ตอนที่ 22 เชิญลิ้มลองได้ (1)
ตอนที่ 22 เชิญลิ้มลองได้ (1)
"เฮ้อ... แบบนี้เราคงมาไม่ถูกเวลาสินะ" มู่เสี่ยวเย่วพูดพลางหัวเราะคิกคัก
เหลือบมองสาวน้อยผมทองหน้าตาราวกับนางฟ้าที่นั่งอยู่มุมร้าน แล้วหันไปขยิบตาให้เซี่ยหยูที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์
ในเวลาที่ร้านไม่ได้เปิดให้บริการตามปกติแบบนี้ การที่มีสาวสวยคนหนึ่งนั่งเงียบๆ อยู่ในร้าน ก็มีความเป็นไปได้แค่สองอย่าง คือเป็นเพื่อน หรือไม่ก็เป็นแฟน
เซี่ยหยูกระตุกมุมปาก ไม่อยากจะอธิบายอะไรทั้งนั้น
ไม่ว่าจะบอกว่าเป็นเพื่อนหรือแฟน นาคิริ เอรินะก็ต้องโวยวายแน่ๆ
เซี่ยหยูไม่อยากโดนด่าต่อหน้าคนจีน 2 คนนี้หรอก
เพราะงั้นตอนนี้ทางเลือกที่ดีที่สุด คือ แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นสาวเจ้าของลิ้นเทพนั่นซะเลย
"พวกคุณยังไม่ได้กินอะไรใช่ไหม?" เซี่ยหยูเหลือบมองนาฬิกาเก่าๆ บนผนังร้าน แล้วหมุนตัวเดินกลับเข้าครัวไป
"ตอนนี้ก็พอดีเวลาทำมื้อเที่ยงแล้ว รอสักครู่นะ ครึ่งชั่วโมงก็เสร็จ"
มู่เสี่ยวเย่วกับเสี่ยวหย่านั่งคุยกันเบาๆ
"เสี่ยวหย่า เธอไม่รู้หรอก เมื่อคืนฉันนอนไม่หลับเลย!" มู่เสี่ยวเย่วพูดอย่างตื่นเต้น
"เมนูเนื้อผัดสไตล์เสฉวนนั่นน่ะ อร่อยจนแทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นอาหารของโลกมนุษย์ หวังว่าวันนี้จะได้กินอาหารอร่อยๆ แบบนั้นอีก"
เสี่ยวหย่าได้แต่อึ้ง เธอไม่ได้ร่าเริงเปิดเผยเหมือนมู่เสี่ยวเย่วที่แสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้าได้หมด
แต่ความคาดหวังที่มีต่ออาหารเลิศรสนั้น เธอคิดว่าไม่น้อยไปกว่าเพื่อนสนิทคนนี้หรอก
ทั้งสองคนคุยกันเป็นภาษาจีนกลาง นาคิริ เอรินะจึงฟังไม่รู้เรื่องสักคำ
ขณะที่รออยู่นั้น ท้องฟ้าโตเกียวด้านนอกร้านก็เทฝนลงมาอย่างหนัก เมฆดำบดบังแสงอาทิตย์ ทำให้ท้องฟ้ามืดครึ้มลงทันที
นาคิริ เอรินะ รับโทรศัพท์สายหนึ่ง
เลขาฯ ส่วนตัวของเธอ อาราโตะ ฮิซาโกะ พูดขอโทษเธอไม่หยุด เพราะฝนตกหนักและรถติดจากอุบัติเหตุ
ทำให้ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมงกว่าจะมาถึงย่านอาเมะโยโกะโชได้
ปิ๊ด
เสียงเก็บโทรศัพท์ นาคิริ เอรินะ มีสีหน้าฉายแววหงุดหงิดเล็กน้อย เธอกอดอกเดินไปที่หน้าร้าน
มองออกไปยังถนนคนเดินเก่าแก่ที่ถูกม่านฝนบดบัง ความคิดของเธอย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ตอนเช้าที่คฤหาสน์ตระกูลนาคิริ
เมื่อนาคิริ เซนซาเอม่อน ผู้เป็นปู่ของเธอ และเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนโทสึกิ เดินผ่านมาและพูดกับเธอว่า
"เอรินะ หลานกับหลานชายของเซี่ยฉิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ถ้าเป็นไปได้ ช่วยปู่ดูแลเชฟหนุ่มคนนั้นให้ดีหน่อย แม้ว่าสุดท้ายเขาอาจจะไม่ได้เข้าโทสึกิก็ตาม"
ตอนนั้นเอง ผู้อำนวยการแห่งโทสึกิ ก็ยิ้มออกมา
"ปู่คิดว่าพวกหลานน่าจะเป็นเพื่อนกันได้นะ เอรินะ หลานก็ควรจะได้แลกเปลี่ยนความคิดกับเชฟรุ่นเดียวกันบ้าง ปู่คิดว่าหลานชายของเซี่ยฉิงมีคุณสมบัติพอที่จะเป็นเพื่อนกับหลานได้"
ด้วยเหตุนี้ นาคิริ เอรินะ จึงถูกทิ้งไว้ที่นี่ หลังจากมาด้วยรถคันเดียวกัน
เมื่อนึกถึงการตัดสินใจตามอำเภอใจของคุณปู่ เอรินะก็รู้สึกทั้งจนปัญญาและน้อยใจเล็กน้อย
เธอเป็นถึงหัวหน้านักเรียนระดับมัธยมของโทสึกิ เป็นสมาชิกสิบอันดับแรกที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์
อีกทั้งยังมีพรสวรรค์ระดับเทพอย่าง 'ลิ้นเทพ'
ทำไมเธอต้องมาลดตัวไปคบหากับเด็กหนุ่มสามัญชนคนหนึ่งด้วย?
ในขณะที่ความคิดกำลังสับสนวุ่นวาย เอรินะก็ปล่อยแขนที่กอดอกอยู่ออก แล้วหันกลับไปอย่างฉับพลัน ดวงตาสีม่วงของเธอเปล่งประกายแปลกประหลาด
"กลิ่นหอมจัง..."
ท่ามกลางสายฝน อากาศที่ขุ่นมัวถูกกลิ่นอาหารจากห้องครัวมาแทนที่
กลิ่นหอมไม่เพียงแต่ครอบคลุมทั้งร้านอาหาร แต่ยังลอยออกมานอกประตู ล่องลอยอยู่ท่ามกลางม่านฝนบนท้องถนน
เอรินะอยากจะเข้าไปข้างใน แต่เธอกัดริมฝีปากกลั้นความอยากนั้นไว้ ราวกับมีเสียงเตือนในใจว่า "ไม่ได้! อย่าไปยอมลดตัวให้ไอ้สามัญชนนั่น!"
ในสายตาของผู้มีลิ้นเทพ การขอชิมอาหารของผู้อื่นเท่ากับเป็นการลดศักดิ์ศรีของตัวเอง
ต้องรู้ไว้ว่า มีร้านอาหารระดับสูงมากมายที่ฝันอยากให้เธอได้ชิมและประเมินอาหารของพวกเขา
ถึงขนาดที่ผู้จัดการบางคนถือเงินก้อนโตมาติดต่อผ่านเส้นสายต่างๆ แต่นาคิริ เอรินะ ที่มาจากตระกูลชื่อดังอยู่แล้ว กลับไม่สนใจเงินพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย
"เอาล่ะ วันนี้มีอาหารแค่จานเดียว แต่ข้าวไม่จำกัด เชิญทานได้เลยครับ!"
แม้จะยืนอยู่หน้าร้าน แต่ก็ยังได้ยินเสียงที่เธอเกลียดชังนั่น
กลิ่นหอมยิ่งเข้มข้นขึ้น อากาศท่ามกลางสายฝนดูเหมือนจะร้อนระอุขึ้นมาเพราะกลิ่นเผ็ดและชา
อาหารครั้งนี้ถูกใส่มาในหม้อสแตนเลสขนาดใหญ่ที่มีฝาปิด
นาคิริ เอรินะ เห็นเขายกหม้อใบนั้นมาวางบนโต๊ะโดยตรง เธอถึงกับตะลึง
แต่ในวินาทีที่ฝาหม้อถูกเปิดออก ม่านตาของเจ้าของลิ้นเทพก็หดเล็กลงอย่างรวดเร็ว
เพราะร้านที่มืดครึ้มจากฝนตก ในช่วงเวลานั้นถูกแสงมหัศจรรย์จากอาหารส่องสว่างขึ้นมา
ราวกับใช้เวทมนตร์ อย่างเหลือเชื่อ ยากที่จะคาดคิด
ตอนนี้ นาคิริ เอรินะ โยนความคิดเย่อหยิ่งในใจทิ้งไปหมดแล้ว
สายตาของเธอจับจ้องอยู่ที่อาหารที่เปล่งแสงบนโต๊ะ และเด็กหนุ่มเชฟที่ค่อยๆ เปิดฝาหม้อด้วยใบหน้าที่สงบนิ่ง
แสงนั้นไม่ได้คงอยู่นาน เพียง 2-3 วินาทีก็หายไป
นักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนสองคนที่โต๊ะอาหารก็อยู่ในสภาพตะลึงงัน
"เชิญลิ้มลองได้" เซี่ยหยูยกชามข้าวร้อนๆ มา 3 ชาม
พวกเธอกลืนน้ำลายที่หลั่งออกมามากเกินไปลงคอ มู่เสี่ยวเย่วชี้ไปที่หม้อเต้าหู้ พูดด้วยน้ำเสียงงุนงงโดยไม่รู้ตัว "...นี่คืออาหารเสฉวน เต้าหู้ผัดหม่าล่า ใช่ไหม?"
"เต้าหู้หม่าล่าเวทมนตร์ นี่คือชื่อของอาหารจานนี้"
เซี่ยหยูพูดพลางช้อนตามองนาคิริ เอรินะ ที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ "เอรินะ เธอว่าใช่ไหม?"
ประโยคหลังเขาถามเป็นภาษาอังกฤษ ตั้งใจให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเข้าใจ
"ไม่ใช่!"
นาคิริ เอรินะ กัดนิ้วโป้ง จ้องมองเต้าหู้หม่าล่าในหม้อ ที่ทั้งสีสัน กลิ่น และรสชาติดูน่าลิ้มลอง
เธอส่ายหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ "นี่ไม่ใช่เต้าหู้หม่าล่าเวทมนตร์ที่ฉันเคยกินครั้งที่แล้วแน่นอน"
เซี่ยหยูยักไหล่พูดว่า "จะพูดยังไงดีล่ะ เต้าหู้หม่าล่าเวทมนตร์ที่เปล่งแสงต่างหาก ที่เป็นหน้าตาที่แท้จริงของอาหารจานนี้ ส่วนที่เธอกับปู่ได้ชิมครั้งที่แล้วน่ะ เป็นแค่ผลงานทดลองที่ล้มเหลวของฉันเท่านั้น"
"...หา?" นาคิริ เอรินะ คิดว่าตัวเองได้ยินผิดไป
เธอแทบจะตะโกนด้วยความอับอายและโกรธ ดวงตาสวยใสเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
"นายให้ลิ้นเทพของฉันชิมอาหารที่ล้มเหลวงั้นเหรอ?
...ใครให้ความกล้านี้กับนาย ถึงได้บังอาจเอาของที่ล้มเหลวมาให้ฉันกับคุณปู่ชิม!"
เซี่ยหยูไม่สะทกสะท้านกับสายตาอาฆาตแค้นของนาคิริ เอรินะ
"จริงๆ แล้ว อาหารที่ล้มเหลวนั่นไม่ใช่หรือ
ที่ทำให้เสื้อผ้าของท่านผู้อำนวยการ 'แตกกระจุย' ล่ะ?"
เซี่ยหยูยิ้มมุมปาก "อาหารที่สมบูรณ์แบบจานนี้ก็คือการขอโทษของฉันไงล่ะ"
นาคิริ เอรินะ ถึงกับพูดไม่ออก
เรื่องที่เสื้อผ้าของคุณปู่ขาดกระจุยนั้นเป็นเรื่องจริง
"พูดถึงเรื่องนี้ ต้องขอบคุณเธอนะ เอรินะ ถ้าไม่ใช่เพราะลิ้นเทพของเธอ ฉันคงต้องใช้เวลาอีกสักพัก กว่าจะค้นพบข้อบกพร่องในอาหารที่ล้มเหลวนั่นทีละอย่าง
ลิ้นของเธอทำให้ฉันสร้างสรรค์อาหารที่สมบูรณ์มากได้ในคืนนั้นเอง และตอนนี้ อาหารจานนี้ก็แทบจะสมบูรณ์แบบแล้ว!"
"ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมร้านอาหารระดับสูงพวกนั้น ถึงได้ถือเงินมาตามหาตัวเธอ ขอร้องให้ชิมอาหาร"
คำชมเต็มปากเต็มคำพวกนั้น ฟังดูระคายหูสำหรับนาคิริ เอรินะ
ไอ้บ้า!
ใครจะไปช่วยนายทำอาหารให้สมบูรณ์กัน!!
เส้นเลือดปูดโปนที่หน้าผาก นาคิริ เอรินะ กลั้นความอยากจะกลายร่างเป็นแม่มังกรคำรามเอาไว้
--------------------------------
ฝากติดตาม สนับสนุน และเป็นกำลังใจให้ด้วยนะ
หากพบคำผิด แจ้งได้เลย