บทที่ 655 เปลี่ยนเลือดอีกครั้ง
“เป็นเต่าแบกภูเขาก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็มีตำแหน่งที่ชัดเจนใช่ไหม?”
เฉินโม่ลงมาบนหลังของเจ้าเต่าเฒ่า หลังจากที่เปลี่ยนเลือดเสร็จ ร่างของมันใหญ่โตจนแทบจะเต็มสระวิญญาณฉางเกอ
ภูเขาสีเหลืองหม่นที่อยู่บนหลังของเต่าดูมั่นคงและยิ่งใหญ่
เชื่อว่าเมื่อเวลาผ่านไป ภูเขาแห่งนี้จะเขียวขจีและเมื่อถึงตอนนั้นหลังของเจ้าเต่าเฒ่าจะกลายเป็นอีกหนึ่งโลก
“ข้า... ข้า... ข้าทำให้ตัวเล็กลงไม่ได้แล้ว”
เจ้าเต่าเฒ่ารู้สึกเศร้า
ด้วยลักษณะพิเศษของเต่าแบกภูเขาที่มีร่างใหญ่โต ประกอบกับพลังพรสวรรค์ แข็งแร็ง ที่เฉินโม่เพิ่มให้ดูเหมือนว่าจะเสริมลักษณะของมันให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
“ไม่เป็นไร รอข้าปรับเปลี่ยนหลังของเจ้าให้กลายเป็นทุ่งวิญญาณเคลื่อนที่สักหน่อย ก็ไม่เลว”
การที่เจ้าเต่าเฒ่าเปลี่ยนไปในลักษณะนี้ทำให้เฉินโม่รู้สึกดีใจ
ในตำนานเล่าว่า เต่าแบกภูเขาในยุคโบราณมีจำนวนน้อย แม้มันจะไม่ใช่ทั้งสัตว์ร้าย สัตว์ภัยพิบัติ หรือสัตว์มงคล แต่เต่าแบกภูเขาที่โตเต็มวัยสามารถแบกโลกทั้งใบไว้บนหลังได้ จึงถูกเรียกว่าสัตว์มงคล
โดยเฉพาะเหล่าผู้คนที่อาศัยอยู่บนหลังของมัน มักจะนับถือมันเป็นดั่งเทพเจ้า
แน่นอนว่าเฉินโม่เชื่อว่าเมื่อเจ้าเต่าเฒ่าแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และสายเลือดของมันบริสุทธิ์ขึ้นโลกบนหลังของมันก็จะเติบโตตามไปด้วย
แม้ว่าเจ้าเต่าเฒ่าจะไม่ได้ตื่นพลังวิเศษในครั้งนี้ แต่การได้รู้ถึงที่มาของสายเลือดก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี
อย่างน้อยเฉินโม่ก็พอใจ
แถมยังสามารถปล่อยให้เจ้าเต่าเฒ่าอยู่ที่สำนักมั่วไถ โดยไม่ต้องกังวลว่าเจ้าเต่าจะตามไปจงโจวและพูดมากอีกต่อไป
หลังจากที่สัตว์อสูรระดับปฐมภูมิสองตัวเปลี่ยนเลือดเสร็จ สัตว์อสูรที่เหลือ โดยเฉพาะราชสีห์กวางโลหิตและเสือแดงเพลิงก็ยิ่งกระตือรือร้นขึ้น
สัตว์อสูรทั้งสองนี้พบเห็นได้ทั่วไปในดินแดนแห่งการฝึกตน
เนื่องจากมีจำนวนมาก สายเลือดของพวกมันจึงยังคงบริสุทธิ์จากรุ่นสู่รุ่น
แต่เพราะมีจำนวนมาก ทำให้ผู้ฝึกตนขั้นสูงไม่นิยมทำพันธะกับพวกมัน หากไม่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างไม่อั้นจากเฉินโม่ด้วย ยาวิญญาณเซียนเสริมพลัง และการเปลี่ยนเลือดหลายครั้ง พวกมันก็คงไม่มีทางบรรลุขั้นปฐมภูมิได้
ขั้นทองคือขีดจำกัดของสายพันธุ์นี้!
“พวกเจ้าสองตัวใครก่อน?”
เสือแดงเพลิงที่เต็มไปด้วยเปลวไฟสีแดงคำรามเสียงดังและเดินไปข้างหน้าเฉินโม่อย่างช้าๆ
เสือนั้นเป็นราชาแห่งสัตว์ร้ายอยู่แล้ว และในฐานะสัตว์อสูร มันก็ทรงพลังอย่างยิ่ง!
ด้วยความสูงถึงสามเมตรและท่าทางที่สง่างาม ทำให้มันสามารถกดดันคนทั่วไปได้อย่างมหาศาล
เฉินโม่หวนคิดถึงเสือแดงเพลิงตัวแรกที่เขาเคยเห็น มันเป็นสัตว์ของผู้อาวุโสที่ยอดเขาจื่อหยุน
ตอนนั้นเสือแดงเพลิงที่อยู่แค่ขั้นสองก็ทำให้เขารู้สึกกดดันอย่างมากแล้ว
แต่หากเทียบกับตัวนี้ คงเหมือนฟ้ากับเหว!
หลังจากใช้เวลาพอสมควร เสือแดงเพลิงก็เปลี่ยนเลือดเป็นครั้งที่สี่ แต่ที่ทำให้เฉินโม่ประหลาดใจคือ รูปลักษณ์ของมันแทบไม่เปลี่ยนแปลง
หรืออาจจะเป็นไปได้ว่า สายเลือดของเสือแดงเพลิงไม่มีบรรพบุรุษที่แข็งแกร่ง?
ไม่เพียงแต่เสือแดงเพลิงเท่านั้น สัตว์อสูรตัวอื่นๆ เช่น ราชสีห์กวางโลหิต นกอินทรีขาว และเหยี่ยวพายุ ต่างก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางรูปลักษณ์มากนัก โดยเฉพาะเหยี่ยวพายุที่ตื่นพลังวิเศษลมเร็วแต่รูปลักษณ์ก็ยังคงเหมือนเดิม
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
เฉินโม่หยุดชั่วคราวหลังจากที่สัตว์อสูรสี่ตัวเปลี่ยนเลือดแล้ว
เขาจำได้ว่าเขาซื้อสัตว์พวกนี้จากเมืองเป่ยเยว่ ตอนที่ยังอ่อนแอและมีเงินน้อย จึงทำได้แค่ซื้อตัวที่ราคาถูกๆ
สัตว์อย่าง จิ้งจอกหงค์อัคคี ที่เขาได้จากสำนักหอควบคุมสัตว์วิญญาณและ แมวขาวที่ซ่งหยุนซีมอบให้แทบจะไม่มีให้เห็นในตลาดเลย
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เฉินโม่ก็สรุปได้ว่าสัตว์อสูรธรรมดาพวกนี้อาจไม่มีบรรพบุรุษที่แข็งแกร่ง หรือบรรพบุรุษของพวกมันอ่อนแอมาก จึงทำให้แม้จะผ่านการเปลี่ยนเลือดแต่รูปลักษณ์ก็ยังเหมือนเดิม
หรือพูดอีกอย่างก็คือพวกมันเป็นสัตว์อสูรที่ถูกผู้ฝึกตนในยุคปัจจุบันเพาะพันธุ์ขึ้นมา!
เป็นครั้งแรกที่เฉินโม่รู้สึกว่าวิถีควบคุมสัตว์อสูรไม่ได้ด้อยไปกว่าวิถีแห่งพืชวิญญาณ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็ไม่คิดจะสนใจอีก
เสือแดงเพลิงก็คือเสือแดงเพลิงแม้จะไม่ได้ย้อนสู่บรรพบุรุษ แต่มันก็ยังทรงพลังเหนือกว่าเสือแดงเพลิงตัวอื่นๆ
สัตว์อสูรทั้งสี่ตัวที่เปลี่ยนเลือดแล้วมายืนขนาบข้างเฉินโม่ ดูน่าเกรงขามอย่างยิ่ง!
ในตอนนั้นเจ้าทองที่พันอยู่รอบเอวเฉินโม่ก็ออกมา
เจ้างูน้อยนี้พอโดนลมพัดก็ขยายขนาดออกอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาไม่กี่อึดใจมันก็กลายเป็นมังกรที่ลอยขึ้นฟ้าได้
พ่อแม่ของเจ้าทองเป็นงู ทั้งคู่มาจากแดนลับเสินหนงเป็นงูที่มีที่มาลึกลับ
ต้นกำเนิดของพวกมันไม่เป็นที่รู้จัก แต่จากการเติบโตของเจ้าทองและพี่น้องของมันทั้งหกตัวก็ดูเหมือนว่าสายพันธุ์ปีศาจงูทั้งสองดูจะไม่ใช่งูธรรมดา
เจ้าทองบินมาอยู่ข้างเฉินโม่ เปิดจิตรับเฉินโม่เข้าสู่จิตวิญญาณของมัน
ในยุคโบราณยิ่งสัตว์มีสายเลือดแข็งแกร่งมากเท่าใดการเปลี่ยนเลือดก็จะยิ่งเปลี่ยนแปลงได้มากขึ้น
และครั้งนี้ร่างกายของเจ้าทองก็เปลี่ยนแปลงเช่นกัน
เกล็ดของมันเริ่มหลุดออกมา ราวกับว่ามันกำลังลอกคราบเหมือนงู แต่ต่างจากงูธรรมดาคือเขาที่หัวของมันเปล่งแสงสีทอง
เวลาผ่านไปเจ้าทองขดตัวเป็นวงกลม
มันเข้าสู่สภาวะจำศีลโดยไม่คาดคิด
แม้ว่ามันจะจำศีลแต่เฉินโม่ก็ยังสัมผัสถึงพลังมหาศาลกำลังปะทุอยู่ใต้ผิวหนังที่กำลังจะหลุดออก
เจ้าทองต้องลอกคราบให้เสร็จสิ้นถึงจะถือว่าการเปลี่ยนเลือดเสร็จสมบูรณ์!
และในที่สุดเสียงคำรามต่ำๆก็ดังออกมาจากปากของเจ้าโตวที่ยืนอยู่ด้วยขาข้างเดียว
“ไม่เป็นไร นี่ก็แค่ใช้พลังไปนิดหน่อยเอง” เฉินโม่ยิ้ม
แม้ว่าสัตว์อสูรพวกนี้จะเป็นสัตว์ของเขา แต่เฉินโม่ไม่เคยมองพวกมันเป็นลูกน้องแต่ปฏิบัติต่อพวกมันอย่างเท่าเทียม
และเพราะเหตุนี้ แม้แต่เจ้าโตวที่โดดเดี่ยวและหยิ่งทระนงก็ยังเคารพเฉินโม่เป็นอย่างมาก
เฉินโม่ก้าวไปข้างหน้า วางมือลงบนหัวของมัน
ครั้งแรกที่เปลี่ยนเลือด เขาช่วยชีวิตมันไว้จากสภาวะที่บาดเจ็บหนักและใกล้ตาย ครั้งที่สองทำให้มันแข็งแกร่งพอจะแข่งกับเจ้าไก่หัวแข็งได้ ครั้งที่สามทำให้มันกลายเป็นราชาแห่งสระวิญญาณฉางเกอ
และการเปลี่ยนเลือดครั้งที่สี่ สัตว์ร้ายโบราณตัวนี้จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรอีก?
เฉินโม่ตั้งตารอ
พลังวิญญาณไหลเข้าสู่ร่างของเจ้าโตวปลุกพลังสายเลือดโบราณในตัวมัน
จุดแดงที่เคยปรากฏบนร่างของมันเริ่มเพิ่มขึ้นมากมายจนกลายเป็นร่างที่เต็มไปด้วยจุดสีแดง
กระดูกของมันเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง และไม่นานก็มีหนามแหลมงอกออกมาจากกระดูกสันหลังสองเส้น!
“โฮ่!”
จู่ๆ เจ้าโตวคำรามออกมา
และในเสียงคำรามนั้น สัตว์อสูรทั้งหมด รวมถึงเจ้าเต่าเฒ่าและเจ้าไก่หัวแข็ง ต่างก็สั่นสะท้านด้วยความกลัว
แม้แต่เฉินโม่เองก็รู้สึกว่าตนเองแทบจะต้านทานไม่ได้มีความรู้สึกอยากจะก้มลงกราบไหว้!
ต้องไม่ลืมว่า เขาคือผู้เป็นนายของพวกมัน!
“นี่คือ...พลังวิเศษงั้นหรือ?”
(จบบท)