งไห่ เอนเตอร์เทนเมนท์ แล้ว บริษัทของเขากลายเป็นธุรกิจเล็กๆ ไปเลย และคิดว่าตัวเองเพิ่งแนะนำ ‘รุ่นน้อง’ ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นถึงบุคคลสำคัญในวงการบันเทิง!

แค่คิดถึงเรื่องนี้ ซุนเฟิง ก็รู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก วันนี้เขารู้สึกว่าตัวเองหน้าแตกยับเยิน หากเรื่องนี้แพร่ออกไป เพื่อนๆ ในวงการคงหัวเราะเยาะเขาแน่ๆ

แต่พอคิดดูอีกที เจ้าของบริษัท เซิ่งไห่ เอนเตอร์เทนเมนท์ อายุยังน้อยมาก

เขาเคยคิดว่าเจ้าของบริษัทนี้น่าจะมีอายุประมาณสามสิบสี่สิบปี หรืออาจจะเป็นคนที่มีอายุใกล้เคียงกับเขาที่ราวๆ ห้าสิบปี

แต่ เย่เฉิน ยังดูหนุ่มเกินกว่าที่เขาจะคาดคิด แบบนี้มันไม่ธรรมดาเลย

จู่ๆ ซุนเฟิง ก็เริ่มนึกถึงบทสนทนาก่อนหน้านี้ ตอนที่พูดถึงบริษัท เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเรื่องทั้งหมดที่พูดเป็นเพียงการคาดเดาของตัวเอง โดยที่ไม่ได้ถาม ท่านประธานเย่ สักคำ

งานนี้พลาดใหญ่หลวงแล้ว!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด