ตอนที่แล้วทุกคนเปลี่ยนอาชีพ : แต่นักฝึกมังกรกากสุดงั้นเหรอ? ตอนที่ 35 เติบโตเป็นร่างใหม่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปทุกคนเปลี่ยนอาชีพ : แต่นักฝึกมังกรกากสุดงั้นเหรอ? ตอนที่ 37 ทำไมถึงหึงน้าชั้นล่ะ?

ทุกคนเปลี่ยนอาชีพ : แต่นักฝึกมังกรกากสุดงั้นเหรอ? ตอนที่ 36 น้าจะสกปรกเอานะ


ค่าสถานะทั้งสี่ของเสี่ยวเย่นั้นมีความสมดุล ยกเว้นแต่ค่าความคล่องแคล่วที่น้อยกว่าค่าอื่นเล็กน้อย แต่ค่าอื่นนั้นมีค่ามากพอ ๆ กัน

โดยเฉพาะเมื่อมังกรดำเป็นเผ่าพันธุ์ที่บ่มเพาะทั้งความแกร่งและจิต มันคือสองค่าที่แสดงถึงพลังทางกายภาพและพลังเวทย์ที่มีมากไม่ต่างกัน

ร่างนักทำลายและร่างมังกรทำลายล้างนั้นแตกต่างกันในทิศทางการปลดปล่อยพลังของเสี่ยวเย่

ทั้งสองร่างจะสละค่าสถานะด้านหนึ่งครึ่งส่วนเพื่อเพิ่มค่าสถานะอีกด้านเป็นสองเท่า

โดยรวมแล้วผลรวมของค่าสถานะทั้งสี่ได้เพิ่มขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเสี่ยวเย่เพิ่มพลังขึ้นอย่างมากหลังจากที่เปลี่ยนร่าง

ครั้งต่อไป เมื่อเสี่ยวเย่ต่อสู้กับศัตรู ลู่ฟานจะเลือกได้ว่าให้เสี่ยวเย่อยู่ในร่างมังกรทำลายล้างหรือนักทำลาย ขึ้นอยู่กับลักษณะของศัตรู

อย่างเช่น ในการต่อสู้คราวที่แล้วกับวิญญาณแค้นที่ต้านทานการโจมตีกายภาพ เสี่ยวเย่จะแปลงเป็นร่างมังกรทำลายล้างได้

แม้ว่าค่าความแกร่งลดลงครึ่งหนึ่ง แต่ค่าจิตของเสี่ยวเย่จะเพิ่มขึ้นสูงเสียดฟ้าไปถึง 2600+

ด้วยไฟจากเพลิงลาวา วิญญาณแค้นอาจจะทนได้ไม่ถึงสิบวินาทีก่อนที่จะละลายหายไปก็ได้

เช่นเดียวกัน ถ้าหากไปเจอศัตรูที่ต้านทานเวทย์สูงแต่ป้องกันกายภาพต่ำ เสี่ยวเย่ก็สามารถแปลงร่างเป็นร่างนักทำลายที่มีค่าความแกร่ง 2700 ใครจะเอาอยู่ล่ะ?

ถ้าหากศัตรูมีค่าสถานะสมดุล ลู่ฟานก็ยังให้เสี่ยวเย่ต่อสู้ได้ในร่างต่อสู้

เสี่ยวเย่มีค่าความแกร่งและค่าจิตที่ทำให้เขาไม่ต้องเกรงกลัวผู้ใด

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อทำการค้นหาข้อมูลมาแล้ว ลู่ฟานพบว่าในคำอธิบายสกิล คำว่า ‘ความกลัว’ นั้นจะถูกใช้ในสกิลของร่างมังกรทำลายล้าง

จะเห็นได้ว่าสองสกิลที่เพิ่มขึ้นมาในร่างมังกรทำลายล้างนั้นคือ เผาสรรพสิ่งและระเบิดลาวา มันคือสกิลที่แข็งแกร่งกว่ากรามกัดและเพลิงลาวาแน่นอน

ในขณะเดียวกัน สองสกิลของร่างนักทำลายก็มีผลในการควบคุมศัตรู ซึ่งจะดีกว่าในการต่อสู้ระยะประชิด

ร่างทั้งสองมีลักษณะที่ต่างออกไปอย่างชัดเจน ถ้าหากใช้ได้ดี ประสิทธิภาพในการต่อสู้ของเสี่ยวเย่จะเพิ่มขึ้นไปในระดับที่เหนือกว่าเดิม

จนถึงตอนนี้ลู่ฟานยังไม่ได้ทดสอบเลยว่าเสี่ยวเย่ในตอนนี้น่าสะพรึงกลัวเพียงใด

ดูเหมือนว่าเสี่ยวเย่จะได้แสดงพรสวรรค์ก็ต่อเมื่อถึงการสอบใหญ่เท่านั้น

ไม่นานรถหรูก็พาลู่ฟานมาถึงตลาดซื้อขายวัตถุดิบ

ลู่ฟานขอให้คนขับหยุดที่หน้าประตูและรอเขาสักครู่ เขาเดินเข้าไปในตลาด

คนส่วนใหญ่ในตลาดนั้นเป็นนักล่าวัตถุดิบที่ดูเหมือนกับขอทาน แล้วก็ยังมีกลุ่มทหารรับจ้างที่ดูดีกว่า ไม่ก็ข้ารับใช้ตระกูลใหญ่ที่มาซื้อวัตถุดิบ

พวกเขาล้วนมาที่นี่ด้วยเหตุผลเดียวกัน นั่นคือการแลกเปลี่ยนวัตถุดิบ

ที่ภายนอกของตลาดนั้นมีพวกนักลงทุนรายย่อยและมีนักล่าวัตถุดิบหลายคนที่ตั้งร้านค้าขายของต่อรองกับคนเดินตลาด

เขาจะหาเงินได้มากกว่าโดยการตั้งร้านขายวัตถุดิบที่นยี่ แต่ลู่ฟานไม่อยากจะเสียเวลาเท่าไหร่

เพราะเขาอยากจะรีบกลับบ้านเพื่อให้น้าของเขาไม่เป็นห่วง

เมื่อลู่ฟานเดินเข้าไป เขามาถึงหน้าต่างซื้อขายของ

หากมีวัตถุดิบ พวกเขาจะรับซื้อ แน่นอนว่าราคาจะต่ำกว่าราคาตลาด

เพราะองค์กรของพวกเขาทำเงินจากส่วนต่างระหว่างราคาวัตถุดิบกับราคาขาย

ลู่ฟานมาที่นี่และหยิบวัตถุดิบออกมาจากช่องเก็บของตัวละครและขอให้พนักงานประเมินราคา

เมื่อเห็นลู่ฟานหยิบวัตถุดิบล้ำค่าออกมามากมายรวมถึงฟันของมอนสเตอร์กึ่งบอสเลเวล 25 พนักงานนั้นตกใจในทันทีและไม่ดูถูกเขาแม้แต่น้อยเพราะลู่ฟานดูอายุน้อยและไม่น่าจะเป็นนักล่าวัตถุดิบ

เขาถึงกับล่ามอนสเตอร์กึ่งบอสเลเวล 25 ได้ เขาจะต้องเป็นยอดฝีมือของเมืองเจียงไห่แน่นอน

พนักงานรีบเชิญลู่ฟานไปที่ห้องส่วนตัวหรูหราเพื่อพักผ่อนและขอให้คนมานับวัตถุดิบให้

สุดท้ายเมื่อผ่านเวลายี่สิบนาที ลู่ฟานได้เงินทั้งหมด 280,000 เหรียญมังกร

เงินถูกฝากในบัตรของลู่ฟาน หลังจากยืนยันการโอนแล้วลู่ฟานก็ออกมาพร้อมกับบอกให้คนขับรถตระกูลฉินพาเขาไปส่งที่ร้านซาลาเปาของน้า

หลังเดินลงจากรถ ลู่ฟานบอกให้คนขับรถกลับไปและเดินเข้าร้านซาลาเปาเอง

ประตูร้านซาลาเปานึ่งอยู่ไกลออกไป แต่เมื่อลู่ฟานมาถึง เขาพบว่าร้านซาลาที่ชั้นแรกนั้นว่างเปล่าและมีหลายสิ่งยังคงเดิมในตอนที่เขาเดินทางออกมา เห็นได้ชัดว่าร้านไม่ได้เปิดมาหลายวันแล้ว

หรือว่าน้าของเขาจะไม่ได้เปิดร้านมาจนถึงวันนี้?

ลู่ฟานสับสนเล็กน้อยและตะโกนไปชั้นบน

“น้าครับ ผมกลับมาแล้ว น้าอยู่ไหม?”

เมื่อลู่ฟานพูดจบเขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากชั้นบน

เสียงฝีเท้าเร่งรีบดังพร้อมกับหานเค่อที่วิ่งลงมาจากบันไดด้วยผมเผ้ายุ่งเหยิง เธอเกือบจะตกจากบันได

“เสี่ยวฟาน?! กลับมาแล้วเหรอ?!”

หานเค่อลงบันไดและเห็นลู่ฟาน เธอน้ำตาไหลออกมาทันทีและกอดลู่ฟานสะอื้น

“ทำไมถึงไม่บอกน้าก่อนจะเข้าไปในป่าล่ะ? รู้ไหมว่าน้าเป็นห่วงมากี่วัน…”

ลู่ฟานไม่คิดเลยว่าหานเค่อจะเป็นแบบนี้เมื่อได้เจอเขาอีกครั้ง

เขารู้สึกถึงอ้อมกอดอบอุ่นของน้าและพูดอย่างกระอักกระอ่วน

“น้าครับ ผมไม่เป็นไร…ปล่อยผมก่อนเถอะ ผมอยู่ในป่ามานาน ไม่ได้อาบน้ำมาหลายวันแล้ว ตัวสกปรกไปหมด น้าจะสกปรกเอานะ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด