บรรลุมรรคาด้วยวิชาบำเพ็ญคู่ ตอนที่ 17 [18+]
บรรลุมรรคาด้วยวิชาบำเพ็ญคู่ ตอนที่ 17 [18+]
“แต้มผลงาน 1,000 แต้มไม่ว่าเป็นหรือตาย!!!” ซุนเหว่ยอุทานด้วยความตกใจหลังจากอ่านป้ายประกาศจับของเขา
“ผ่านไปแค่สัปดาห์เดียว ทำไมสถานการณ์ถึงเลวร้ายขนาดนี้ เสี่ยวฟาง เจ้าไปฉุดลูกสาวผู้อาวุโสมาหรือเปล่า?!” ซุนเว่ยถามอย่างตื่นตระหนก
เสี่ยวฟางจ้องไปที่คำว่า "ไม่ว่าเป็นหรือตาย" บนป้ายประกาศ ก่อนจะหัวเราะร่า
“พวกเขาคิดจริงเหรอว่าจะจับข้าได้ ตอนที่ข้ายังอยู่ในขอบเขตกายปรับแต่งขั้นที่ 8 ผู้อาวุโสที่นิกายเก่าของข้ายังจับข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ ตอนนี้ข้าอยู่ในขอบเขตกายเสริมแกร่งแล้ว ฝันไปเถอะว่าจะจับข้าได้ ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“แล้วข้าล่ะ เจ้าโง่! ถ้าพวกเขารู้ว่าข้าช่วยเจ้าขึ้นมาจะทำยังไง?”
“อา ใช่ ข้าควรเก็บตัวสักระยะ เผื่อว่าพวกเขาจะตามแกะรอยจากเจ้า”
........
........
........
3 วันต่อมา...
เสี่ยวฟางเคาะประตูห้องพักแห่งหนึ่ง วันนั้นเขาได้ฝึกฝนกับศิษย์ 22 คนแล้ว และกำลังจะฝึกฝนกับศิษย์คนที่ 23
ซุนเว่ยกลับไปที่หอคัมภีร์ของนิกายหลังจากเห็นป้ายประกาศ นางไม่อยากมีส่วนร่วมในแผนการบ้าๆของเสี่ยวฟางอีกแล้ว ดังนั้น เสี่ยวฟางจึงกลับไปเยี่ยมลูกค้าเก่าและให้บริการ
ผู้ที่มาเปิดประตูไม่ใช่คนที่เขารู้จัก แต่เป็นคนๆหนึ่งที่ได้รับการแนะนำมา ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกกังวล สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกกังวลคือท่าทางเขินอายและประหม่าที่ปรากฏบนใบหน้าของนาง เสี่ยวฟางทราบทันทีว่านางไม่ได้รู้สึกเขินอายหรือประหม่า แต่รู้สึกกลัวเล็กน้อย
เสี่ยวฟางหลับตาและตรวจสอบภายในบ้านของนาง แต่ก็ไม่พบความผิดปกติใด
"ถ้าเจ้าต้องการ ข้าสามารถกลับมาใหม่ในภายหลัง"
“ไม่! ไม่... เข้ามาสิ”
เสี่ยวฟางเดินเข้าไปในห้องนอนของนาง ห้องของนางถูกปิดไว้ก่อนหน้านี้ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ข้างในได้ แม้ว่าเขาจะสัมผัสได้ถึงสิ่งต่างๆผ่านผนังบาง หรือแม้แต่กระจกได้ก็ตาม แต่หากผนังนั้นหนาพอ เสียงก็ไม่สามารถเดินทางผ่านเข้าไปได้ง่าย เขาหลับตาและกวาดมองโดยรอบอีกครั้ง กระนั้นก็ยังไม่พบสิ่งน่าสงสัยใดๆ
พวกเขาเดินเข้ามา จากนั้นนางก็ปิดประตูตามหลัง นางลังเลอย่างมากที่จะถอดเสื้อผ้าต่อหน้าเสี่ยวฟาง เสี่ยวฟางจึงบอกนางว่าพวกเขาสามารถทำขณะสวมเสื้อผ้าได้
นางขอให้เขานอนหงาย นางพยายามควบคุมตัวเอง เขาจึงทำตาม เมื่อเขานอนลงแล้ว นางก็นั่งทับเขาโดยวางมือลงไว้ใต้หน้าอกของเขา นางดูคล้ายกับลังเลไม่ทราบว่าสมควรทำอย่างไรต่อ จากนั้นนางก็เริ่มล้วงมือไปใต้หมอนของเสี่ยวฟาง ในใจเสี่ยวฟางลอบถอนหายใจ
เขาเอามือแตะสัมผัสจุดอ่อนไหวของนางและสัมผัสริมฝีปากในของนาง นางคว้ามือเขาไว้ราวกับต้องการหยุดเขา แต่เขาก็ใช้นิ้วสอดลึกเข้าไปในถ้ำสีชมพูเล็กๆของนาง เสียงครวญครางของนางดังขึ้นอย่างสั่นเครือ แต่ผนังห้องของนางนั้นหนายิ่ง เสียงจึงไม่ได้เล็ดลอดออกไปข้างนอกได้ ในที่สุดนางก็เลิกต่อต้านและเริ่มบีบคลึงภูเขาแฝดของนางในขณะที่นิ้วของเขาล้วงคลึงภายในร่างกายของนาง ในที่สุดนางก็ถึงจุดสุดยอด เรื่องราวดำเนินไปเร็วกว่าที่นางคาดเอาไว้มาก
เสี่ยวฟางให้เวลาลูกค้าเพียง 10 นาทีเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่คิดเสียเวลา อีกต่อไป เมื่อน้องสาวของนางเริ่มหลั่งน้ำ เขาก็ชักกระบี่เนื้อของเขาออกมาและยัดมันเข้าไปจนมิดด้ามก่อนที่นางจะทันได้โต้ตอบใดๆ
นางสะดุ้งเฮือก และร่างกายของนางก็แข็งทื่อ
เมื่อเขาเริ่มเคลื่อนไหว เดิมทีแล้วนางก็รู้สึกเจ็บปวดแต่ภายหลังก็ค่อยๆเริ่มทานทนได้ แม้ว่าจะยากที่จะบอก แต่เสี่ยวฟางรู้สึกว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่นางคิดเอาไว้ว่าจะเกิดขึ้น แต่ร่างกายของนางก็ไม่สามารถหยุดเขาได้
พวกเขาฝึกฝนร่วมกันเป็นเวลา 5 นาที แม้ว่าถ้ำสวรรค์ของนางจะคับแน่น หากแต่ต้นขาของนางนั้นค่อนข้างใหญ่ดีทีเดียว
“นางคงอยู่ในขั้นปลายของขอบเขตกายพื้นฐานเป็นแน่” เสี่ยวฟางคิด
........
........
........
ในส่วนของกายพื้นฐาน กล้ามเนื้อจะเกิดการขยายตัว แต่เมื่อนางสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตกายปรับแต่งได้ กล้ามเนื้อก็จะหดตัวกลับไปสู่สภาพเดิม แต่จะแข็งแกร่งกว่าเดิมมาก
> ขอบเขตกายเสริมแกร่ง: ร่างกายจะสามารถแข็งแกร่งยิ่งกว่าหิน แต่มือกระบี่สามารถแข็งแกร่งได้ราวกับเหล็ก
เขาประทับใจกับความก้าวหน้าของนางในปัจจุบันมากทีเดียว
........
........
........
เขาเหลือเวลาอีกเพียง 5 นาทีที่จะทำให้นางไม่ลืมการฝึกร่วมกันนี้ ดังนั้น เขาจึงเป็นฝ่ายควบคุมทุกอย่าง
เสี่ยวฟางเริ่มอุ้มร่างของนางไปมา กระแทกใส่นางหลากหลายท่า จับต้นขาและบีบหน้าอกของนาง ทำให้นางเกิดอารมณ์จนสามารถจดจำพลังและความเหนือกว่าจากฝ่ามือของเขา
เขารู้ว่านางทนทานไม่ได้หากเขาใช้เคล็ดวิชานี้ เขาจึงรอจนเวลาใกล้หมดลงจึงค่อยใช้มัน จนกระทั่งหมดเวลา เขาจึงทำให้นางอยู่ในสภาวะใกล้จะเคลิ้มหลับ
เสี่ยวฟางพิงร่างของนางเข้ากับประตูตู้เสื้อผ้า ด้วยความบังเอิญ เสียงที่เกิดขึ้นทำให้เสี่ยวฟางเห็นภาพของสิ่งที่อยู่ข้างในได้อย่างชัดเจน เขาแสยะยิ้มให้กับสิ่งที่เขาเห็นในหัว
เขาเอนตัวลงบนเตียงอีกครั้ง นางกอดเขาไว้แน่นในขณะที่เขากำลังทำทุกอย่างที่เขาต้องการกับนาง นางสะอื้นไห้เงียบๆ เสี่ยวฟางยังคงรู้สึกถึงแก้มก้นอวบอิ่ม และต้นขาที่เต็มไม้เต็มมือของนาง เขาประหลาดใจที่นางสามารถเกร็งให้ถ้ำของนางบีบรัดแน่นขึ้นได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับความรู้สึกเช่นนี้นับตั้งแต่ที่ออกจากนิกายกระบี่เทวะ ดังนั้นมันจึงทำให้เขานึกถึงบ้าน
ทันใดนั้น ขณะที่เสี่ยวฟางกำลังเชยชมร่างกายของนาง นางก็พลันดึงมีดสั้นออกมาจากใต้หมอนของเขาอย่างไม่คาดคิด จากนั้นก็จ่อนาบไว้ที่ลำคอของเขา
ดวงตาของนางมีน้ำตาเอ่อคลอ “ข้าไม่อยากทำแบบนี้เลย” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เสี่ยวฟางทราบเรื่องมีดสั้นนานแล้ว สีหน้าของเขายังคงเรียบเฉยดังเดิม หากแต่แววตาของเขากลับเริ่มเย็นชาขณะที่เขาแทงกระบี่เนื้อเข้าไปในถ้ำของนาง
[กระบี่เนื้อทะลวงสวรรค์]
นางสะดุ้งเฮือก มีดสั้นในมือพลันร่วงผล็อย ร่างกายของนางแข็งค้างในท่าที่เร้าอารมณ์ ในที่สุดนางก็ถูกพาขึ้นสวรรค์
ปราณหยางของเขาไหลทะลักออกมา นางทิ้งตัวลงบนหน้าอกของเขา ในที่สุดเมื่อนางสามารถพูดได้ นางก็กล่าวว่า "ข้าไม่สามารถฆ่าเขาได้ ยกโทษให้ข้าด้วย" ดวงตาของนางเต็มไปด้วยน้ำตาขณะที่นางจ้องไปที่ตู้เสื้อผ้า เสี่ยวฟางมองตามสายตาของนางและเห็นประตูตู้เสื้อผ้าค่อยๆเปิดออก ขาที่ดำสนิทก้าวออกมา
จู่ๆเสี่ยวฟางก็รู้สึกขนลุก มันดูเหมือนเงาดำทึบ แม้จะเห็นว่ามันก้าวไป เขาก็ไม่ได้ยินเสียงใดๆเลย ไม่เลยแม้แต่น้อย
จากนั้นนางก็ก้าวไปอีกก้าวหนึ่ง เผยให้เห็นส่วนอื่นๆของร่างกาย เขาสามารถสัมผัสถึงนางได้อย่างชัดเจนแม้หลับตา แต่นางกลับไม่ส่งเสียงใดๆราวกับเป็นแมวที่กำลังย่อง
นางมีผมสีดำและสวมถุงน่องสีดำบางๆ รัดรูปเผยให้เห็นขาเรียวสวยของนาง ท่อนบนของร่างกายนาง สวมชุดคลุมของนิกายหากแต่เป็นสีดำ เขาสามารถมองเห็นตราสัญลักษณ์ของสวรรค์ทมิฬบนนั้นได้อย่างชัดเจน
“สีดำ นั่นคือ สีที่ศิษย์สายในสวมใส่สินะ?” เสี่ยวฟางคิดกับตัวเอง
“เจ้าเป็นใคร?” เสี่ยวฟางถาม
“ดูเจ้าก็เพลินอยู่นะ ศิษย์น้องหวู่ แม้ว่าข้าจะหวังให้เจ้าอดทนได้นานกว่านี้อีกหน่อยก็เถอะ” นางไม่สนใจคำถามของเสี่ยวฟาง เสียงของนางนุ่มนวลแต่ชวนหลอนราวกับเสียงกระซิบของภูตพราย
แม้จะเรียกหญิงสาวที่อยู่กับเขาว่าศิษย์น้อง แต่นางก็ไม่ได้ดูแก่กว่าเสี่ยวฟางมากนัก
เสี่ยวฟางเก็บกระบี่เนื้อของเขากลับเข้าไปชุดคลุม จากนั้นก็อุ้มหญิงสาววางลงบนเตียง เขานั่งลงก่อนจะหันหน้าไปทางสตรีแมวดำ “เจ้ามาที่นี่เพื่อรับเงินค่าหัวของข้างั้นเหรอ?” เขาถามอย่างไม่ยี่หระ
“ข้าไม่ได้สนใจค่าหัวของเจ้า ข้ามาเพื่อศิษย์น้องของข้าเท่านั้น เจ้าทิ้งความประทับใจอันหวานชื่นไว้ให้ข้า ดังนั้นข้าจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่อีกสักระยะ”
เสี่ยวฟางมีท่าทางเฉยชาขณะลุกขึ้นแล้วหันหลังให้นาง ตอนนี้เขากำลังหันมาเผชิญหน้ากับหญิงสาวที่ยังนอนหมดแรงอยู่บนเตียง เขายื่นมือออกไป
"15 แต้มผลงาน จ่าย"
ดวงตาของสตรีแมวดำกระตุกด้วยความหงุดหงิด วิธีที่เขาจ้องมองนางด้วยความเฉยเมยก็เพียงพอที่จะสร้างความหงุดหงิดให้กับนางแล้ว แต่แล้วเขายังหันหลังให้นางอย่างหยิ่งผยอง และเรียกเก็บเงินจากศิษย์น้องของนาง นั่นไม่เท่ากับเป็นการตบหน้านางหรอกเหรอ?
รูม่านตาของนางทอประกายแหลมคมราวกับว่านางพร้อมจะกระโจนใส่เขา แต่ในขณะนั้นเอง นางกลับหยุดชะงักก่อนที่นางจะทันขยับนิ้ว เมื่อนางตรวจสอบระดับการฝึกฝนของเขา มันทำให้นางรู้สึกตัวหดเล็ก แต่สิ่งที่ทำให้นางหวาดกลัวมากที่สุดไม่ใช่ระดับการฝึกฝนของเขา แต่เป็นดวงตา... นางรู้ว่านั่นเป็นดวงตาประเภท ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สมควรมีอยู่ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ที่นี่
นางรู้สึกเย็นวาบจากเหงื่อที่ไหลซึมขึ้นมาตามสันหลัง หากเขาเพิ่งสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของนาง นั่นหมายความว่านางจบสิ้นแล้วใช่หรือไม่? เป็นโชคดีสำหรับนางที่ดูเหมือนเขาจะไม่ทันสังเกตเห็น
เสี่ยวฟางรับเงินแล้วผลักเปิดประตูออกไป จากนั้นเขาจึงหันศีรษะแล้วพูดว่า
“ข้าไม่รู้ว่าทำไมเจ้าถึงเปลี่ยนใจ แต่ถ้าเจ้าค้นพบสิ่งที่ไม่ควรรู้ ข้าแนะนำให้เจ้าเก็บมันเป็นความลับ” น้ำเสียงของเขาทุ้มและน่าเกรงขาม ทันทีที่เขาพูดจบ ดวงตาของเขาก็เปลี่ยนจากสีม่วงชวนหลงใหลเป็นสีม่วงชวนขนลุกจากนั้นเขาก็หันหลังเดินจากไป หลังจากเสี่ยวฟางออกไปแล้ว ภายในห้องก็ยังคงเต็มไปด้วยความเงียบงัน
นางไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใด ทว่าตอนนี้ที่เสี่ยวฟางจากไปแล้ว นางสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าหัวใจของนางกำลังเต้นรัวปานใด
“ศิษย์พี่เป่า ทำไมท่านถึงเหงื่อออกขนาดนั้น?”
“บุรุษผู้นั้น…อย่าไปข้องแวะกับเขาอีก”
จากนั้นศิษย์น้องก็เข้าใจสถานการณ์ ชายที่นางจ่อมีดสั้นใส่ทำให้ศิษย์พี่ของนางต้องตกอยู่ในสภาพนี้แม้จะเพียงแค่หันหลัง
“พวกเราต้องบอกศิษย์น้องจ้าวพ่าน!” ศิษย์น้องกล่าว
“เจ้าจะไม่ทำแบบนั้น เว้นแต่ว่าเจ้าต้องการให้ข้าจัดการปิดปากเจ้าที่นี่! มีบางอย่างที่ข้าต้องไปทำ ถ้าจ้าวพ่านถามหาข้า บอกนางว่าข้ากำลังยุ่งอยู่”
เด็กสาวในชุดคลุมสีดำเดินออกไปก่อนจะหายวับไปโดยไม่ส่งเสียงใดๆ