บทที่ 53: เจ้าจะรู้เมื่อไปถึงที่นั่น
“แล้วเจ้าจะรู้เมื่อเจ้าไปถึงที่นั่น” มู่เชียนทำท่าเอียงอาย “ข้าไม่เคยเตรียมอะไรเช่นนี้ให้ใครเลย แล้วข้าก็หวังว่าน้องหกจะไม่ขบขัน”
หลังจากมู่ไป๋ไป่ได้ยินสิ่งที่นางพูด เธอก็เลิกถามและเตรียมที่จะไปดูด้วยตาตัวเอง
“องค์หญิงหก…” หลัวเซียวเซียวเดินตามมู่ไป๋ไป่ไปที่สวนด้านหลังพร้อมกับมู่เชียนก่อนจะพูดขึ้นมาให้ได้ยินกัน 2 คนว่า “หม่อมฉันมีความรู้สึกว่าองค์หญิงใหญ่มีท่าทีแปลกประหลาดเพคะ”
“หม่อมฉันเคยไปยังที่ที่พระนางพูดถึงมาก่อน”
“ครั้งนั้นพี่ชายของหม่อมฉัน… นายน้อยหลัวพาหม่อมฉันไปที่นั่นเพื่อแกล้งหม่อมฉันโดยเฉพาะเพคะ”
“จริงหรือ?” มู่ไป๋ไป่ขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินดังนั้น “นายน้อยหลัว…”
ขณะที่เด็กหญิงกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง จู่ ๆ เธอก็ได้ยินเสียงใบไม้ดังกรอบแกรบ จากนั้นก้อนไขมันก็ตกลงมาจากท้องฟ้า
“โอ๊ย เจ็บนะ!” มู่ไป๋ไป่ถูกก้อนขนกระแทกล้มหน้าคว่ำไปกองกับพื้นพร้อมกับอาการวิงเวียนศีรษะ “ใครมันบังอาจชอบทำร้ายองค์หญิงอย่างข้า?!”
“เมี้ยว!” เสียงร้องของแมวดังขึ้น
“หืม? เสียงฟังดูคุ้น ๆ แฮะ”
“มู่ไป๋ไป่ ข้าเอง! ข้าดื่มมากเกินไปจนหาส้วมไม่เจอ ข้ากลั้นไม่ไหวแล้ว ช่วยนำทางข้าหน่อย”
หลัวเซียวเซียวได้เข้ามาช่วยพยุงคนตัวเล็กก่อนที่เธอจะเห็นเจ้าส้มเดินโซเซเข้ามาหาเธอพร้อมกับกลิ่นเหล้าบนร่างกายที่โชยมาตั้งแต่อยู่ไกล ๆ
“นี่ เจ้าส้ม ข้าก็คิดอยู่ว่าทำไมถึงหาเจ้าไม่เจอเลย ที่แท้เจ้าก็แอบหนีไปดื่มมานี่เอง”
มู่ไป๋ไป่พูดไม่ออกเมื่อเห็นสภาพของแมวอ้วนสีส้ม “เจ้ามันแมวตะกละ รู้จักแต่กิน แถมตอนนี้ยังดื่มเหล้าอีก กินไม่เลือกจริง ๆ เลย”
“ฮี่ ๆ… สุราเป็นของที่เลิศรส” เจ้าส้มพูดออกมาเสียงดัง “เจ้ายังเด็ก เจ้าไม่เข้าใจหรอก ผู้ชายคนนั้น มู่เทียนฉงซ่อนสุราชั้นดีเอาไว้ในห้องใต้ดิน เขาคอยปกป้องมันเป็นอย่างดี แม้แต่กับข้าก็ไม่ให้เข้าใกล้ แต่ในที่สุดในวันนี้ข้าก็พบโอกาสดี ๆ”
“เร็วเข้า อย่ามัวแต่ถามจู้จี้ ข้าจะราดอยู่แล้ว”
“รีบพาข้าไปที่ห้องส้วมเร็วเข้า ไม่อย่างนั้นข้าจะปล่อยมันบนตัวเจ้านี่แหละ”
เนื่องจากความมึนเมาของแมวตัวโต มันไม่สนใจว่ามู่ไป๋ไป่จะเป็นจ้าวอสูรหรือไม่ มันกระโดดขึ้นไปบนไหล่ของเด็กน้อยก่อนจะย่อตัวลงทำท่าจะปลดทุกข์
“ไอ้ตูดเหม็น!”
“องค์หญิงหก เจ้าส้มกำลังจะทำอะไรหรือเพคะ?”
หลัวเซียวเซียวไม่เข้าใจภาษาสัตว์จึงงุนงงมากเมื่อเห็นมันวางตัวทำท่าแปลกประหลาด “มันกำลังอึดอัดหรือไม่เพคะ?”
“มันปวดขี้ต่างหาก!” ใบหน้าเล็ก ๆ ของมู่ไป๋ไป่เปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธ
“ข้าไม่เคยเห็นแมวที่หน้าด้านขนาดนี้มาก่อน เซียวเซียว รอข้าอยู่ที่นี่ก่อนนะ หลังจากพาเจ้าแมวตัวนี้ไปเข้าห้องน้ำแล้วข้าจะกลับมาทันที”
พูดจบคนตัวเล็กก็คว้าเจ้าส้มแล้ววิ่งไปอีกทางอย่างรวดเร็ว
“องค์หญิงหก จริง ๆ แล้ว…” หลัวเซียวเซียวมองแผ่นหลังของอีกคนที่หายไปจนลับสายตา ก่อนจะหัวเราะพลางส่ายหัวเบา ๆ กับท่าทีของอีกฝ่าย
ไม่เป็นไร นางจะไปช่วยสังเกตการณ์แทนองค์หญิงหกก่อน
อีกด้านหนึ่ง บนพื้นหญ้าในสวนด้านหลัง
ยามนี้นายน้อยตระกูลหลัวขมวดคิ้วอย่างเป็นกังวล “ทำไมยังไม่มาอีกล่ะ นี่องค์หญิงใหญ่ไม่ได้ล้อข้าเล่นใช่หรือไม่?”
“นายน้อย อย่าได้กังวลไปเจ้าค่ะ” คนที่พูดคือนางกำนัลที่เข้าไปกระซิบพูดกับมู่เชียนเมื่อไม่นานมานี้ “องค์หญิงใหญ่บอกว่าพระนางจะต้องหาทางให้มู่ไป๋ไป่มาที่นี่ให้ได้อย่างแน่นอน”
“วันนี้มู่ไป๋ไป่สวมชุดสีเหลืองนวลเจ้าค่ะ”
วันนี้นายน้อยตระกูลหลัวไม่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงที่อุทยานหลวง ที่ผ่านมาเขาอยู่ข้างกายลี่เฟยตลอด ถ้าไม่ใช่เพราะมู่เชียนไม่ได้ส่งให้คนมาเจรจากับตน เขาคงไม่มีความคิดดี ๆ เช่นนี้
ตัวเขาที่ต้องประสบกับความเจ็บปวดร้ายแรงถึง 2 ครั้งเพราะมู่ไป๋ไป่ แล้วเขาจะพลาดโอกาสที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน?
“นายน้อย นางมาแล้วเจ้าค่ะ!” นางกำนัลเหลือบมองเด็กในชุดสีเหลืองนวลแล้วหันมาพูดอย่างตื่นเต้น “ใช่แล้ว นั่นคือมู่ไป๋ไป่ ตอนที่ข้าน้อยเห็นนางในอุทยานเมื่อครู่นี้ นางก็สวมชุดแบบเดียวกันนี้เจ้าค่ะ”
คำพูดนั้นทำให้ดวงตาของนายน้อยหลัวเป็นประกาย “จัดการ!”
ในไม่ช้าสวนด้านหลังก็เต็มไปด้วยบรรยากาศที่แปลกตา
…
ขณะเดียวกัน
ในที่สุดมู่ไป๋ไป่ก็พบกระท่อมที่ห่างไกลในขณะที่เจ้าส้มกำลังจะปลดปล่อยทุกอย่างราดบนไหล่ของเธอ แล้วเธอก็โยนมันเข้าไปด้านในทันที
“ไม่ใช่สิ…” เด็กหญิงปิดจมูกตัวเอง และในที่สุดเหมือนเธอจะคิดอะไรบางอย่างออก “เจ้าเป็นแมว ทำไมเจ้าจะต้องมาอึที่ห้องส้วมด้วยล่ะ?”
“ฮึ ข้านั้นเป็นถึงแมวทรงเลี้ยง เจ้าจะเอาข้าไปเปรียบเทียบกับแมวป่าพวกนั้นได้อย่างไร” เสียงเบา ๆ ของเจ้าส้มดังมาจากในกระท่อม “ทั้งอาหาร เสื้อผ้าและอื่น ๆ ย่อมต้องเป็นของคุณภาพดีทั้งสิ้น”
“มันไม่สำคัญหรอกว่าข้าจะต้องมาปลดทุกข์ที่ห้องส้วมหรือไม่ ตัวข้านั้นชำระร่างกายด้วยของแบบเดียวกับมู่เทียนฉงด้วยซ้ำ”
“...” มู่ไป๋ไป่ถึงกับพูดไม่ออกกับคำโอ้อวดนั้น
“เจ้ากับหลัวเซียวเซียวกำลังจะไปไหนกัน?” แมวอ้วนถามขึ้นมา หลังจากจัดการธุระของตัวเองเสร็จแล้ว สติส่วนหนึ่งจึงกลับมาจากความมึนเมา
มันเดินออกมาแล้วพยายามปีนขึ้นมาบนตัวมู่ไป๋ไป่ แต่ก็ถูกอีกฝ่ายปฏิเสธ
นี่ล้อฉันเล่นอยู่หรือไง ฉันคงบ้าไปแล้วถ้าปล่อยให้แมวที่เพิ่งไปขี้ขึ้นมาอยู่บนตัว
“เรากำลังจะไปที่สวนด้านหลัง” เด็กหญิงอธิบายสั้น ๆ เกี่ยวกับของขวัญที่องค์หญิงใหญ่เตรียมไว้ให้เธอ “ตอนนี้เซียวเซียวยังรอข้าอยู่ ข้าต้องรีบกลับไปแล้ว เจ้าจะไปกับข้าหรือไม่?”
“ข้าได้ยินมาว่าช่วงนี้ในตำหนักองค์หญิงใหญ่ไม่ค่อยสงบสักเท่าไหร่” เจ้าส้มพูดขณะเดินตามคนตัวเล็กไป “แมวหลายตัวบอกว่าพวกมันได้ยินเสียงกรีดร้องยามที่เดินผ่านตำหนักองค์หญิงใหญ่ตอนกลางดึก”
เสียงกรีดร้องหรือ? มันจะน่ากลัวขนาดไหนกัน?
พอเจ้าส้มพูดเช่นนี้ มู่ไป๋ไป่ก็นึกถึงคำพูดของหลัวเซียวเซียวเมื่อครู่และรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
ดังนั้นเธอจึงหยุดเดินและตะโกนเรียกใครบางคนด้วยความรู้สึกไม่แน่ใจ “พี่ชายองครักษ์!?”
เนื่องจากมู่จวินฝานสั่งให้องครักษ์ของเขาคอยอารักขาเธอ เขาจะต้องติดตามเธอมาเงียบ ๆ อย่างแน่นอน
โชคดีที่เธอคาดเดาได้ถูกต้อง
เมื่อคนผู้นั้นได้ยินเสียงเรียก ร่างที่แข็งแกร่งก็เข้ามาคุกเข่าทำความเคารพตรงหน้า “องค์หญิงหก พระองค์ทรงมีอะไรให้กระหม่อมช่วยหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“ท่านมีวิชาตัวเบาใช่หรือไม่?” มู่ไป๋ไป่เอื้อมมือไปกอดคอเขา “ข้าขอสั่งให้ท่านพาข้าไปที่สวนด้านหลังโดยเร็วที่สุด”
องครักษ์ที่จู่ ๆ ก็ถูกกอดตกใจมาก แต่พอได้ยินคำสั่ง เขาก็รีบอุ้มเด็กหญิงขึ้นอย่างระมัดระวัง
ขณะนี้กลิ่นหอมน้ำนมกระทบเข้าที่ใบหน้าของเขา และเขาก็ต้องกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งอยู่ในใจ…
ช่างหอมยิ่งนัก!
องครักษ์ที่มาจากตำหนักตงกงนั้นมีวรยุทธไม่เร็วเลย เพียงกระโดดไม่กี่ครั้ง เขาก็ได้พามู่ไป๋ไป่ไปถึงจุดหมายปลายทาง
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ที่สวนด้านหลังกลับเงียบสงบ ที่นั่นไม่มีของขวัญที่มู่เชียนบอกและไม่มีร่างของหลัวเซียวเซียวเช่นกัน
นั่นยิ่งทำให้ความไม่สบายใจของเด็กหญิงพุ่งขึ้นสูง แล้วเธอก็ส่งเสียงเรียกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “หลัวเซียวเซียว?”
คำตอบเดียวที่เธอได้รับก็คือเสียงแมลงกลางคืนร้อง
“เซียวเซียว!” มู่ไป๋ไป่กำหมัดแน่น “เลิกเล่นได้แล้ว รีบออกมาเร็วเข้า”
“องค์หญิงหก พระองค์ต้องการตามหา…” องครักษ์สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“ใช่!” มู่ไป๋ไป่ตอบรับทั้งที่อีกฝ่ายยังพูดไม่จบ “ท่านรีบไปตามหาหลัวเซียวเซียวเร็วเข้า ย้ำว่าต้องหานางให้เจอ!”
หลังจากที่องครักษ์ออกไปทำตามคำสั่ง คนตัวเล็กก็คว้าแมวตัวโตที่เพิ่งสร่างเมาขึ้นมา “เจ้าส้ม เจ้าเองก็ไปตามหาเซียวเซียวด้วย หากเจ้าหาเซียวเซียวเจอ ข้าจะทำไก่แช่เหล้าที่แสนอร่อยให้เจ้ากินเอง”
เจ้าส้มเองก็เคยได้ลิ้มรสฝีมือการทำอาหารของมู่ไป๋ไป่มาแล้ว พอมันได้ยินดังนี้ ดวงตาของแมวคู่หนึ่งก็ฉายแสงแวววาว “แค่จานเดียวไม่พอนะ อย่างน้อยต้อง 10 จาน”
“ตกลง!” เด็กหญิงพยักหน้าเห็นด้วยโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก “10 จานก็ 10 จาน เป็นอันว่าตกลง”