ตอนที่แล้วบทที่ 18 ลูกพี่ไห่!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 20 เคลียร์ปัญหา

บทที่ 19 ยึดครองอย่างเหนือชั้น


ฟางเสิ่นไม่สนใจอันธพาลที่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ข้างๆ เขาเดินเข้าไปในห้องอย่างสบายใจ ข้างในห้องมีชายคนหนึ่งที่มีแผลเป็นยาวบนใบหน้า กำลังหลบเศษไม้ที่กระเด็นมาอย่างทุลักทุเล บนใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและสงสัย ชายคนนั้นไม่อยากเชื่อสายตาว่าประตูของตัวเองจะพังลงมากะทันหันแบบนี้

  สายตาของฟางเสิ่นกวาดมองไปรอบๆ ห้อง เมื่อเขาเห็นก้อนหินจำลองที่ใช้ประดับเป็นเครื่องตกแต่งห้องก็ชะงักไปทันที

  “นี่มัน… ของวิเศษจากสวรรค์?”

  ฟางเสิ่นเป็นผู้ฝึกตน และเป็นผู้ฝึกตนประเภทที่มีความเชี่ยวชาญด้านการค้นหาวัตถุวิเศษจากสวรรค์มากที่สุด แม้จะต้องอาศัยพลังจากดินแดนของตัวเองในการค้นหา แต่หากวัตถุวิเศษปรากฏต่อหน้าต่อตาเขา ฟางเสิ่นก็ยังพอรู้สึกถึงพลังนั้นได้

  “เปิดดวงตาสวรรค์” ฟางเสิ่นไม่พูดพร่ำทำเพลง เปิดพลังตาทิพย์ขึ้นมาทันที ทันใดนั้นสิ่งรอบตัวก็เริ่มพร่ามัว

  มันต่างจากการมองผ่านดินแดนของตัวเองที่มีแสงสีขาวเยือกเย็นโอบล้อมทำให้เห็นชัดเจน เมื่อไม่ได้อยู่ในพื้นที่ของตัวเอง ฟางเสิ่นจะมองเห็นเพียงสิ่งของพิเศษบางอย่างเท่านั้น ซึ่งก็ยากที่จะมองเห็นได้อย่างชัดเจน

  อย่างไรก็ตาม ในตำแหน่งที่หินประดับวางอยู่กลับมีแสงสีเทาจางๆ สว่างขึ้นมา ดึงดูดความสนใจของฟางเสิ่นในทันที

  “เป็นของวิเศษจากสวรรค์จริงๆ” ฟางเสิ่นรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก แม้จะเป็นของวิเศษประเภทต่ำสุดในระดับแรก แต่ก็ยังนับเป็นของวิเศษจากสวรรค์ ไม่อาจเทียบได้กับของธรรมดาทั่วไป ดูอย่างหินตรึงวิญญาณที่เป็นของวิเศษระดับแรกเหมือนกันก็รู้ว่าพลังของสมบัติที่ถูกหล่อหลอมโดยสวรรค์และโลกนั้นแข็งแกร่งเพียงใด

  ไม่คิดเลยว่าการมาครั้งนี้ที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องน่าเบื่อ กลับได้รับของล้ำค่ามาอย่างไม่คาดฝัน

  เมื่อยืนยันได้แล้ว ฟางเสิ่นก็ปิดดวงตาสวรรค์ทันที โดยไม่เสียเวลาที่จะตรวจสอบเพิ่มเติมว่าเป็นของวิเศษประเภทใด เพราะสถานการณ์ตอนนี้ยังไม่ปลอดภัย เขาต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อยเสียก่อน

  “แกเป็นใคร! บัดซบ กล้าดีมาทำลายสถานที่ของฉัน พวกเรา ใครก็ได้รีบมาที่นี่เร็วเข้า!” การเปิดดวงตาสวรรค์เพียงแค่ไม่กี่วินาที ทำให้ในสายตาของพี่ไห่และอันธพาล กลับดูเหมือนฟางเสิ่นเพียงแค่กวาดตามองไปรอบๆ ห้องด้วยสายตาเย็นชา

  ถูกคนบุกถึงถิ่น แถมประตูยังถูกถีบพังจนแหลกละเอียด สิ่งนี้เหมือนโดนหยามต่อหน้าต่อตาเต็มๆ พี่ไห่เหลือบมองอันธพาลที่พาฟางเสิ่นมาอย่างอาฆาต ก่อนจะตะโกนลั่นออกมา

  เสียงตะโกนทำให้ห้องข้างเคียงวุ่นวายขึ้นทันที ในเวลาไม่นาน ชายร่างใหญ่สองคนในสภาพแต่งตัวไม่เรียบร้อยก็รีบวิ่งเข้ามา

  “พี่ไห่ เกิดอะไรขึ้น คนนี้เป็นใคร?” ชายร่างใหญ่พูดออกมา ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่พี่ไห่สงสัยอยู่เหมือนกัน เขามั่นใจว่าไม่เคยเห็นหน้าฟางเสิ่นมาก่อน

  ฟางเสิ่นยิ้มออกมาเล็กน้อย

  “ทำเป็นจำคนอื่นไม่ได้ซะงั้น? เมื่อกลางวันเรายังมีปัญหากันอยู่เลย” ฟางเสิ่นพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

  “เป็นแกนี่เอง” สีหน้าของพี่ไห่พลันมืดครึ้มลงทันที เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวันเขาได้รับรายงานแล้ว ลูกน้องของเขากว่าสิบคนยังคงถูกขังอยู่ในสถานีตำรวจ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเขายังไม่ได้รู้รายละเอียดชัดเจน แต่ก็พอรู้ว่าฝ่ายตัวเองเสียเปรียบหนักมาก เมื่อเจ้าอันธพาลโทรมารายงาน เขาจึงสั่งให้รีบเข้ามาหาทันที

  “ไอ้เหมา แกนี่มันดีจริงๆ กล้าทรยศฉันเหรอ?” พี่ไห่พูดเสียงเย็นเยียบ ราวกับลมหนาวที่พัดมาจากห้องเก็บน้ำแข็ง โดยไม่ต้องออกคำสั่ง ลูกน้องสองคนที่เดินเข้ามาพลันจับตัวอันธพาลไว้คนละข้าง และต่อยท้องเขาอย่างแรงจนเกือบสลบ

  “ส่วนแก กล้าลงมือกับคนของฉัน วันนี้อย่าหวังว่าจะรอดกลับไปได้ ฉันจะหักขาแกสองข้าง บอกมา แกใช้ขาข้างไหนเตะประตู?” เมื่อเห็นว่าลูกน้องของตัวเองทยอยเข้ามาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ พี่ไห่ก็เริ่มได้ใจ มองฟางเสิ่นด้วยสายตาที่ดูแคลนเหมือนเห็นเหยื่อในกำมือ

  “วันนี้ฉันมาเพื่อบอกนายคำเดียว” ฟางเสิ่นไม่สนใจคำขู่ของพี่ไห่ ทำเหมือนไม่ได้ยิน เขายิ้มเยาะก่อนจะกล่าวต่อว่า “สถานที่ประมูลหลงซิง ฉันหมายตาไว้แล้ว รีบไสหัวไปไกลๆ”

  พี่ไห่อ้าปากค้างมองฟางเสิ่น ก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง

  “ฮ่าๆๆ นี่มันเรื่องตลกบ้าบออะไรเนี่ย กล้ามาสั่งให้ฉันไสหัวออกจากพื้นที่ตัวเอง ฮ่าๆๆ ขำแทบตาย” ลูกน้องรอบข้างต่างก็หัวเราะไปด้วย

  “ตลกงั้นเหรอ?” ฟางเสิ่นยิ้มเย็น ก่อนจะก้าวเพียงก้าวเดียวก็โผล่มาตรงหน้าพี่ไห่ ใช้มือข้างเดียวบีบคอเขายกขึ้นเหมือนลูกเจี๊ยบ แล้วกล่าวเสียงเรียบว่า “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าไม่น่าขำเลย”

  ฟางเสิ่นสูงราว 1.8 เมตร รูปร่างสูงใหญ่ เมื่อพี่ไห่อยู่ในมือของฟางเสิ่น เขาก็เหมือนลูกไก่ตัวน้อยที่ไม่มีแรงจะต่อต้าน พยายามใช้สองมือดึงมือของฟางเสิ่นออกสุดกำลัง แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

  ไม่มีใครในห้องทันตั้งตัว แม้แต่ลูกน้องที่อยู่ขนาบข้างพี่ไห่ก็ยังไม่ทันเข้ามาช่วย ปฏิกิริยาของฟางเสิ่นเร็วเกินไป

  “ไสหัวไปซะ!” ฟางเสิ่นเตะสองเท้ารวดเร็วทันใจ ร่างของชายร่างยักษ์สองคนที่พุ่งเข้ามาช่วยถึงกับกระเด็นไปกระแทกเฟอร์นิเจอร์ในห้องเสียงดังสนั่น ล้มลงกองอยู่กับพื้นและไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีก

  เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนในห้องอดที่จะอ้าปากค้างและสูดหายใจด้วยความตกใจไม่ได้

  “รีบช่วยพี่ไห่เร็ว!” เมื่อเห็นว่าพี่ไห่เริ่มหมดลมหายใจ ลูกน้องก็ยิ่งรนรานและพุ่งเข้ามาพร้อมกัน

ฟางเสิ่นแค่นยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเหวี่ยงร่างของพี่ไห่ทิ้งไปเหมือนหมาตาย แล้วเตะโต๊ะทำงานที่มีน้ำหนักหลายร้อยกิโลจนลอยละลิ่วไป กลิ้งทับกลุ่มคนที่เข้ามาในห้องจนพากันล้มระเนระนาด จากนั้นร่างของเขาก็พุ่งขึ้นไปเหยียบบนกำแพง ใช้เท้าถีบกำแพงเพื่อส่งแรงตัวเองลอยพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ร่างของเขาพุ่งทะลุกลุ่มคนและชนคนสามสี่คนล้มกลิ้ง ก่อนจะลงมายืนอยู่ที่หน้าประตูและขวางทางพวกมันไว้ได้ทัน

  ใครก็ตามที่กล้าเข้ามาใกล้ จะถูกฟางเสิ่นซัดลงไปนอนกองที่พื้นในทันที ห้องทั้งห้องจึงเต็มไปด้วยผู้คนที่นอนร้องโอดครวญอยู่เต็มไปหมด

  “หยุดนะ!” เสียงสั่นๆ ดังขึ้นมาจากด้านหลังของฟางเสิ่น

  ฟางเสิ่นรู้สึกเย็นวาบ รีบหันไปมอง พบว่ามีชายคนหนึ่งยืนอยู่พร้อมกับถือปืนยาวแบบทำเองเล็งมาที่เขา

  ในสังคมยุคปัจจุบัน ปืนถือเป็นอาวุธที่อันตรายที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ต่อให้ฟางเสิ่นแข็งแกร่งแค่ไหนก็ยังไม่มีความสามารถจะต้านทานกระสุนได้ เพราะเขายังอยู่แค่ขั้นแรกของการฝึกตน ถ้าแข็งแกร่งมากกว่านี้ก็คงจะไม่ต้องสนใจปืนแล้ว

  อย่างไรก็ตาม ชายคนนี้กลับถูกพลังของฟางเสิ่นทำให้หวาดกลัว มือที่จับปืนสั่นเทาจนควบคุมไม่ได้

  “คิดว่าแกจะยิงโดนฉันเหรอ?” ฟางเสิ่นยิ้มเยาะ พร้อมพุ่งตัวออกไปด้านข้างทันที และในเวลาเดียวกัน ชายคนนั้นก็ตัดสินใจเหนี่ยวไก แต่กระสุนกลับยิงลงพื้นไปในตำแหน่งที่ฟางเสิ่นยืนเมื่อครู่

  ชายคนนั้นยังไม่ทันได้ยิงนัดที่สอง ฟางเสิ่นก็มาปรากฏตัวตรงหน้า มือของเขาฟาดลงไปที่ข้อมือของชายคนนั้นจนกระดูกหัก ก่อนจะใช้เท้าถีบเขาจนกระเด็นไปกระแทกกำแพง เลือดพุ่งออกมาจากปากไม่หยุด

  ฟางเสิ่นหยิบปืนยาวกระบอกนั้นขึ้นมา กำมันแน่นก่อนจะบิดจนมันหักเป็นสองท่อน แล้วโยนมันทิ้งไปด้านข้างอย่างไม่แยแส

  เมื่อเห็นว่าปืนยังไม่สามารถทำอะไรฟางเสิ่นได้ บรรดาลูกน้องที่เหลืออยู่ก็รู้สึกสิ้นหวัง พวกเขาเพิ่งรู้ตัวในตอนนี้เองว่าคนที่พวกเขากำลังเผชิญหน้านั้นน่ากลัวมากเพียงใด

  “ที่ฉันพูดเมื่อกี้ พวกแกเข้าใจไหม?” ฟางเสิ่นเดินไปยืนตรงหน้าพี่ไห่ที่นอนหมดสภาพอยู่บนพื้น แล้วถามออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา

  “เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้วครับ! สถานที่ประมูลหลงซิงเป็นของท่าน เราจะไม่ยุ่งกับที่นั่นอีกแล้วครับ” หลังจากได้หายใจหายคอ พี่ไห่ก็ตอบกลับด้วยท่าทางหวาดกลัวสุดขีด ความรู้สึกที่เหมือนจะตายทำให้เขาไม่กล้าพูดอะไรที่ไม่เข้าหูอีกเลย

  “ถ้าไม่พอใจ ก็ลองมาหาฉันได้ ฉันแซ่ฟาง” ฟางเสิ่นกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

  “แซ่ฟาง” นัยน์ตาของพี่ไห่หดตัวเล็กลง แม้เขาจะไม่ใช่คนสำคัญอะไร แต่เมื่อทำธุรกิจในเมืองหมิงจูมานาน เขาย่อมรู้ดีว่าใครควรยุ่งและไม่ควรยุ่งด้วย

  คนที่แซ่ฟาง ถือว่าเป็นกลุ่มที่ไม่ควรเข้าไปยุ่งในเมืองหมิงจูอย่างเด็ดขาด

  แม้จะไม่ใช่ว่าทุกคนที่แซ่ฟางจะมีอำนาจขนาดนั้น แต่การที่ฟางเสิ่นบอกชื่อแซ่ในเวลานี้ ก็หมายความว่าฟางเสิ่นต้องเป็นคนที่อยู่ในกลุ่มคนที่พี่ไห่ไม่ควรจะไปยุ่งด้วยอย่างแน่นอน ร่างของพี่ไห่สั่นเทา ความคิดที่จะพึ่งตำรวจที่เขารู้จักให้มาช่วยจัดการเรื่องนี้ก็หายไปในพริบตา

  ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ก็ตาม ชายคนนี้คือคนที่ห้ามยุ่งเด็ดขาด และต่อจากนี้ไปถ้าเจอเขาอีก พี่ไห่ก็จะต้องหลบให้ไกลที่สุด นี่คือสิ่งที่พี่ไห่ตัดสินใจในทันที

  “ถ้ายังกล้ามายุ่งกับสถานที่ประมูลหลงซิงอีก พวกแกจะลงเอยเหมือนกับก้อนหินก้อนนี้” ฟางเสิ่นพูดพลางเดินไปที่หินประดับ เขาโบกมือทุบลงอย่างรวดเร็ว หินประดับขนาดใหญ่ก็แหลกละเอียดกลายเป็นผง และในขณะเดียวกัน ฟางเสิ่นก็ใช้พลังลับๆ เก็บของวิเศษจากสวรรค์ที่อยู่ภายในหินประดับเข้ามาไว้ในมืออย่างไร้ร่องรอย

จบบท

  

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด