ตอนที่ 47 : ความลับของสมาคมสนธยา
.
.
"โรงละครปักกิ่ง..."
.
นั่นคือโรงละครที่ฉันทำงานตอนนั้นไม่ใช่เหรอ?
เฉินหลิงจำได้ว่าวันที่เขาถูกโคมระย้าหล่นทับ จากนั้นก็เดินทางข้ามกาลเวลา เขาสงสัยว่าตนเองอยู่ในเหตุการณ์แผ่นดินไหว...แล้วเขากลับมาจริงๆ งั้นเหรอ?
ในเวลาเดียวกัน คนที่เดินบนถนนกลุ่มหนึ่งหยุดยืนและชี้ไปยังหน้าจอ
“ดาวตกสีแดง?”
"ว่าแล้ว ดูเหมือนฉันเห็นมันตอนเช้า...แค่แป๊บเดียวมันก็หายไป"
"อ๊ะ ทำไมมันไม่พุ่งชนโลกนะ รีบพุ่งมาทำลายโลกเร็วๆ เข้าสิ ฉันไม่อยากไปทำงานแล้ว..."
"แผ่นดินไหวขนาดเล็กๆ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน เมื่อเช้าฉันไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย คงไม่ใช่ว่าแผ่นดินไหวแค่อาคารไม่กี่หลังใช่มั้ย?"
"ในข่าวแจ้งว่าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็ก....ช่างเถอะ ยังไงซะก็ไม่รับผลกระทบอะไร"
"....."
เมื่อรายงานข่าวจบ หน้าจอก็ตัดเข้ารายการโฆษณาอีกครั้ง ทุกคนหยุดชั่วคราวแล้วหันหลังจากไป
มีเพียงเฉินหลิงเท่านั้นที่ยืนอยู่ที่นั่นคนเดียว เขากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
ดาวตกสีแดง...
เป็นไปได้มั้ย ที่การเดินทางข้ามเวลาของฉันเกี่ยวข้องกับดาวตกนี้?
รถบัสคันหนึ่งแล่นผ่านเฉินหลิง ดึงเขาออกมาจากภวังค์ความคิดที่วุ่นวาย เขามองไปที่ป้าย "สาย 33" สีแดงบนรถบัส ดูเหมือนว่าเขาจำอะไรบางอย่างได้ และรีบขึ้นรถบัสทันที
เขารีบก้าวไปก่อนที่ประตูรถบัสจะปิด ด้วยความรวดเร็วจนเกิดภาพติด
"พ่อหนุ่ม นายร้ายกาจมาก" คนขับสูงอายุขยี้ตา "ฉันมองไม่เห็นด้วยซ้ำว่านายมาที่นี่ได้ยังไง...นายกำลังฝึกวิ่งใช่มั้ย?"
จากนั้นเฉินหลิงก็ตอบสนอง ด้วยการก้มศีรษะลงมองที่มือตนเอง คิ้วก็เริ่มขมวดแน่นขึ้นเรื่อยๆ
[ระบำสังหาร]...มันติดตัวกลับมาด้วยเหรอ?
“พ่อหนุ่ม สแกนคิวอาร์โค้ด”
คนขับสตาร์ทรถแล้วชี้ไปที่เครื่องชำระเงินสแกนคิวอาร์โค้ด “สองหยวน”
"ผม…" เฉินหลิงล้วงกระเป๋าด้วยมือทั้งสองข้าง "ผมไม่มีเงินเลย"
"ก็สแกนรหัส QR เพื่อชำระเงินสิ"
"…ผมก็ไม่มีโทรศัพท์มือถือเหมือนกัน"
เมื่อเขาพูดออกไปแบบนั้น เฉินหลิงก็รู้สึกเหมือนเขาเป็นคนป่าเถื่อนที่มาจากยุคดึกดำบรรพ์
"ไอ้หยา อย่าทำเขาขายหน้าสิ ฉันมีเงินทอนสองหยวนจากการซื้อของที่ร้านชำพอดี ฉันจะจ่ายให้เขาเอง" บนที่นั่งด้านหน้า ป้าผมหยิกหยิบเหรียญสองเหรียญออกมาจากกระเป๋าของเธอ แล้วยัดลงกล่องเกิดเสียงดัง
“...ขอบคุณครับคุณป้า”
เฉินหลิงขอบคุณเธออย่างสุภาพ
"พ่อหนุ่มน้อย เธอเป็นนักแสดงงิ้วเหรอ? ปกติป้าชอบดูงิ้วน่ะ เฮ้ เธอร้องเพลงบทไหน?"
หลังจากได้ยินสิ่งที่ป้าพูด เฉินหลิงก็ตระหนักว่าเขายังคงสวมชุดคลุมสีแดงตัวใหญ่อยู่ ภายในรถบัสจึงสะดุดตาเป็นพิเศษ
"ผม ผมร้องเพลงอะไรก็ได้ตามที่ผมต้องการ" เฉินหลิงตอบอย่างเชื่องช้า
ที่นั่งบนรถบัสเต็มแล้ว เขาจึงคว้าที่จับและโยกเล็กน้อยขณะที่รถบัสเคลื่อนไปข้างหน้าขณะคุยกับป้าคนนั้น
ขณะที่รถเคลื่อนตัวผ่านแต่ละป้าย เฉินหลิงมองออกไปนอกหน้าต่าง หัวใจของเขาก็เริ่มวิตกกังวล เขาเหลือบมองชื่อป้ายถัดไปและค่อยๆ เคลื่อนตัวไปทางประตูด้านหลังของรถบัส เมื่อรถบัสหยุด เขาก็รีบวิ่งออกไป
.
ตรงข้ามป้ายสถานีเป็นชุมชน
เฉินหลิงถอดเสื้อคลุมงิ้วที่สะดุดตาออกแล้วเดินตรงเข้าไปในชุมชน เขาเดินผ่านเส้นทางต่างๆ อย่างสบายๆ จนมาถึงอาคารสูงขนาดเล็ก
เมื่อเห็นว่าอาคารปลอดภัยดี ในที่สุดเฉินหลิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก...นี่คือบ้านของเขา
สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดก็คือถ้าเกิดแผ่นดินไหวขึ้นที่นี่ พ่อแม่ของเขาก็จะลงเอยเหมือนกับเขา...โชคดี ที่ทุกอย่างปลอดภัย
เฉินหลิงเดินเข้าไปในประตูและพบว่ามีผ้าไหมสีขาวคลุมอยู่ เขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันภายในหัวใจ จึงรีบเดินขึ้นลิฟต์ทันที กำลังมุ่งหน้าไปที่ชั้นเก้า
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก เสียงร้องไห้ก็ดังมาถึงหูของเขา
“ไช่อวิ๋น...หยุดร้องไห้ได้แล้ว ถ้าเอาแต่ร้องไห้แบบนี้ร่างกายของเธอจะแย่เอานะ...”
“ใช่แล้ว ถ้าอาหลิงยังมีชีวิตอยู่จะเสียใจขนาดไหนที่เห็นเธอเป็นแบบนี้”
“อาหลิงเป็นเด็กดี แต่โชคชะตา... เฮ้อ”
เฉินหลิงยืนอยู่อย่างว่างเปล่าในลิฟต์ มองผ่านประตูที่เปิดเพียงครึ่งเดียว และเห็นคนหลายคนรายล้อมหญิงวัยกลางคน เพื่อแสดงความเสียใจพร้อมกับปลอบใจเธอ
เฉินหลิงรู้จักพวกเขา พวกเขาเป็นญาติของเขาจากเมืองหลวง ทั้งป้าเจ็ดป้าแปดล้วนอยู่ที่นี่หมด และผู้หญิงที่ถูกห้อมล้อมก็คือแม่ของเขาเอง
หญิงวัยกลางคนถือรูปถ่ายขาวดำไว้ในอ้อมแขนของเธอ และกำลังร้องไห้อยู่
คนในภาพ...ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเฉินหลิง
ญาติทั้งสองคนยืนอยู่ตรงมุมห้องพูดอย่างเงียบๆ
"พ่อของเฉินหลิงอยู่ที่ไหน"
"เขายังอยู่ที่โรงพยาบาล กำลังจัดการเรื่องงานศพของอาหลิงที่นั่น...เขาบอกว่าเขาต้องการให้ไช่อวิ๋นกลับมาเก็บข้าวของของเขาก่อน"
"เธอเคยเห็นศพของอาหลิงมั้ย"
"เห็นแล้ว" ญาติพยักหน้า "ช่างเป็นเด็กที่น่าสงสาร...บนหัวเขามีรูใหญ่ๆ ว่ากันว่าถูกโคมระย้าหล่นใส่"
"ตอนนั้นไช่อวิ๋นจับมือของอาหลิงร้องไห้เป็นชั่วโมง หลังจากนั้นก็ถูกพ่ออาหลิงพาไป... "
"โอ้...สวรรค์ไม่ค่อยมีตานัก"
"ไปเถอะ ช่วยปลอบไช่อวิ๋น ไม่ว่ายังไงก็จัดงานศพของอาหลิงก่อน..."
"ใช่.. "
เฉินหลิงยืนอยู่ในลิฟต์ มองดูเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ราวกับประติมากรรมรูปปั้น
เขาอยากจะก้าวออกจากลิฟต์ แต่เขาไม่รู้จะอธิบายอย่างไรหลังจากได้เห็นญาติและแม่ของเขา...จิตใจของเขาสับสนมาก
ในขณะนั้น ประตูลิฟต์ปิดโดยอัตโนมัติ
ขณะที่ประตูลิฟต์โลหะค่อยๆ ปิดลง ประตูบ้านของเฉินหลิงก็ถูกผลักให้เปิดออก และญาติๆ ก็ประคองไช่อวิ๋นเดินออกมา
.
ตึ่ง -
.
ประตูลิฟต์ปิดลง บางทีอาจมีคนกดปุ่มลงไป แล้วมันก็เริ่มเลื่อนลงช้าๆ...
"...แม่" ทันใดนั้นเองเฉินหลิงก็ตะโกนออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง
เขามองภาพสะท้อนของเขาบนประตูลิฟต์โลหะ และภาพแม่ของเขาคุกเข่าร้องไห้ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งในใจของเขา เขารู้สึกว่าหัวใจของเขาเจ็บปวดเหมือนถูกมีดกรีด...
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาตัดสินใจแล้ว จึงกดปุ่มลิฟต์รั่วๆ
เขาต้องการพบแม่ของเขา
อย่างไรก็ตาม ลิฟต์ยังคงเลื่อนลงเรื่อยๆ
ในเวลาเดียวกัน ตัวอักษรสีเขียวเข้มที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า
.
[หมายเลข 129439 หมดเวลาแล้ว]
.
.
[การอ่านหยุดชะงัก]
.
บูม -
.
..
ลิฟต์ตกลงไปอย่างรวดเร็ว!
.
.......
.
"แม่!!!"
จู่ๆ เฉินหลิงก็ลุกขึ้นจากพื้นท่ามกลางหิมะตกหนัก
เขาหอบหายใจแรง ม่านตาขยายโดยไม่รู้ตัว มองไปรอบๆ สุดท้ายก็พบว่าเขายังอยู่ในหลุมศพหมู่
"ให้ตายเถอะ...เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?" เฉินหลิงรู้สึกตัวและอดไม่ได้ที่จะสบถ
ตอนนี้เขาเกือบจะคิดว่าเขากลับไปแล้วจริงๆ... แต่เมื่อเขาลืมตาขึ้น เขายังอยู่ในสถานที่เลวร้ายแห่งนี้!
ดวงตาของเฉินหลิงจ้องมองไปที่แฟลชไดรฟ์ ยูเอสบี ท่ามกลางหิมะ
"มันอาจทำให้คุณเข้าใจเราได้ดีขึ้น..."
แท้จริงแล้วองค์กรที่ฉู่มู่อวิ๋นสังกัดอยู่คืออะไร?
ทำไมพวกเขาถึงมีแฟลชไดรฟ์ ยูเอสบี?
พวกเขาสามารถส่งตัวเองกลับไปสู่ชีวิตก่อนหน้านี้ได้หรือไม่?
เฉินหลิงพยุงตนเองขึ้นด้วยมือคู่นั้น อดไม่ได้ที่จะบีบตัวเองแน่น
เขาหายใจเข้าลึกๆ คว้าแฟลชไดรฟ์ ยูเอสบีไว้ในมือ หันหลังกลับและวิ่งลงไปตามภูเขา...
.
......
.
.
ร้านขายของชำเสี่ยวฟาง
.
ข้างเคาน์เตอร์ ผู้หญิงคนนั้นบิดตัวอย่างเกียจคร้าน มองดูนอกหน้าต่างเป็นเวลาพลบค่ำแล้วจากนั้นพูดขึ้นว่า
"เขาอาจจะไม่มาแล้ว"
"ไม่ เขาจะมา" ฉู่มู่อวิ๋นนั่งบนเก้าอี้ขณะพลิกหนังสืออย่างระมัดระวัง แล้วก็พูดอย่างหนักแน่น
"อะไรทำให้คุณมั่นใจขนาดนั้น หลายปีมานี้มีหลายคนปฏิเสธคำเชิญของ สมาคมสนธยาไม่ใช่เหรอ?"
"ราชาแดงบอกว่าเขาจะมา และเขาจะมาแน่นอน"
หลังจากฉู่มู่อวิ๋นพูดจบ ประตูร้านขายของชำก็ถูกผลักเปิดอย่างแรง!
เฉินหลิงยืนอยู่ท่ามกลางหิมะตกหนักนอกประตู หน้าอกของเขาสั่นกระเพื่อมอย่างรุนแรงราวกับว่าเขาวิ่งอย่างบ้าคลั่งจากที่ไหนก็ไม่รู้
"เราต้องคุยกันหน่อย" เขายกแฟลชไดรฟ์ ยูเอสบี ขึ้นแล้วพูดทีละคำ
.
.
.