ตอนที่แล้วตอนที่ 46 : แฟลชไดรฟ์ ยูเอสบี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 48 : ย้อนกลับ

ตอนที่ 47 : ความลับของสมาคมสนธยา


.

.

"โรงละครปักกิ่ง..."

.

นั่นคือโรงละครที่ฉันทำงานตอนนั้นไม่ใช่เหรอ?

เฉินหลิงจำได้ว่าวันที่เขาถูกโคมระย้าหล่นทับ จากนั้นก็เดินทางข้ามกาลเวลา เขาสงสัยว่าตนเองอยู่ในเหตุการณ์แผ่นดินไหว...แล้วเขากลับมาจริงๆ งั้นเหรอ?

ในเวลาเดียวกัน คนที่เดินบนถนนกลุ่มหนึ่งหยุดยืนและชี้ไปยังหน้าจอ

“ดาวตกสีแดง?”

"ว่าแล้ว ดูเหมือนฉันเห็นมันตอนเช้า...แค่แป๊บเดียวมันก็หายไป"

"อ๊ะ ทำไมมันไม่พุ่งชนโลกนะ รีบพุ่งมาทำลายโลกเร็วๆ เข้าสิ ฉันไม่อยากไปทำงานแล้ว..."

"แผ่นดินไหวขนาดเล็กๆ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน เมื่อเช้าฉันไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย คงไม่ใช่ว่าแผ่นดินไหวแค่อาคารไม่กี่หลังใช่มั้ย?"

"ในข่าวแจ้งว่าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็ก....ช่างเถอะ ยังไงซะก็ไม่รับผลกระทบอะไร"

"....."

เมื่อรายงานข่าวจบ หน้าจอก็ตัดเข้ารายการโฆษณาอีกครั้ง ทุกคนหยุดชั่วคราวแล้วหันหลังจากไป

มีเพียงเฉินหลิงเท่านั้นที่ยืนอยู่ที่นั่นคนเดียว เขากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

ดาวตกสีแดง...

เป็นไปได้มั้ย ที่การเดินทางข้ามเวลาของฉันเกี่ยวข้องกับดาวตกนี้?

รถบัสคันหนึ่งแล่นผ่านเฉินหลิง ดึงเขาออกมาจากภวังค์ความคิดที่วุ่นวาย เขามองไปที่ป้าย "สาย 33" สีแดงบนรถบัส ดูเหมือนว่าเขาจำอะไรบางอย่างได้ และรีบขึ้นรถบัสทันที

เขารีบก้าวไปก่อนที่ประตูรถบัสจะปิด ด้วยความรวดเร็วจนเกิดภาพติด

"พ่อหนุ่ม นายร้ายกาจมาก" คนขับสูงอายุขยี้ตา "ฉันมองไม่เห็นด้วยซ้ำว่านายมาที่นี่ได้ยังไง...นายกำลังฝึกวิ่งใช่มั้ย?"

จากนั้นเฉินหลิงก็ตอบสนอง ด้วยการก้มศีรษะลงมองที่มือตนเอง คิ้วก็เริ่มขมวดแน่นขึ้นเรื่อยๆ

[ระบำสังหาร]...มันติดตัวกลับมาด้วยเหรอ?

“พ่อหนุ่ม สแกนคิวอาร์โค้ด”

คนขับสตาร์ทรถแล้วชี้ไปที่เครื่องชำระเงินสแกนคิวอาร์โค้ด “สองหยวน”

"ผม…" เฉินหลิงล้วงกระเป๋าด้วยมือทั้งสองข้าง "ผมไม่มีเงินเลย"

"ก็สแกนรหัส QR เพื่อชำระเงินสิ"

"…ผมก็ไม่มีโทรศัพท์มือถือเหมือนกัน"

เมื่อเขาพูดออกไปแบบนั้น เฉินหลิงก็รู้สึกเหมือนเขาเป็นคนป่าเถื่อนที่มาจากยุคดึกดำบรรพ์

"ไอ้หยา อย่าทำเขาขายหน้าสิ ฉันมีเงินทอนสองหยวนจากการซื้อของที่ร้านชำพอดี ฉันจะจ่ายให้เขาเอง" บนที่นั่งด้านหน้า ป้าผมหยิกหยิบเหรียญสองเหรียญออกมาจากกระเป๋าของเธอ แล้วยัดลงกล่องเกิดเสียงดัง

“...ขอบคุณครับคุณป้า”

เฉินหลิงขอบคุณเธออย่างสุภาพ

"พ่อหนุ่มน้อย เธอเป็นนักแสดงงิ้วเหรอ? ปกติป้าชอบดูงิ้วน่ะ เฮ้ เธอร้องเพลงบทไหน?"

หลังจากได้ยินสิ่งที่ป้าพูด เฉินหลิงก็ตระหนักว่าเขายังคงสวมชุดคลุมสีแดงตัวใหญ่อยู่ ภายในรถบัสจึงสะดุดตาเป็นพิเศษ

"ผม ผมร้องเพลงอะไรก็ได้ตามที่ผมต้องการ" เฉินหลิงตอบอย่างเชื่องช้า

ที่นั่งบนรถบัสเต็มแล้ว เขาจึงคว้าที่จับและโยกเล็กน้อยขณะที่รถบัสเคลื่อนไปข้างหน้าขณะคุยกับป้าคนนั้น

ขณะที่รถเคลื่อนตัวผ่านแต่ละป้าย เฉินหลิงมองออกไปนอกหน้าต่าง หัวใจของเขาก็เริ่มวิตกกังวล เขาเหลือบมองชื่อป้ายถัดไปและค่อยๆ เคลื่อนตัวไปทางประตูด้านหลังของรถบัส เมื่อรถบัสหยุด เขาก็รีบวิ่งออกไป

.

ตรงข้ามป้ายสถานีเป็นชุมชน

เฉินหลิงถอดเสื้อคลุมงิ้วที่สะดุดตาออกแล้วเดินตรงเข้าไปในชุมชน เขาเดินผ่านเส้นทางต่างๆ อย่างสบายๆ จนมาถึงอาคารสูงขนาดเล็ก

เมื่อเห็นว่าอาคารปลอดภัยดี ในที่สุดเฉินหลิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก...นี่คือบ้านของเขา

สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดก็คือถ้าเกิดแผ่นดินไหวขึ้นที่นี่ พ่อแม่ของเขาก็จะลงเอยเหมือนกับเขา...โชคดี ที่ทุกอย่างปลอดภัย

เฉินหลิงเดินเข้าไปในประตูและพบว่ามีผ้าไหมสีขาวคลุมอยู่ เขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันภายในหัวใจ จึงรีบเดินขึ้นลิฟต์ทันที กำลังมุ่งหน้าไปที่ชั้นเก้า

เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก เสียงร้องไห้ก็ดังมาถึงหูของเขา

“ไช่อวิ๋น...หยุดร้องไห้ได้แล้ว ถ้าเอาแต่ร้องไห้แบบนี้ร่างกายของเธอจะแย่เอานะ...”

“ใช่แล้ว ถ้าอาหลิงยังมีชีวิตอยู่จะเสียใจขนาดไหนที่เห็นเธอเป็นแบบนี้”

“อาหลิงเป็นเด็กดี แต่โชคชะตา... เฮ้อ”

เฉินหลิงยืนอยู่อย่างว่างเปล่าในลิฟต์ มองผ่านประตูที่เปิดเพียงครึ่งเดียว และเห็นคนหลายคนรายล้อมหญิงวัยกลางคน เพื่อแสดงความเสียใจพร้อมกับปลอบใจเธอ

เฉินหลิงรู้จักพวกเขา พวกเขาเป็นญาติของเขาจากเมืองหลวง ทั้งป้าเจ็ดป้าแปดล้วนอยู่ที่นี่หมด และผู้หญิงที่ถูกห้อมล้อมก็คือแม่ของเขาเอง

หญิงวัยกลางคนถือรูปถ่ายขาวดำไว้ในอ้อมแขนของเธอ และกำลังร้องไห้อยู่

คนในภาพ...ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเฉินหลิง

ญาติทั้งสองคนยืนอยู่ตรงมุมห้องพูดอย่างเงียบๆ

"พ่อของเฉินหลิงอยู่ที่ไหน"

"เขายังอยู่ที่โรงพยาบาล กำลังจัดการเรื่องงานศพของอาหลิงที่นั่น...เขาบอกว่าเขาต้องการให้ไช่อวิ๋นกลับมาเก็บข้าวของของเขาก่อน"

"เธอเคยเห็นศพของอาหลิงมั้ย"

"เห็นแล้ว" ญาติพยักหน้า "ช่างเป็นเด็กที่น่าสงสาร...บนหัวเขามีรูใหญ่ๆ ว่ากันว่าถูกโคมระย้าหล่นใส่"

"ตอนนั้นไช่อวิ๋นจับมือของอาหลิงร้องไห้เป็นชั่วโมง หลังจากนั้นก็ถูกพ่ออาหลิงพาไป... "

"โอ้...สวรรค์ไม่ค่อยมีตานัก"

"ไปเถอะ ช่วยปลอบไช่อวิ๋น ไม่ว่ายังไงก็จัดงานศพของอาหลิงก่อน..."

"ใช่.. "

เฉินหลิงยืนอยู่ในลิฟต์ มองดูเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ราวกับประติมากรรมรูปปั้น

เขาอยากจะก้าวออกจากลิฟต์ แต่เขาไม่รู้จะอธิบายอย่างไรหลังจากได้เห็นญาติและแม่ของเขา...จิตใจของเขาสับสนมาก

ในขณะนั้น ประตูลิฟต์ปิดโดยอัตโนมัติ

ขณะที่ประตูลิฟต์โลหะค่อยๆ ปิดลง ประตูบ้านของเฉินหลิงก็ถูกผลักให้เปิดออก และญาติๆ ก็ประคองไช่อวิ๋นเดินออกมา

.

ตึ่ง -

.

ประตูลิฟต์ปิดลง บางทีอาจมีคนกดปุ่มลงไป แล้วมันก็เริ่มเลื่อนลงช้าๆ...

"...แม่" ทันใดนั้นเองเฉินหลิงก็ตะโกนออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง

เขามองภาพสะท้อนของเขาบนประตูลิฟต์โลหะ และภาพแม่ของเขาคุกเข่าร้องไห้ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งในใจของเขา เขารู้สึกว่าหัวใจของเขาเจ็บปวดเหมือนถูกมีดกรีด...

เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาตัดสินใจแล้ว จึงกดปุ่มลิฟต์รั่วๆ

เขาต้องการพบแม่ของเขา

อย่างไรก็ตาม ลิฟต์ยังคงเลื่อนลงเรื่อยๆ

ในเวลาเดียวกัน ตัวอักษรสีเขียวเข้มที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า

.

[หมายเลข 129439 หมดเวลาแล้ว]

.

.

[การอ่านหยุดชะงัก]

.

บูม -

.

..

ลิฟต์ตกลงไปอย่างรวดเร็ว!

.

.......

.

"แม่!!!"

จู่ๆ เฉินหลิงก็ลุกขึ้นจากพื้นท่ามกลางหิมะตกหนัก

เขาหอบหายใจแรง ม่านตาขยายโดยไม่รู้ตัว มองไปรอบๆ สุดท้ายก็พบว่าเขายังอยู่ในหลุมศพหมู่

"ให้ตายเถอะ...เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?" เฉินหลิงรู้สึกตัวและอดไม่ได้ที่จะสบถ

ตอนนี้เขาเกือบจะคิดว่าเขากลับไปแล้วจริงๆ... แต่เมื่อเขาลืมตาขึ้น เขายังอยู่ในสถานที่เลวร้ายแห่งนี้!

ดวงตาของเฉินหลิงจ้องมองไปที่แฟลชไดรฟ์ ยูเอสบี ท่ามกลางหิมะ

"มันอาจทำให้คุณเข้าใจเราได้ดีขึ้น..."

แท้จริงแล้วองค์กรที่ฉู่มู่อวิ๋นสังกัดอยู่คืออะไร?

ทำไมพวกเขาถึงมีแฟลชไดรฟ์ ยูเอสบี?

พวกเขาสามารถส่งตัวเองกลับไปสู่ชีวิตก่อนหน้านี้ได้หรือไม่?

เฉินหลิงพยุงตนเองขึ้นด้วยมือคู่นั้น อดไม่ได้ที่จะบีบตัวเองแน่น

เขาหายใจเข้าลึกๆ คว้าแฟลชไดรฟ์ ยูเอสบีไว้ในมือ หันหลังกลับและวิ่งลงไปตามภูเขา...

.

......

.

.

ร้านขายของชำเสี่ยวฟาง

.

ข้างเคาน์เตอร์ ผู้หญิงคนนั้นบิดตัวอย่างเกียจคร้าน มองดูนอกหน้าต่างเป็นเวลาพลบค่ำแล้วจากนั้นพูดขึ้นว่า

"เขาอาจจะไม่มาแล้ว"

"ไม่ เขาจะมา" ฉู่มู่อวิ๋นนั่งบนเก้าอี้ขณะพลิกหนังสืออย่างระมัดระวัง แล้วก็พูดอย่างหนักแน่น

"อะไรทำให้คุณมั่นใจขนาดนั้น หลายปีมานี้มีหลายคนปฏิเสธคำเชิญของ สมาคมสนธยาไม่ใช่เหรอ?"

"ราชาแดงบอกว่าเขาจะมา และเขาจะมาแน่นอน"

หลังจากฉู่มู่อวิ๋นพูดจบ ประตูร้านขายของชำก็ถูกผลักเปิดอย่างแรง!

เฉินหลิงยืนอยู่ท่ามกลางหิมะตกหนักนอกประตู หน้าอกของเขาสั่นกระเพื่อมอย่างรุนแรงราวกับว่าเขาวิ่งอย่างบ้าคลั่งจากที่ไหนก็ไม่รู้

"เราต้องคุยกันหน่อย" เขายกแฟลชไดรฟ์ ยูเอสบี ขึ้นแล้วพูดทีละคำ

.

.

.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด