ตอนที่แล้วบทที่ 117 มากมาย (5)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 119 มากมาย (7)

บทที่ 118 มากมาย (6)


[\แปลโดยแฟนเพจ ยักษาแปร\มาติดตามในแฟนเพจ\เพื่อติดตามข่าวสารได้นะ\]

[\Thai-novel \ลงไวกว่าที่อื่น\ทุกที่ 5 ตอน\แต่จะราคาแพงที่สุด\]

[\หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง จะแก้ไขแบบเทียบคำต่อคำให้ตรงตามหลักไวยากรณ์ อ่านแบบเทียบภาษาต้นฉบับคำต่อคำ ซึ่งถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ\100คน\ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ซึ่งถ้ารู้ว่าหลุดจากที่ไหนก็จะไม่แก้ไขตรงเว็บนั้นครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบเวอร์ชั่นแรกไปนะครับ\]

บทที่ 118 มากมาย (6)

ชุงนัม ปูยอ

ณ สตูดิโอยักษ์ใหญ่ ‘เกาะแห่งผู้สูญหาย’ เวลาล่วงเลยบ่ายสองโมงไปแล้ว การอ่านบท ‘เกาะแห่งผู้สูญหาย’ มีกำหนดการเริ่มต้นตอนบ่ายสามโมง ทำให้เหล่าทีมงานมากมายต่างวิ่งวุ่นไปทั่ว

“ทีมฝ่ายศิลป์!! ผู้กำกับเรียกหาครับ!”

“เก้าอี้ไม่พอนี่! อยู่ไหนกัน?!”

“นั่นไง! หลังรถบัส!”

ภายในสตูดิโอที่พวกเขากำลังจัดเตรียมฉากอยู่นั้นเป็นหมู่บ้านขนาดย่อมที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ ถามว่ามันให้อารมณ์แบบไหน ก็คงจะเป็นความรู้สึกที่ผสมผสานระหว่างความทันสมัยและความเก่าแก่เข้าด้วยกันอย่างลงตัว บ้านเรือนส่วนใหญ่ราว 60%เป็นบ้านเก่าแก่ และมีบางหลังที่เป็นอาคารสูงสองถึงสามชั้น โดดเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางบ้านเรือนทั้งหมด ภาพลักษณ์ของมันช่างเหมือนกับหมู่บ้านเล็ก ๆ บนเกาะอย่างไม่ผิดเพี้ยน

แต่ถึงอย่างนั้น...ก็ให้ความรู้สึกน่าขนลุกพิลึก

สีสันโดยรวมของหมู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้หรือถนน ต่างก็เปรอะเปื้อนไปด้วยรอยเลือด ราวกับจงใจทำให้ดูเป็นลางร้าย อีกทั้งยังมีเสื้อผ้า รองเท้า และข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นที่

อย่างไรก็ตาม…

“เหลือเวลาอีก 30 นาที! เร็วเข้า!!”

สถานที่ที่เหล่าทีมงานต่างขะมักเขม้นจัดเตรียมอยู่นั้นเป็นห้องอ่านบทที่อยู่บริเวณทางเข้าสตูดิโอเป็นอาคารชั้นเดียวที่ถูกสร้างขึ้นเป็นห้องประชุมชั่วคราวในช่วงก่อสร้างสตูดิโอ และเป็นสถานที่สำหรับการประชุมวางแผนการถ่ายทำ ภายในมีโต๊ะและเก้าอี้จัดเรียงรายล้อมอย่างเป็นระเบียบ

จากนั้นป้ายชื่อก็ถูกนำมาวางทีละอัน ๆ

โดยอ้างอิงจากตำแหน่งของผู้กำกับควอนกีแท็กที่เป็นหัวโต๊ะ ด้านขวามือจะเป็นที่นั่งของรยูจองมิน และถัดไปคือ…

- [บทบาทสิบโทจินซอนชอล / คุณคังวูจิน]

เป็นที่นั่งของคังวูจิน

‘สิบโทจินซอนชอล’ อัจฉริยะผู้กำกับควอนกีแท็กแห่ง ‘เกาะแห่งผู้สูญหาย’ ให้วูจินรับบทนี้ไปครอง ด้านหลังบนโต๊ะปรากฏป้ายชื่อตัวละครมากมายมีจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว แม้จะแค่นักแสดงนำกับสมทบ แต่ก็มากกว่า ‘เพื่อนชาย’ ถึงสามเท่า ขนาดของภาพยนตร์เรื่องนี้ยิ่งใหญ่มาก ก็ไม่แปลกที่จะเป็นแบบนี้

รายชื่อนักแสดงก็หลากหลายมาก

นักแสดงนำ นอกจากคังวูจินแล้ว ทุกคนล้วนโด่งดังระดับท็อป ส่วนนักแสดงสมทบก็ล้วนแต่เป็นระดับตัวพ่อตัวแม่ของวงการ ทั้งนักแสดงที่ขึ้นชื่อเรื่องฝีมือการแสดงกับนักแสดงที่ผ่านงานแสดงมามากมายจนถูกเรียกว่า ‘เครื่องผลิตผลงาน’ หรือแม้แต่ระดับนักแสดงอาวุโสแค่เห็นรายชื่อนักแสดงทั้งหมดก็ทำเอาความคาดหวังพุ่งสูงแล้ว

เมื่อนักแสดงมารวมตัวกันมากขนาดนี้ การประชุมบทก็ต้องดุเดือดเป็นธรรมดา

พอป้ายชื่อตัวละคร เครื่องดื่ม และบทภาพยนตร์ถูกจัเวางเรียบร้อย ทีมงานเบื้องหลังที่เตรียมถ่ายทำวิดีโอ ‘เกาะแห่งผู้สูญหาย’ ตั้งแต่วิดีโอเบื้องหลังการถ่ายทำ ไปจนถึงวิดีโอโปรโมทก็เริ่มติดตั้งกล้องในห้องประชุมบท

“โอ้โห นักแสดงเยอะขนาดนี้ กล้องสองตัวไม่พอหรอกมั้ง ต้องเอาเพิ่มอีกสักสามตัวมั้ยเนี่ย”

“ครับผม! เดี๋ยวไปหยิบมาให้เลยครับ!”

ทีมงานคนสำคัญ เช่น ผู้กำกับภาพ ผู้กำกับแสง เริ่มทยอยกันเข้ามานั่งที่เก้าอี้ล้อมรอบโต๊ะรูปตัว Uแน่นอนว่าทั้งผู้จัดการส่วนตัวของนักแสดง และทีมงานบริษัทภาพยนตร์ก็มานั่งกันพร้อมหน้า บรรยากาศในห้องประชุมเริ่มคึกคักขึ้นเรื่อย ๆ

“คังวูจินรับบท ‘สิบโทจินซอนชอล’ จริง ๆ ด้วย”

ผู้กำกับแสงผู้มีพุงพลุ้ยพึมพำ ขณะมองป้ายชื่อตัวละคร ‘สิบโทจินซอนชอล’ บนโต๊ะ

“ตอนแรกที่ได้ยิน ผมนึกว่าล้อเล่นซะอีก”

คำตอบนั้นมาจากปากช่างภาพที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ดูท่าทางอายุอานามก็ไล่เลี่ยกับผู้กำกับควอนกีแท็ก

"เอาน่า ฉันก็คิดเหมือนกันแหละ 『สิบโทจินซอนชอล』 บทมันใหญ่เกินกว่าที่นักแสดงหน้าใหม่จะรับไหว อีกอย่างบทคนสองบุคลิกแบบนี้ ต่อให้นักแสดงเก๋าเกมก็ยังลำบาก"

"นั่นสิครับพี่ พูดแบบนี้ก็เหมือนกับว่าเราดึงตัวนักแสดงหน้าใหม่ที่ไม่เคยผ่านงานแสดงมาก่อนเลยนะ แม้ตอนนี้ 『นิติจิตวิทยา』 กำลังดังก็เถอะ แต่ผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้"

"แต่ฝีมือการแสดงเขาก็ไม่ใช่เล่น ๆ นะ ได้ยินคนพูดถึงนิติจิตวิทยากันเยอะแยะว่า คังวูจินน่ะเป็นเด็กที่นิสัยดี แล้วก็อดทนพอตัว"

"ถ้าอย่างนั้นก็ดีไปอย่างครับพี่ แต่ว่า.. ประสบการณ์เขาก็ยังอ่อนอยู่ดีนั่นแหละ ทั้งเรื่องสภาพจิตใจอีก คังวูจิน เพิ่งจะมีผลงานภาพยนตร์ยาวเรื่องแรกเองไม่ใช่เหรอ?"

สิ่งที่เขาพูดก็ถูก ในตอนนี้คังวูจินมีผลงานแสดงมากมายก็จริง แต่ผลงานที่เผยแพร่ออกไปจริง ๆ จัง ๆ ก็มีแค่『ผู้เชี่ยวชาญนิติจิตวิทยาเสเพล』 เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น นิติจิตวิทยาก็เป็นแค่ผลงานสั้น 4 ตอนจบ 『สำนักงานนักสืบ』 กับ『พ่อค้ายาเสพติด』 ก็เป็นแค่งานแก้ขัดส่วน 『เพื่อนชาย』 ก็เป็นเพียงละครสั้น ๆ เท่านั้น

พูดง่าย ๆ ก็คือ 『เกาะแห่งผู้สูญหาย』 ถือเป็นผลงานภาพยนตร์เรื่องยาวเรื่องแรกของเขา

การแสดงแบบฉาบฉวยกับการแสดงที่ต้องใช้เวลาถ่ายทำนาน ๆ นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

"ช่วงแรกก็ไม่รู้หรอกว่าเขาจะทำได้ดีแค่ไหน แต่ถ้าถ่ายทำไปเรื่อย ๆ แล้วเขาเกิดหมดแรงขึ้นมาจะทำยังไง?"

"ฮ่า ๆ ๆ ผู้กำกับควอนก็น่าจะดูคนออกน่า"

ดูเหมือนว่าการสนทนาของทั้งสองจะเริ่มดึงดูดให้คนอื่น ๆ เข้าร่วมวงสนทนาด้วยแล้วสิ

“เป็นการเดิมพันชัด ๆ ‘สิบโทจินซอนชอล’ บุคลิกสองด้านแบบนั้น เขาจะแสดงออกมาแบบไหนได้ แม้จะวิเคราะห์มาดีแค่ไหน แต่วันนี้ แต่ละคนก็ระดับท็อป แถมยังอาวุโสทั้งนั้น ถ้ากดดันขึ้นมาจะทำยังไง?”

“ไม่ใช่แค่นั้นนะ ผู้กำกับควอนกีแท็กเชียวนะ แค่นั่งเป็นนักแสดงสมทบก็กดดันจะแย่ นี่เล่นเป็นตัวร้ายระดับพระเอก โอ๊ย ถ้าเป็นฉันคงขี้แตกคาห้องซ้อมบทแน่ แถมยังมี แต่คนจับตามองอีกตั้งเท่าไหร่”

รวมถึงทีมงานคนสำคัญอย่างผู้กำกับเสียงด้วย

- “ก็นั่นแหละ มันคือโชคชะตาของนักแสดงดาวรุ่งไม่ใช่เหรอ หนักแค่ไหนก็ต้องทน แต่สำหรับนักแสดงที่เพิ่งเดบิวต์ได้หกเดือน มันก็โหดไปหน่อยนะ”

“แถมตอนนี้วูจินก็ถ่ายทำซีรีส์โรแมนติกอยู่ไม่ใช่เหรอ?”

“อ่าNetflix ‘เพื่อนชาย’น่ะเหรอ?”

“ใช่ ๆ ดูจากตารางงานแล้วน่าจะถ่ายอยู่ นักแสดงหน้าใหม่จะแบ่งสมาธิได้ดีแค่ไหน แบบนี้มันไม่ได้ต่างจากเดิมแค่เส้นบาง ๆ แต่นี่ต้องลืม ‘เพื่อนชาย’ ไปเลยนะ”

“ก็มีบ้างแหละน่า นักแสดงที่เล่นซีรีส์โรแมนติกสั้น ๆ แล้วติดลมบนรับแต่บทแนวโรแมนติก แต่ถ้าทำได้ดีก็คงจะได้ชื่อว่าเป็นนักแสดงพันหน้าล่ะนะ”

ผู้กำกับภาพที่หน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยหัวเราะหึออกมา

“ไม่ว่าจะล้มไม่เป็นท่า หรือจะลากทุกคนลงไปด้วย ยังไงวันนี้ก็เป็นวันที่คังวูจินจะได้จารึกชื่อในฐานะนักแสดงล่ะนะ”

สุดท้ายแล้วทุกคนก็เห็นพ้องต้องกัน

ในขณะเดียวกัน

ขณะที่เหล่าทีมงานส่วนใหญ่พากันมุ่งหน้าไปยังห้องอ่านบท เหล่านักแสดงจาก 'เกาะแห่งผู้สูญหาย' ก็กำลังตื่นตาตื่นใจกับฉากขนาดยักษ์ที่กว้างขวางสุดลูกหูลูกตานักแสดงประกอบอย่าง รยูจองมิน คิมอีวอน ชอนอูชาง ต่างก็มาอยู่ที่นี่กันพร้อมหน้าพร้อมตา มีเพียงฮายูราที่ดูเหมือนจะไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษ ปล่อยให้สายตาเหม่อลอยไปเรื่อยเปื่อย ขณะที่นักแสดงคนอื่น ๆ ต่างก็แยกย้ายกันไปสำรวจสถานที่ตามใจชอบ

เอาเถอะ

“ว้าว! สุดยอดไปเลยแฮะ”

คิมอีวอน ผู้มีใบหน้าคมคาย อุทานออกมาด้วยความตื่นตะลึงเมื่อได้เห็นฉากเบื้องหน้า ชอนอูชาง หนุ่มร่างกำยำ เดินตามมาสมทบ

“ผมว่ามันมากกว่าคำว่าสุดยอดอีกนะครับ แบบนี้ถ่ายทำเสร็จแล้วเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวได้เลยนะเนี่ย”

“ก็นั่นน่ะสิ เสียดายแย่เลยถ้าจะทุบทิ้ง แบบนี้ต้องมีการตกลงกับทางหน่วยงานไว้ก่อนแล้วแน่ ๆ ถึงสร้างออกมาได้อลังการขนาดนี้”

“แต่แบบว่า พวกเขาไปหาโลเคชั่นที่เหมือนในบทภาพยนตร์เป๊ะ ๆ แบบนี้ได้ยังไงกัน ผมว่าอันนี้สิเจ๋งกว่า”

“ก็คงต้องตระเวนหาไปทั่วประเทศ นั่นแหละ”

เสียงชื่นชมของทั้งคู่แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ทำให้นักแสดงคนอื่น ๆ พากันหันมาพูดคุยถึงฉากต่าง ๆ อย่างออกรส

-แวบ

คิมอีวอน ขยับเข้าไปหารยูจองมินที่ยืนเงียบมาสักพักใหญ่ ๆ

“พี่จองมินเป็นอะไรรึเปล่าครับ?”

“...เปล่าหรอก แค่รู้สึกว่าพอได้เห็นฉากแบบนี้แล้ว มันก็รู้สึกเหมือนกับว่าทุกอย่างกำลังจะเริ่มต้นขึ้นจริง ๆ ซะที”

“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ผมก็แอบตื่นเต้นเหมือนกัน”

ชอนอูชางที่ยืนยิ้มอยู่ไม่ไกล เอ่ยขึ้นบ้าง

“ผมก็ด้วยครับ ไม่ได้เล่นหนังฟอร์มยักษ์แบบนี้นาน ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวกับพี่ ๆ ด้วยนะครับ ฮ่า ๆ”

“ว่าแต่วูจินหายไปไหนนะ เมื่อกี้ยังเห็นอยู่เลย”

“อ่า จริงด้วย ไปที่ห้องอ่านบทก่อนรึเปล่า?”

“วูจินเป็นคนที่ได้รับความสนใจจากทุกคนในกองถ่าย แถมยังโดนจับตามองตลอดเวลา แบบนี้คงกดดันน่าดู แต่เขากลับดูนิ่งมากเลยนะ”

“โดยพื้นฐานแล้ว เหมือนกับเขาจะเป็นคนเย็นชาเลยล่ะครับ”

“ว่าแต่‘สิบโทจินซอนชอล’ เขาเขียนบทมายังไงกันนะ ผมล่ะอยากรู้จริง ๆ พี่จองมิน พี่ก็รู้ ว่าพี่น่ะชมเขาไว้เยอะ ผมเลยยิ่งคาดหวังสุด ๆ ไปเลย ผมจริงจังมากนะเนี่ย”

“ได้ยินมาว่าเขาเป็นพวกเรียนจบจากต่างประเทศใช่มั้ยครับ แล้วก็- อ่า ว่ากันว่าเขาแสดงแบบล่องลอย แต่เหมือนกลับกลืนกินทุกอย่างเลย”

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เขาต้องมาเล่นเป็นตัวละครบุคลิกแบบสองบุคลิกเนี่ยนะ······มันยากจริง ๆ นะ พูดตามตรงก็กดดันอยู่เหมือนกัน แถมทั้งบทบาทและสเกลหนังยิ่งแล้วใหญ่”

รยูจองมินตอบกลับสั้น ๆ

“อืม เราแค่สนใจเรื่องของเราก็พอเถอะ”

ได้ยินดังนั้น คิมอีวอนกับชอนอูชางก็มองหน้ากัน ยักไหล่เบา ๆ รยูจองมินที่ยืนอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ด้านหลังพวกเขา สวมหมวกที่กดต่ำลงมา ปิดบังผมที่ดูเหมือนกำลังไว้ยาว กวาดตามองไปทั่วทั้งบริเวณกองถ่าย

“······”

แม้แต่ในฐานะนักแสดงนำชายที่คลุกคลีอยู่ในวงการมานับสิบปี เขาก็ต้องยอมรับว่าขนาดของกองถ่ายนั้นอยู่ในระดับต้น ๆ เลยทีเดียว จังหวะหัวใจของรยูจองมินเริ่มเร็วขึ้นเรื่อย ๆ แต่กลับกัน ความรู้สึกของเขากลับสงบลง หรือควรพูดว่า ตอนนี้ความคิดของเขาลบอดีตทั้งหมดทิ้งไปแล้ว

‘คิดถึงแค่ตัวเอง คิดถึงแค่ตัวเองเท่านั้น’

หรือจะบอกว่าเขาแทบจะปลดภาระในฐานะนักแสดงนำชายหรือนักแสดงระดับท็อปไปหมด แล้วก็ได้ ตอนนี้ในหัวของเขามีแต่เรื่องการแสดงเต็มไปหมด รยูจองมินในแบบนั้นเริ่มนึกทบทวนบทบาทที่เขาได้รับ

‘ร้อยโทชเวยูแท’

‘ร้อยโทชเวยูแท’ ใน ‘เกาะแห่งผู้สูญหาย’ แทบจะเรียกได้ว่าเป็นตัวละครที่ขับเคลื่อนเรื่องราว เพียงแต่เขาไม่ใช่คนเริ่มต้นก่อเรื่อง ‘พลทหารคิม’ ต่างหากที่เป็นคนเริ่มต้นเรื่องราวแรกใน ‘เกาะแห่งผู้สูญหาย’

หรือถ้าจะให้พูดให้ถูก ทุกอย่างเริ่มต้นจาก ‘การหายตัวไป’

ในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ท่ามกลางความเงียบสงบของชนบทเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นชาวบ้านสามคนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย สร้างความตื่นตระหนกและหวาดกลัวไปทั่ว ชาวบ้านต่างพากันออกตามหาอย่างสุดกำลัง ตำรวจหน่วยดับเพลิงและกองทัพถูกเรียกตัวมาเพื่อช่วยเหลือ แต่ก็ไร้วี่แววของผู้สูญหายทั้งสาม ยิ่งไปกว่านั้นคำให้การของชาวบ้านที่อ้างว่าได้ยินเสียงปืนดังขึ้นยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก

และแล้วหายนะที่ใหญ่กว่าก็มาเยือน

ในขณะที่ปฏิบัติการค้นหายังคงดำเนินต่อไป ทหารสิบห้านายก็หายตัวไปอีกรวมถึงพลทหารคิมด้วย

เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน?

หมู่บ้านแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่ไปกว่าพื้นที่ที่รายล้อมไปด้วยภูเขา ความเป็นไปได้มากที่สุดคือพวกเขาอาจหลงเข้าไปในป่าลึกที่ทอดยาวไปทางด้านหลังของหมู่บ้าน ปฏิบัติการค้นหาจึงมุ่งเน้นไปที่บริเวณนั้น แต่ก็ยังไม่พบร่องรอยใด ๆ จำนวนผู้สูญหายเพิ่มขึ้นเป็นสิบห้าคนแล้ว

และแล้ว ร้อยโทชเวยูแท ที่รับบทโดย รยูจองมิน ก็ปรากฏตัวขึ้น

เขาและหน่วยของเขาได้รับมอบหมายให้ร่วมปฏิบัติการค้นหา ในขณะที่กำลังสำรวจป่าอยู่นั้น ร้อยโทชเวยูแท ก็ไปพบกับถ้ำลึกลับแห่งหนึ่งมีกลิ่นเหม็นโชยออกมา เขาจึงทำเครื่องหมายไว้ที่ปากถ้ำและเลือกกำลังพลส่วนหนึ่งเข้าไปสำรวจด้านใน ร้อยโทชเวยูแท เดินนำหน้าสำรวจอย่างระมัดระวังและทันใดนั้นเอง

เขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้คนดังมาจากส่วนลึกของถ้ำ

เป็นเสียงกรีดร้องปนเปื้อนความเจ็บปวดเหมือนกับว่ามาจากหลายคน ‘อยู่ที่นี่แน่’ เขาคิด ‘ข้างในนี้ต้องมีอะไรบางอย่างแน่ ๆ’ ร้อยโทชเวยูแทมั่นใจว่าผู้สูญหายต้องอยู่ที่นี่ แต่การเข้าไปลึกกว่านี้ก็เต็มไปด้วยความเสี่ยง ผู้สูญหายตอนนี้ก็มากกว่าสิบคนแล้ว เขาไม่อยากให้มีใครต้องหายตัวไปอีก

ในที่สุดร้อยโทชเวยูแทก็ตัดสินใจถอยทัพกลับมายังปากถ้ำก่อน

แต่มีบางอย่างแปลกไป ถ้ำที่พวกเขากลับออกมา รูปร่างมันเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกหรือ? ‘ร้อยโทชเวยูแท’ และลูกน้องต่างรู้สึกสงสัย รูปร่างของถ้ำเปลี่ยนไป มีบางอย่างที่ตอนเข้าไปไม่มีปรากฏขึ้น รอยเลือดที่เปื้อนตามผนังถ้ำ หรือซากสัตว์ที่เห็นได้ทั่วไป ความรู้สึกไม่สงบเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น ทันใดนั้น จ่าคนหนึ่งก็ร้องตะโกน “นั่นไง!”

เพราะเขาเห็นทางออก

‘ร้อยโทชเวยูแท’ และลูกน้องรีบออกมาจากถ้ำ ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็สัมผัสได้ว่า ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจากมาอย่างแน่นอน ตอนเข้าไปมันยังเป็นตอนกลางวัน แต่ตอนนี้ออกมากลับกลายเป็นกลางคืน

ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ทิวทัศน์ของป่าเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

พื้นดินที่แฉะแดนต่างกัน กลิ่นน้ำทะเลที่ลอยมาตามลมก็ต่างกัน แม้แต่ป่ายังดูรกครึ้มกว่าเดิมหลายเท่า นี่เป็นสิ่งที่ ‘ร้อยโทชเวยูแท’ และลูกน้องทุกคนต่างก็รับรู้ได้ ตั้งแต่แรกที่หน้าทางเข้าถ้ำควรจะมีทหารอีกชุดรออยู่ แต่ที่นี่กลับไม่มีใครเลย นอกจากพวกเขา แล้วก็ไม่มีใครอีก เสียงลมที่พัดผ่านป่าก็เงียบสงัด

แน่นอน ที่นี่คือที่อื่น

แต่ที่นี่มันที่ไหนกันแน่? ในตอนนั้นเอง ลูกน้องคนหนึ่งก็พบอะไรบางอย่างบนพื้นดินที่แฉะแดน รอยเท้าคน จำนวนไม่น้อยเลย

ในชั่วพริบตานั้นเอง

“ครืด—”

เสียงประหลาดดังขึ้นจากในถ้ำ มีบางอย่างยาว ๆ พุ่งออกมาเฉียดคอลูกน้องคนหนึ่ง

-ฉึก!

หัวของเขากรุดหลุดออกจากตัว ปักลงไปบนพื้นดินที่แฉะแดน ‘ร้อยโทชเวยูแท’ นายทหาร และลูกน้องที่เหลือต่างก็ยืนแข็งค้าง พวกเขามองไปที่หัวที่ตกอยู่บนพื้น เหมือนไม่ใช่เรื่องจริง

ทันใดนั้นเอง เสียงประหลาดก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“ครืด— ครืด—”

เสียงนั้นสิ้นสุดลงสิ่งยาว ๆ บางอย่างก็พุ่งออกมาจากถ้ำ ร่างของทหารคนหนึ่งขาดออกจากกัน คอถูกตัดหรือร่างกายถูกตัดขวาง ไม่ว่าแบบไหนก็เป็นภาพที่หาดูได้ยากในโลกความเป็นจริง ทุกคนตกอยู่ในความโกลาหล สิบโทคนหนึ่งสติแตกยิงปืนเข้าไปในถ้ำ

แสงวาบจากการกดไกส่องสว่างให้กับความมืดมิดรอบข้างเพียงชั่วครู่

ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง รอยยิ้มของสิบโทจินซอนชอลก็ปรากฏขึ้ นแม้ไม่มีใครสังเกตเห็นก็ตาม สิบโทคนนั้นยิงปืนออกไปสิบนัด ร้อยโทชเวยูแทรีบเข้าขัดขวาง ความเงียบเข้ามาแทนที่ เสียงร้องประหลาดนั้นหายไปแล้ว แต่ไม่มีใครรู้ว่ามันจะกลับมาอีกเมื่อไหร่ ร้อยโทชเวยูแทจึงรีบรวบรวมคนแล้วถอนตัวออกจากตรงนั้นทันที

ส่วนศพสองศพค่อยกลับมารับทีหลัง

ทุกคนวิ่งไปข้างหน้า ฝ่าความมืดในป่า นำโดยกลุ่มนายทหารส่วนร้อยโทชเวยูแทอยู่ท้ายขบวน ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แสงอาทิตย์เริ่มส่องสว่างไล้ขอบฟ้าที่อยู่ไกลออกไป จากโลกที่เคยมืดมิด ตอนนี้กลับสว่างไสว ร้อยโทชเวยูแทสั่งให้ทุกคนหยุดก่อนจะเดินสำรวจไปรอบ ๆ เพียงลำพัง

เขาเดินฝ่าพุ่มไม้ผ่านรูปปั้นประหลาดข้ามบ้านร้าง

และพบกับหัวเน่า ๆ กลิ้งอยู่บนพื้น เป็นหัวของพลทหารคิม ในจังหวะนั้นเอง เสียงคลื่นกระทบฝั่งก็ดังแว่วมาราวกับอยู่ใกล้แค่เอื้อม เป็นไปไม่ได้ที่นี่จะมีทะเล

เพราะรอบ ๆ หมู่บ้านที่เกิดเหตุมี แต่ภูเขาล้อมรอบไม่ใช่หรือ

ร้อยโทชเวยูแทกลืนน้ำลายก่อนจะเดินตามเสียงนั้นไป ไม่นานก็พบกับหน้าผาสุดปลายป่า เบื้องหน้าคือท้องทะเลที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา

มันไม่สมเหตุสมผล แต่นี่คือความจริง

ที่นี่มันที่ไหนกัน ‘ร้อยโทชเวยูแท’ เบิกตากว้าง กวาดตามองไปตามเส้นขอบฟ้าเบื้องหน้า เห็นบ้านเรือนหรือบางทีอาจเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ตั้งอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่หมู่บ้านที่เขาพบกับชายคนนั้น หมู่บ้านนี้ถูกล้อมรอบด้วยป่าทึบและมีผืนน้ำกว้างใหญ่โอบล้อม

พูดง่าย ๆ ว่าตอนนี้เขาอยู่บนเกาะ

บ้าไปแล้ว ‘ร้อยโทชเวยูแท’ ได้แต่คิดอย่างไม่เข้าใจ เกิดอะไรขึ้น? หรือว่าเขาถูกส่งข้ามมิติมายังที่แห่งนี้? และที่น่าสงสัยไปกว่านั้นคือ เขารู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนบางอย่างราวกับมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน นั่น นี่มันหมายความว่ายังมีมนุษย์คนอื่นอาศัยอยู่? แต่เมื่อคืนก่อนมีเสียงปืนดังขึ้น ถ้าอย่างนั้นพวกเขาต้องระวังตัวไว้ก่อน หรือบางทีเขาควรจะตั้งข้อสงสัยกับทุกสิ่งบนเกาะแห่งนี้

‘ร้อยโทชเวยูแท’ ครุ่นคิดขณะที่เดินกลับไปยังจุดที่เขาทิ้งลูกน้องเอาไว้

ถ้ำ สิ่งมีชีวิตประหลาดเกาะปริศนา และผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ เขาพยายามรวบรวมทุกอย่างที่พบเจอและความทรงจำที่เลือนรางเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งหมดอาจเชื่อมโยงกับการหายตัวไปของทหารหน่วยก่อนหน้า ‘ร้อยโทชเวยูแท’ และลูกทีมก็เช่นกัน ทำไมที่แห่งนี้ถึงได้เต็มไปด้วยปริศนามากมายเช่นนี้

แต่ที่แน่ ๆ เขาอาจต้องจบชีวิตลงที่นี่ก็ได้

‘เกาะแห่งผู้สูญหาย’ แห่งนี้อาจเป็นดินแดนไร้กฎเกณฑ์ก็เป็นได้

ณ เวลานั้น

คังวูจินในชุดสบาย ๆ เสื้อยืดกางเกงยีนส์กำลังเดินสำรวจรอบ ๆ บริเวณกองถ่าย หรือจะเรียกว่าเดินเล่นก็คงไม่ผิดนัก การถ่ายทำจะเริ่มขึ้นในอีกสามชั่วโมงข้างหน้าและผู้กำกับควอนกีแท็กก็แนะนำให้เขาออกมาเดินเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์

- ซ่า

แม้จะเป็นฤดูร้อน แต่อากาศในป่าก็เย็นสบาย ต้นไม้หนาทึบช่วยบดบังแสงแดดจากภายนอก ที่นี่ไม่ใช่ภูเขาสูงชันนัก บรรยากาศเงียบสงบราวกับสวนสาธารณะขนาดย่อมที่ถูกสร้างขึ้นท่ามกลางธรรมชาติ

แต่ว่า

‘อะไรน่ะ? รูปปั้น นั่นชวนขนลุกชะมัด’

กลางทางมีอะไรแปลก ๆ ที่ทีมงานจัดฉากเอาไว้โผล่มาให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ ทั้งหลุมศพที่ถูกขุดคุ้ย รูปปั้นประหลาดที่ถูกฝังหัวลงดิน เลือดที่เปรอะเปื้อน ต้นไม้ บ้านร้างที่ดูน่าขนลุก

ถ้าไม่นับพวกนั้นก็นับว่าเป็นการเดินเล่นที่น่าพอใจทีเดียว

‘แบบนี้มันก็เยี่ยมไปเลยนี่นา ฮีลใจใช้ได้เลย’

คังวูจินแอบยิ้มกับตัวเอง

ทันใดนั้นเอง

“อึ้ย!!”

วูจินสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นหุ่นสัตว์ที่ถูกวางเอาไว้ข้างทาง เขาตั้งสติได้ในทันที เสียงแบบนั้นมันไม่น่าจะหลุดออกมาจากภาพลักษณ์ที่ดูสุขุมแบบเขา

และคนที่อยู่ด้านหลังเขาก็คือ

“พี่!!”

ผู้ดูแลจางซูฮวานนั่นเอง

จบ

\ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร\ลงแบบราคาถูกแค่ในMy-NovelและThai-novel\เท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับ\หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก\ ;-;_

5 1 โหวต
Article Rating
3 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด