บรรลุมรรคาด้วยวิชาบำเพ็ญคู่ ตอนที่ 18 [18+]
บรรลุมรรคาด้วยวิชาบำเพ็ญคู่ ตอนที่ 18 [18+]
เสี่ยวฟางรู้สึกประหลาดใจที่เวลาผ่านไปนับเดือนแล้ว แต่ยังคงไม่มีผู้ใดไปแจ้งเบาะแสของเขาต่อฝ่ายคุมกฏเลย เขายังมีลูกค้าจำนวนมากที่เอ่ยเตือนเขาเกี่ยวกับจ้าวพ่าน เสี่ยวฟางซ่อนตัวได้ดีจริงๆ ในที่ที่ทุกคนมองเห็นได้ชัดเจน ขณะที่เขายังคงดำเนินกิจวัตรเดิมๆต่อไป
> ฝึกฝนกับหลี่เหลียนก่อนพระอาทิตย์ขึ้น
> ฝึกฝนกับชุนฮัวและซุนเว่ยในตอนเช้า
> ฝึกฝนกับลูกค้าในช่วงบ่าย
> ในช่วงเย็น เขาจะฝึกฝนพลังหยินที่เหลืออยู่ในร่างกายให้หมด จากนั้นจึงเริ่มฝึกฝนวิชากระบี่เทวะ: 'เหล็กตัดเหล็ก' จนกระทั่งหลี่เหลียนกลับถึงบ้าน
โดยการรักษากิจวัตรประจำวันเช่นนี้เขาสามารถ
แต้มผลงานได้มากกว่า 50,000 แต้ม
> ขั้นที่ 1 ของขอบเขตกลั่นจิต
ตอนนี้เขาสามารถใช้ 'เหล็กตัดเหล็ก' ได้หลายครั้งโดยไม่ต้องกังวลเรื่องผลสะท้อนกลับ
ตอนนี้เขามีแต้มผลงานมากเกินพอที่จะเริ่มทำการทดสอบศิษย์สายใน แต่เขายังคงทำงานต่อไปเพราะเขาไม่อยากแยกจากกับซุนเว่ย เลขานุการฝ่ายเพศของเขา แม้ว่าเสี่ยวฟางและหลี่เหลียนจะอยู่ในขอบเขตกลั่นจิตแล้ว แต่ซุนเว่ยยังไม่บรรลุ
เช่นเดียวกับคนอื่นๆในวัยเดียวกัน นางเพิ่งเริ่มฝึกฝนร่างกายเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา นางติดอยู่ที่ขั้นที่ 9 ของขอบเขตกายปรับแต่งและรั้งอยู่ขอบเขตนั้นมาเป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว นางไม่มีความปรารถนาที่จะแข็งแกร่งขึ้น นางต้องการเพียงแค่เป็นปรมาจารย์ด้านปรุงยาและหลับนอนกับเสี่ยวฟาง
ด้วยเหตุผลดังกล่าว เสี่ยวฟางจึงได้สอนวิธีบำเพ็ญคู่ให้นาง และใช้เวลาอย่างมากในการช่วยนางฝึกฝนเคล็ดวิชานี้ หลังจากนั้นไม่กี่เดือน นางก็ไปถึงขั้นที่ 7 ของขอบเขตจิตรองรับ
เสี่ยวฟางสังเกตเห็นว่าซุนเว่ยดูหน้าตาสะสวยขึ้นเรื่อยๆทุกครั้งที่นางมีความก้าวหน้า หน้าอกของนางเปลี่ยนจากคัพเอเป็นคัพบี และดวงตาของนางเปลี่ยนไปเป็นสีม่วงอ่อนที่ดูสวยงาม ซึ่งคล้ายคลึงกับดวงตาของเขามาก ทว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนี้เสมอไป สีในดวงตาของนางจะเปลี่ยนไปก็ต่อเมื่อนางฝึกบำเพ็ญหรือฝึกฝนเท่านั้น
เขาเชื่อว่านางจะกลายเป็นหญิงงามระดับปีศาจก่อนที่นางจะบรรลุถึงขอบเขตกลั่นจิตเสียอีก
........
........
........
กลางดึกคืนนั้น ร่างกายของเสี่ยวฟางปวดเมื่อยไปทั้งตัวจากการฝึกซ้อม แต่เมื่อเขาวางหลี่เหลียนลงบนเตียง จิตใจของเขาก็กลับมาสงบลง
หลี่เหลียนจับแขนของคนรักซึ่งโอบรอบตัวนางไว้แน่น
“เสี่ยวฟาง ข้าจะทำยังไงกับเจ้าดี ถ้าแม่ของข้ารู้ว่าข้ากินอยู่กับคนอย่างเจ้า...” นางอยากจะร้องไห้
ทว่าทันใดนั้น ท่าทางของนางก็เกิดการเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ"ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าข้ากำลังรู้สึกดีกับคนเลวที่นอกใจ ไม่ซื่อสัตย์ หลอกลวง ขี้โกหก เอาแต่สร้างปัญหา และเนรคุณ! อ๊ากกกกกก!!" นางกำมือแน่นขึ้นทุกครั้งที่พูด และเริ่มพ่นไฟราวกับมังกรที่กำลังโกรธจัด นางสรุปชีวิตทั้งหมดของเขาโดยไม่รู้ตัว
นี่เป็นครั้งเดียวที่นางสามารถทำร้ายร่างกายที่แข็งแกร่งราวกับศิลาของเขาได้ เสี่ยวฟางแทบร้องไห้อยู่ในใจ
“เหลียนเอ๋อร์ พวกเขาจะรู้เรื่องของเราได้ยังไง?”
“วันนี้ข้าได้รับข้อความจากท่านแม่ พวกท่านจะมาเยี่ยมข้าในวันพรุ่งนี้ เจ้าจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ตอนพวกท่านมา”
"ข้าเข้าใจ"
“เจ้าจะไปไหน?”
“ยังไม่รู้ แต่ข้าจะหาสถานที่สักแห่ง”
"เจ้าคงจะไปที่บ้านสตรีพวกนั้นสินะ!" นางจิกแขนเขาแน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้
“โอ๊ย โอ๊ย แขนข้า!” เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“สัญญามาว่าจะไม่ไปบ้านหรือหอพักศิษย์หญิงคนใดในช่วงที่ท่านบิดาท่านแม่ของข้าอยู่ที่นี่ ข้าถึงจะปล่อยเจ้าไป”
“ข้าจะไม่ไป ข้าจะไม่ไป ข้าสัญญา”
นางไม่ได้ว่าอะไรหากเขาจะฝึกบำเพ็ญกับสาวๆในช่วงกลางวัน แต่เขาจะทำแบบนั้นตอนกลางคืนไม่ได้ นั่นมันตรรกะอะไรกัน? แม้เขาจะไม่เข้าใจความคิดของนาง แต่เขาก็ตกปากรับคำ
........
........
........
ทันทีที่พระอาทิตย์ขึ้น เสี่ยวฟางก็ตรงดิ่งไปที่หอคัมภีร์ทันที เขาออกไปเร็วกว่าปกติมาก เนื่องจากหลี่เหลียนออกจากบ้านไปตอนกลางดึกเพื่อทำภารกิจให้เสร็จเร็วขึ้น ยิ่งนางทำภารกิจนอกนิกายเสร็จเร็วเท่าไร เมื่อบิดามารดามาถึง นางก็จะมีเวลาอยู่กับพวกท่านมากขึ้นเท่านั้น
ตอนนี้เสี่ยวฟางมีกุญแจหอคัมภีร์เป็นของตัวเองแล้ว เมื่อเขาเข้าไปในห้องของชุนฮัว เขาก็บังเอิญเห็นว่านางกำลังช่วยตัวเองอยู่ใต้ผ้าห่ม เมื่อทั้งสองสบตากัน ชุนฮัวก็ลุกพรวดออกจากเตียงมาคารวะเขา นางสวมชุดผ้าไหมบางๆทับชุดชั้นในอันเย้ายวนที่แทบไม่อาจปกปิดสิ่งใด แต่นั่นคือเหตุผลที่นางซื้อมันมา นางต้องการสวมให้เขาดู
“เสี่ยวฟาง เจ้ามาเช้าเกินไปแล้ว!”
“อืม ข้าคิดถึงเจ้า”
นางหน้าแดงเล็กน้อยจากคำพูดของเขา
“เสี่ยวฟาง ข้า...” นางไม่รู้จะเอ่ยอย่างไรให้เขาร่วมรักกับนางโดยไม่ให้ดูประเจิดประเจ้อเกินไป โชคดีที่เสี่ยวฟางขัดจังหวะนาง
“ชุนฮัว ข้าอยากลองเคล็ดวิชานั้นอีกครั้ง เจ้าช่วยข้าฝึกฝนมันหน่อยได้หรือไม่?” นางแฉะอยู่แล้ว แต่ตอนนี้มันยิ่งแฉะมากขึ้นไปอีก
เขาไม่จำเป็นต้องถามนางซ้ำเป็นครั้งที่สอง นางรุกเข้าหาเขาอย่างรวดเร็วโดยถ่างขาออกเปิดเผยร่างกายท่อนล่างของนาง นางจูบเขาในทันทีราวกับสตรีร่านราคะ เขายกต้นขาของนางขึ้นพาดบ่า จากนั้นเขาก็สอดแท่งเนื้อของเขาเข้าไปในตัวนาง
“อ๊า~” นางครางออกมา ไม่ว่านางจะทำเช่นนี้แล้วมากี่ครั้ง แต่เมื่อกระบี่เนื้อยาวใหญ่ของเขาสอดเข้าไปในร่างกายของนาง มันก็ทำให้นางสั่นสะท้านและครางออกมาทันที
จากบรรดาหญิงสาวทั้งหมดที่เขาเคยอยู่ด้วย ภูเขาแฝดของชุนฮัวถือว่ามหึมาและสวยงามที่สุดในบรรดาภูเขาทั้งหมด แม้ว่ามือของเขาจะลูบไล้ร่างกายของนางไปทั่วทุกตารางนิ้ว แต่สุดท้ายแล้ว มือของเขาจะวกกลับหยอกเย้ากับหน้าอกอวบอิ่มของนางเสมอ เขาดูดจนยอดเขาสีชมพูของนางเปลี่ยนเป็นสีแดง
เขาไม่อยากแทงลึกเข้าไปอีก เขาแค่ต้องการเสียบคาไว้ ในขณะที่เขาเล่นกับบั้นท้ายเนียนนุ่มของนาง ทุกครั้งที่มือของเขาบีบเกี๊ยวอวบอ้วนของนางในขณะที่เขายังคงเสียบคาไว้ นั่นแทบจะทำให้เขาเผลอปล่อยปราณหยางออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
[กระบี่เนื้อค้ำสวรรค์]
“อ๊า~ เสี่ยวฟาง ลึกเกินไป มันลึกเกินไปแล้ว” กระบี่เนื้อของเขาสั่นกระตุกซ้ำแล้วซ้ำเล่า นี่ไม่ใช่เคล็ดวิชาการขยายเสาแบบเดิม มันใหญ่กว่าเดิมด้วยซ้ำ ไม่ช้า ร่างกายของนางก็สามารถทนต่อการสั่นไหวภายในตัวได้ ดังนั้นในที่สุดนางจึงเริ่มขยับเคลื่อนไหวเอง การเคลื่อนไหวของนางเป็นไปอย่างเชื่องช้า แต่นั่นเป็นเพราะช่องคลอดของนางกำลังบีบรัดกระบี่เนื้อของเขาอย่างหนาแน่น
“ชุนฮัว ข้าจะเสร็จแล้ว”
“แตกใส่ข้าเลย” นางร้องขอ
น้ำอสุจิของเขาฉีดพุ่งเข้าไปในส่วนลึกที่สุดของนาง และไหลทะลักออกมาไม่หยุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เสื้อผ้าวาบหวิวของนางทำให้เขาเสียการควบคุม และชุนฮัวอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางพ่ายแพ้ของเสี่ยวฟาง
กระบี่เนื้อของเสี่ยวฟางกลับคืนสู่ขนาดปกติจากนั้นเขาก็เสียบเข้าไปในรูที่สองของนาง เขาไม่ได้กระแทกเข้าไปในตัวนางอย่างแรง แต่เพลิดเพลินกับความรู้สึกนั้นและเคลื่อนไหวอย่างเร่าร้อนในขณะที่มือของเขาบีบคลึงภูเขาแฝดอันอวบอิ่มของนางทุกครั้งที่กระแทก จุดดึงดูดหลักไม่ใช่บริเวณส่วนล่างของนางอีกต่อไป แต่เป็นริมฝีปากและหน้าอกของนางแทน
“เสี่ยวฟาง วันนี้เจ้าเข้ามาหาข้าแต่เช้า เจ้าชอบชุดที่ข้าใส่ขนาดนั้นเลย?” นางยิ้มหยอกเย้า
วันนี้ชุนฮัวสวยกว่าสตรีนางใดในนิกายกระบี่เทวะ แม้ว่านั่นจะไม่ได้มีความหมายอะไรมากนักในนิกายแห่งนี้ แต่สัดส่วนร่างกายของนางก็น่าทึ่งยิ่ง เมื่อได้ร่วมรักกันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะสงบสติอารมณ์ นางในยามที่ดูเร่าร้อน แทบทำให้เขาไม่อาจควบคุมตัวเอง
หากเขาสามารถฝึกฝนกับนางตลอดทั้งวัน เขาย่อมกระทำอย่างไม่ต้องสงสัย บนตัวนางไม่มีส่วนใดที่เขาจะเล่นด้วยไม่ได้ ทั้งนางยังคล้ายกับคนที่เสพติดการร่วมรักที่สุดที่เขาเคยรู้จัก
เสี่ยวฟางยังคงฝึกฝนกับนางต่อไป เขาจะหลั่งปราณหยางออกมาเป็นครั้งคราว แต่นั่นไม่ได้หยุดเขาจากการฝึกฝนร่วมกับนาง ปราณหยางทั้งหมดถูกดูดซับโดยตันเถียนของนาง เขาไม่เคยจูบกับใครนานขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
ใบหน้าของพวกเขาแนบชิดติดกันในขณะที่ลิ้นของพวกเขาเกี่ยวกระหวัดและน้ำรักก็ผสมรวมกัน เอวของเขาจะหยุดเคลื่อนไหวเพียงชั่วครู่ในยามที่ปราณหยางของเขาฉีดพุ่งออกมาอย่างไม่อาจควบคุม
"อ๊าา~... อ๊าา~... อ๊าา~~" นางครางออกมาทุกครั้งในขณะที่พวกเขากำลังจูบกันและพลังปราณปราณหยางดพุ่งเข้าไปในตัวนาง
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาเพียงสนใจแต่กันและกัน
ในที่สุด ซุนเว่ยก็มาถึง นางถอดเสื้อผ้าออกและนั่งเคียงข้างเสี่ยวฟางโดยถ่างทั้งสองออก นางใช้มือข้างหนึ่งของเขาที่กำลังบีบเกี๊ยวอวบอ้วนของชุนฮัวและให้โอบรอบตัวนางโดยให้นิ้วของเขาสัมผัสกับถ้ำสีชมพูเล็กๆของนาง
นางพลิกตะแคงข้างและปล่อยตัวให้สบาย ตอนนี้นางกอดแขนของเขาและใช้ไหล่ของเขาเป็นที่พักศีรษะ ขณะที่นางกอดกล้ามแขนที่เป็นมัดของเขา ภูเขาแฝดเปล่าเปลือยของนางก็ทับกดและถูไถแขนของเขา ขณะที่มือของเขาเริ่มถูปากถ้ำด้านล่างของนาง เขาสัมผัสไข่มุกสีชมพูของนางเบาๆ ซึ่งทำให้ร่างกายของนางสั่นสะท้านโดยไม่ได้ตั้งใจ นางเริ่มครางเสียงกระเส่าออกมาเช่นกัน
กิจกรรมร่วมรักดำเนินไปสักพัก หลังจากทำให้ซุนเว่ยถึงจุดสุดยอดอย่างถึงพริกถึงขิงเป็นครั้งสุดท้าย เขาก็เอามือออกจากจุดเร้นลับของนางและบีบแก้มก้นที่เด้งดึ๋งของชุนฮัวอีกครั้ง
[กระบี่เนื้อทะลวงสวรรค์]
ศีรษะและลำตัวของนางแอ่นโค้งไปด้านหลัง ทำให้ลำตัวของพวกเขาตั้งฉากกัน
“ย๊าก!” เสี่ยวฟางอดข่มกลั้นปราณหยางเอาไว้นานแล้ว จู่ๆในดวงตาของเขาก็ปรากฏประกายแห่งความมุ่งมั่นขึ้น ร่างกายของเขาขยับเคลื่อนไหวหนึ่งครั้ง สองครั้ง และในที่สุดก็ครั้งที่สาม ดวงตาของซุนเว่ยเบิกกว้างด้วยความตกใจทุกครั้งที่เขาเคลื่อนไหว
น้ำหล่อลื่นของนางไหลเยิ้มมากขึ้น หลังจากถูกกระแทกเข้าไปครั้งที่สาม นางก็เริ่มฉี่ราดเหมือนเคย
นี่คือวิวัฒนาการของ 'กระบี่เนื้อทะลวงสวรรค์'
[ กระบี่เนื้อไต่เก้าชั้นฟ้า ]
หลังการกระแทกครั้งที่ 3 ปราณหยางของเขาก็หลั่งออกมาเป็นครั้งสุดท้าย ปราณหยางหลั่งออกมามากจนเริ่มไหลออกมาจากร่างกายของนาง เนื่องจากปราณหยางไม่สามารถเปลี่ยนเป็นพลังวิญญาณที่ใช้ได้เร็วพอ
“เสี่ยวฟาง… ข้าก็อยากเหมือนกัน” ซุนเว่ยกล่าวอึกอัก
“อืม ไว้ตอนบ่ายก่อนดีกว่า ก่อนหน้านั้นข้ามีธุระที่ต้องไปทำก่อน”
ชุนฮัวควบคุมกล้ามเนื้อขาของตัวเองไม่ได้ เสี่ยวฟางจึงช่วยนางทำความสะอาด ทั้งสามคนเข้าไปในห้องอาบน้ำ เสี่ยวฟางพยุงชุนฮัวยืนขึ้นในขณะที่นางทำความสะอาดตัวเอง ในขณะที่ซุนเว่ยฝึกใช้ปากกับมังกรที่กำลังหลับใหลของเสี่ยวฟาง เสี่ยวฟางพยักหน้าอย่างพึงพอใจขณะที่เขาพบว่านางพัฒนาขึ้นจากครั้งก่อนมากทีเดียว
เมื่อพวกเขาเสร็จกิจแล้ว เขาก็ช่วยสวมชุดคลุมให้ชุนฮัว จากนั้นก็ปล่อยนางไว้บนเตียงเพื่อให้นางค่อยๆฟื้นตัว
........
........
........
เสี่ยวฟางและซุนเว่ยออกจากหอคัมภีร์ด้วยกัน เขาอธิบายสถานการณ์ของเขากับหลี่เหลียนและบิดามารดาของนางให้นางฟังอย่างตั้งใจเพราะนางอาจจะมีข้อเสนอแนะ แต่นางกลับแต่แสดงอาการตกใจเมื่อได้ยินเขาเรียกสตรีนางนั้นว่าภรรยาของเขา
“หา! เจ้ามีเมียแล้วเหรอ?!” ซุนเว่ยอ้าปากค้าง
หลี่เหลียนไม่ใช่ภรรยาของเสี่ยวฟาง แต่เขาชอบคิดว่านางเป็น
ซุนเว่ยถอนหายใจ “ไม่ว่าหลี่เหลียนผู้นี้จะเป็นใคร นางคงจะต้องทำบาปมาแล้ว 10 ชาติถึงถูกจับมาผูกติดอยู่กับเจ้า” นางส่ายหัวด้วยความเวทนา นางเหลือบมองแท่งเนื้อของเสี่ยวฟางคราหนึ่งแล้วคิดในใจ “แต่ว่า... มันก็คงไม่เลวร้ายถึงขนาดนั้นซะทีเดียว”
“แล้วเจ้าจะทำอย่างไร? คนทั้งนิกายต่างรู้ดีว่าเจ้าหน้าตาเป็นอย่างไร คิดโผล่จากที่ซ่อนคงจะไม่ใช่เรื่องง่าย ตอนนี้ค่าหัวของเจ้าเพิ่มขึ้นเป็น 5,000 แต้มผลงานแล้ว”
เสี่ยวฟางกำลังคิดที่จะลอบออกจากนิกาย
“น่าเสียดายที่เจ้าไม่รู้จักผู้อาวุโสคนใดเลย ถ้าเจ้าฝึกฝนกับผู้อาวุโส ปัญหาของเจ้าก็น่าจะคลี่คลายได้ละมั้ง?”
เมื่อคำพูดหลุดออกจากปากของนาง ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้น ไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็สะดุ้งเพราะจู่ๆ เขาก็เกิดความคิดที่แจ่มชัดขึ้น แม้แต่คนที่กล้าหาญไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินอย่างเขา เขาก็ยังอดลังเลที่จะพิจารณาการฝึกฝนร่วมกับผู้อาวุโสไม่ได้