ตอนที่แล้วบทที่ 654 เต่าแบกภูเขา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 656 ออกเดินทางไปจงโจว

บทที่ 655 เปลี่ยนเลือดอีกครั้ง


“เป็นเต่าแบกภูเขาก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็มีตำแหน่งที่ชัดเจนใช่ไหม?”

เฉินโม่ลงมาบนหลังของเจ้าเต่าเฒ่า หลังจากที่เปลี่ยนเลือดเสร็จ ร่างของมันใหญ่โตจนแทบจะเต็มสระวิญญาณฉางเกอ

ภูเขาสีเหลืองหม่นที่อยู่บนหลังของเต่าดูมั่นคงและยิ่งใหญ่

เชื่อว่าเมื่อเวลาผ่านไป ภูเขาแห่งนี้จะเขียวขจีและเมื่อถึงตอนนั้นหลังของเจ้าเต่าเฒ่าจะกลายเป็นอีกหนึ่งโลก

“ข้า... ข้า... ข้าทำให้ตัวเล็กลงไม่ได้แล้ว”

เจ้าเต่าเฒ่ารู้สึกเศร้า

ด้วยลักษณะพิเศษของเต่าแบกภูเขาที่มีร่างใหญ่โต ประกอบกับพลังพรสวรรค์ แข็งแร็ง ที่เฉินโม่เพิ่มให้ดูเหมือนว่าจะเสริมลักษณะของมันให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

“ไม่เป็นไร รอข้าปรับเปลี่ยนหลังของเจ้าให้กลายเป็นทุ่งวิญญาณเคลื่อนที่สักหน่อย ก็ไม่เลว”

การที่เจ้าเต่าเฒ่าเปลี่ยนไปในลักษณะนี้ทำให้เฉินโม่รู้สึกดีใจ

ในตำนานเล่าว่า เต่าแบกภูเขาในยุคโบราณมีจำนวนน้อย แม้มันจะไม่ใช่ทั้งสัตว์ร้าย สัตว์ภัยพิบัติ หรือสัตว์มงคล แต่เต่าแบกภูเขาที่โตเต็มวัยสามารถแบกโลกทั้งใบไว้บนหลังได้ จึงถูกเรียกว่าสัตว์มงคล

โดยเฉพาะเหล่าผู้คนที่อาศัยอยู่บนหลังของมัน มักจะนับถือมันเป็นดั่งเทพเจ้า

แน่นอนว่าเฉินโม่เชื่อว่าเมื่อเจ้าเต่าเฒ่าแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และสายเลือดของมันบริสุทธิ์ขึ้นโลกบนหลังของมันก็จะเติบโตตามไปด้วย

แม้ว่าเจ้าเต่าเฒ่าจะไม่ได้ตื่นพลังวิเศษในครั้งนี้ แต่การได้รู้ถึงที่มาของสายเลือดก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี

อย่างน้อยเฉินโม่ก็พอใจ

แถมยังสามารถปล่อยให้เจ้าเต่าเฒ่าอยู่ที่สำนักมั่วไถ โดยไม่ต้องกังวลว่าเจ้าเต่าจะตามไปจงโจวและพูดมากอีกต่อไป

หลังจากที่สัตว์อสูรระดับปฐมภูมิสองตัวเปลี่ยนเลือดเสร็จ สัตว์อสูรที่เหลือ โดยเฉพาะราชสีห์กวางโลหิตและเสือแดงเพลิงก็ยิ่งกระตือรือร้นขึ้น

สัตว์อสูรทั้งสองนี้พบเห็นได้ทั่วไปในดินแดนแห่งการฝึกตน

เนื่องจากมีจำนวนมาก สายเลือดของพวกมันจึงยังคงบริสุทธิ์จากรุ่นสู่รุ่น

แต่เพราะมีจำนวนมาก ทำให้ผู้ฝึกตนขั้นสูงไม่นิยมทำพันธะกับพวกมัน หากไม่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างไม่อั้นจากเฉินโม่ด้วย ยาวิญญาณเซียนเสริมพลัง และการเปลี่ยนเลือดหลายครั้ง พวกมันก็คงไม่มีทางบรรลุขั้นปฐมภูมิได้

ขั้นทองคือขีดจำกัดของสายพันธุ์นี้!

“พวกเจ้าสองตัวใครก่อน?”

เสือแดงเพลิงที่เต็มไปด้วยเปลวไฟสีแดงคำรามเสียงดังและเดินไปข้างหน้าเฉินโม่อย่างช้าๆ

เสือนั้นเป็นราชาแห่งสัตว์ร้ายอยู่แล้ว และในฐานะสัตว์อสูร มันก็ทรงพลังอย่างยิ่ง!

ด้วยความสูงถึงสามเมตรและท่าทางที่สง่างาม ทำให้มันสามารถกดดันคนทั่วไปได้อย่างมหาศาล

เฉินโม่หวนคิดถึงเสือแดงเพลิงตัวแรกที่เขาเคยเห็น มันเป็นสัตว์ของผู้อาวุโสที่ยอดเขาจื่อหยุน

ตอนนั้นเสือแดงเพลิงที่อยู่แค่ขั้นสองก็ทำให้เขารู้สึกกดดันอย่างมากแล้ว

แต่หากเทียบกับตัวนี้ คงเหมือนฟ้ากับเหว!

หลังจากใช้เวลาพอสมควร เสือแดงเพลิงก็เปลี่ยนเลือดเป็นครั้งที่สี่ แต่ที่ทำให้เฉินโม่ประหลาดใจคือ รูปลักษณ์ของมันแทบไม่เปลี่ยนแปลง

หรืออาจจะเป็นไปได้ว่า สายเลือดของเสือแดงเพลิงไม่มีบรรพบุรุษที่แข็งแกร่ง?

ไม่เพียงแต่เสือแดงเพลิงเท่านั้น สัตว์อสูรตัวอื่นๆ เช่น ราชสีห์กวางโลหิต นกอินทรีขาว และเหยี่ยวพายุ ต่างก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางรูปลักษณ์มากนัก โดยเฉพาะเหยี่ยวพายุที่ตื่นพลังวิเศษลมเร็วแต่รูปลักษณ์ก็ยังคงเหมือนเดิม

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

เฉินโม่หยุดชั่วคราวหลังจากที่สัตว์อสูรสี่ตัวเปลี่ยนเลือดแล้ว

เขาจำได้ว่าเขาซื้อสัตว์พวกนี้จากเมืองเป่ยเยว่ ตอนที่ยังอ่อนแอและมีเงินน้อย จึงทำได้แค่ซื้อตัวที่ราคาถูกๆ

สัตว์อย่าง จิ้งจอกหงค์อัคคี ที่เขาได้จากสำนักหอควบคุมสัตว์วิญญาณและ แมวขาวที่ซ่งหยุนซีมอบให้แทบจะไม่มีให้เห็นในตลาดเลย

หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เฉินโม่ก็สรุปได้ว่าสัตว์อสูรธรรมดาพวกนี้อาจไม่มีบรรพบุรุษที่แข็งแกร่ง หรือบรรพบุรุษของพวกมันอ่อนแอมาก จึงทำให้แม้จะผ่านการเปลี่ยนเลือดแต่รูปลักษณ์ก็ยังเหมือนเดิม

หรือพูดอีกอย่างก็คือพวกมันเป็นสัตว์อสูรที่ถูกผู้ฝึกตนในยุคปัจจุบันเพาะพันธุ์ขึ้นมา!

เป็นครั้งแรกที่เฉินโม่รู้สึกว่าวิถีควบคุมสัตว์อสูรไม่ได้ด้อยไปกว่าวิถีแห่งพืชวิญญาณ

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็ไม่คิดจะสนใจอีก

เสือแดงเพลิงก็คือเสือแดงเพลิงแม้จะไม่ได้ย้อนสู่บรรพบุรุษ แต่มันก็ยังทรงพลังเหนือกว่าเสือแดงเพลิงตัวอื่นๆ

สัตว์อสูรทั้งสี่ตัวที่เปลี่ยนเลือดแล้วมายืนขนาบข้างเฉินโม่ ดูน่าเกรงขามอย่างยิ่ง!

ในตอนนั้นเจ้าทองที่พันอยู่รอบเอวเฉินโม่ก็ออกมา

เจ้างูน้อยนี้พอโดนลมพัดก็ขยายขนาดออกอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาไม่กี่อึดใจมันก็กลายเป็นมังกรที่ลอยขึ้นฟ้าได้

พ่อแม่ของเจ้าทองเป็นงู ทั้งคู่มาจากแดนลับเสินหนงเป็นงูที่มีที่มาลึกลับ

ต้นกำเนิดของพวกมันไม่เป็นที่รู้จัก แต่จากการเติบโตของเจ้าทองและพี่น้องของมันทั้งหกตัวก็ดูเหมือนว่าสายพันธุ์ปีศาจงูทั้งสองดูจะไม่ใช่งูธรรมดา

เจ้าทองบินมาอยู่ข้างเฉินโม่ เปิดจิตรับเฉินโม่เข้าสู่จิตวิญญาณของมัน

ในยุคโบราณยิ่งสัตว์มีสายเลือดแข็งแกร่งมากเท่าใดการเปลี่ยนเลือดก็จะยิ่งเปลี่ยนแปลงได้มากขึ้น

และครั้งนี้ร่างกายของเจ้าทองก็เปลี่ยนแปลงเช่นกัน

เกล็ดของมันเริ่มหลุดออกมา ราวกับว่ามันกำลังลอกคราบเหมือนงู แต่ต่างจากงูธรรมดาคือเขาที่หัวของมันเปล่งแสงสีทอง

เวลาผ่านไปเจ้าทองขดตัวเป็นวงกลม

มันเข้าสู่สภาวะจำศีลโดยไม่คาดคิด

แม้ว่ามันจะจำศีลแต่เฉินโม่ก็ยังสัมผัสถึงพลังมหาศาลกำลังปะทุอยู่ใต้ผิวหนังที่กำลังจะหลุดออก

เจ้าทองต้องลอกคราบให้เสร็จสิ้นถึงจะถือว่าการเปลี่ยนเลือดเสร็จสมบูรณ์!

และในที่สุดเสียงคำรามต่ำๆก็ดังออกมาจากปากของเจ้าโตวที่ยืนอยู่ด้วยขาข้างเดียว

“ไม่เป็นไร นี่ก็แค่ใช้พลังไปนิดหน่อยเอง” เฉินโม่ยิ้ม

แม้ว่าสัตว์อสูรพวกนี้จะเป็นสัตว์ของเขา แต่เฉินโม่ไม่เคยมองพวกมันเป็นลูกน้องแต่ปฏิบัติต่อพวกมันอย่างเท่าเทียม

และเพราะเหตุนี้ แม้แต่เจ้าโตวที่โดดเดี่ยวและหยิ่งทระนงก็ยังเคารพเฉินโม่เป็นอย่างมาก

เฉินโม่ก้าวไปข้างหน้า วางมือลงบนหัวของมัน

ครั้งแรกที่เปลี่ยนเลือด เขาช่วยชีวิตมันไว้จากสภาวะที่บาดเจ็บหนักและใกล้ตาย ครั้งที่สองทำให้มันแข็งแกร่งพอจะแข่งกับเจ้าไก่หัวแข็งได้ ครั้งที่สามทำให้มันกลายเป็นราชาแห่งสระวิญญาณฉางเกอ

และการเปลี่ยนเลือดครั้งที่สี่ สัตว์ร้ายโบราณตัวนี้จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรอีก?

เฉินโม่ตั้งตารอ

พลังวิญญาณไหลเข้าสู่ร่างของเจ้าโตวปลุกพลังสายเลือดโบราณในตัวมัน

จุดแดงที่เคยปรากฏบนร่างของมันเริ่มเพิ่มขึ้นมากมายจนกลายเป็นร่างที่เต็มไปด้วยจุดสีแดง

กระดูกของมันเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง และไม่นานก็มีหนามแหลมงอกออกมาจากกระดูกสันหลังสองเส้น!

“โฮ่!”

จู่ๆ เจ้าโตวคำรามออกมา

และในเสียงคำรามนั้น สัตว์อสูรทั้งหมด รวมถึงเจ้าเต่าเฒ่าและเจ้าไก่หัวแข็ง ต่างก็สั่นสะท้านด้วยความกลัว

แม้แต่เฉินโม่เองก็รู้สึกว่าตนเองแทบจะต้านทานไม่ได้มีความรู้สึกอยากจะก้มลงกราบไหว้!

ต้องไม่ลืมว่า เขาคือผู้เป็นนายของพวกมัน!

“นี่คือ...พลังวิเศษงั้นหรือ?”

(จบบท)

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด