ตอนที่แล้วบทที่ 51: แก้มน่าหยิก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 53: เจ้าจะรู้เมื่อไปถึงที่นั่น

บทที่ 52: ของขวัญ


“อยู่นอกวังหลวง?” มู่ไป๋ไป่รู้สึกประหลาดใจ ปกติแล้วองค์ชายกับองค์หญิงสามารถออกจากวังได้ด้วยหรือ?

“ใช่” มู่จวินฝานพยักหน้า

พอเขาหันไปเห็นเศษขนมติดอยู่ที่มุมปากของน้องสาว เขาก็หยิบผ้าเช็ดหน้าที่นำติดตัวมาด้วยออกมาเช็ดทำความสะอาดใบหน้าให้นาง

หลังจากที่ทั้ง 2 คนเริ่มสนิทสนมกัน มู่จวินฝานก็คุ้นเคยกับการคอยดูแลมู่ไป๋ไป่ และเขาไม่คิดว่าการกระทำของตนผิดปกติอะไร

แต่พระสนมกับองค์หญิงคนอื่นต่างพากันอิจฉา

ซึ่งท่าทีของทุกคนที่มีต่อเด็กหนุ่มนั้นไม่ต่างจากลี่เฟยและไทเฮา ในขณะที่พวกนางดูถูกเขา แต่พวกนางก็ยังต้องคอยระมัดระวังสถานะของเขาในฐานะองค์รัชทายาทด้วย

ดังนั้นจึงมีหลายคนที่เข้ามาป้วนเปี้ยนอยู่รอบกายมู่จวินฝาน

แต่คงจะดีไม่น้อยหากเด็กหนุ่มยังคงนั่งทำหน้าเย็นชาอยู่อย่างโดดเดี่ยวในงานเลี้ยงวันคล้ายวันพระราชสมภพของลี่เฟยเหมือนปีก่อน ๆ แล้วในระหว่างนั้นก็ค่อย ๆ เติบโตไปอย่างเงียบ ๆ

บังเอิญว่าในปีนี้องค์รัชทายาทมีองค์หญิงหกอยู่ข้างกาย มันทำให้ทุกคนรู้สึกอิจฉาตาร้อนขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเขาใส่ใจเด็กหญิงตัวเล็กคนนี้มากเพียงใด

ตอนนี้พวกนางไม่รู้ว่าอิจฉามู่ไป๋ไป่หรือมู่จวินฝานกันแน่

“น้องรองมีสุขภาพย่ำแย่มาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้เขากำลังติดตามแม่ทัพเจิ้นหยวนไปปกป้องชายแดน เมื่อปีที่แล้วเขายังได้เข้าร่วมการต่อสู้ในสนามรบอีกด้วย ถ้าวันปีใหม่นี้ไม่มีสงคราม เขาก็คงจะได้กลับเมืองหลวง”

มู่จวินฝานค่อย ๆ อธิบายให้มู่ไป๋ไป่ฟังถึงสถานการณ์ปัจจุบันของพี่ชายอีก 2 คนของนาง “สำหรับน้องสาม… ซูเฟยอยู่ในสถานการณ์พิเศษ”

“หืม?” เด็กน้อยรอฟังอย่างสนใจ

เธออยากจะรู้ว่าต้องใช้วิธีการใดเพื่อให้ไม่ต้องอยู่ในวังหลวง เผื่อเธอจะได้ศึกษาวิธีการเอาไว้ใช้เองด้วย

แต่พอเงยหน้าขึ้นมองก็มีร่างหนึ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้า

“เชียนเชียนคารวะองค์รัชทายาท” มู่เชียนสวมชุดหรูหราสีน้ำเงินเข้มซึ่งมันช่วยขับให้นางดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

มู่ไป๋ไป่แทบจะจำอีกฝ่ายไม่ได้ด้วยซ้ำ

ใครจะไปคาดคิดว่าองค์หญิงใหญ่จะปรากฏตัวที่นี่!

“แค่ก ๆ!”

“ค่อย ๆ กินสิ” มู่จวินฝานยื่นน้ำชาในมือให้มู่ไป๋ไป่ที่กำลังสำลัก

“รีบดื่มเร็วเข้า ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้วว่าให้ค่อย ๆ กินเดี๋ยวจะสำลัก ทำไมไม่ฟังกันบ้างเลย? เมื่อไหร่จะโตสักที”

หลังจากเด็กหนุ่มพูดจบ เขาก็หันไปพยักหน้าให้มู่เชียนเบา ๆ “องค์หญิงใหญ่ไม่ต้องมากพิธี”

ขณะนี้ภายในดวงตาที่หลุบต่ำลงขององค์หญิงใหญ่ฉายแววขุ่นเคือง ดูเหมือนว่า 1 เดือนที่นางถูกลงโทษ วังหลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ครั้งหนึ่งนางเคยเป็นองค์หญิงที่ได้รับความโปรดปรานมากที่สุดในวังหลัง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าทุกคนกำลังพูดถึงนังมู่ไป๋ไป่คนนี้

“องค์หญิงใหญ่ มีอะไรอย่างนั้นหรือ?” เมื่อมู่จวินฝานเห็นว่ามู่เชียนยังคงยืนนิ่งอยู่ด้านหน้าโต๊ะ เขาก็ถามขึ้นมา “หรือเจ้าหาที่นั่งของตัวเองไม่พบ?”

ขณะนี้เด็กหญิงพยายามระงับความโกรธที่แทบจะปะทุออกมาจากอก แล้วลดศีรษะต่ำลงก่อนจะส่ายหัวเบา ๆ

ไม่กี่อึดใจต่อมา นางก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ “ข้ามาที่นี่ก็เพื่อขอโทษมู่ไป๋ไป่”

“...” มู่ไป๋ไป่ที่เพิ่งวางขนมลงก็ชะงักไปทันที

เรื่องประหลาดเช่นนี้ดูเหมือนจะเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป

“มู่ไป๋ไป่ น้องหก ข้าขอโทษ!” มู่เชียนรวบรวมความกล้าและตะโกนขึ้นมาเสียงดัง

ภายใต้สายตาประหลาดใจของทุกคน นางก็ได้โค้งคำนับให้กับองค์หญิงหกอย่างนอบน้อม

“เมื่อก่อนเป็นข้าเองที่ไม่รู้ความคอยรังแกเจ้าอยู่ตลอดเวลา ในตอนนี้ข้ารู้สึกเสียใจมากกับการกระทำของตัวเอง และในอนาคตจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก”

เหตุการณ์นี้ทำให้ทั่วทั้งอุทยานหลวงตกอยู่ในความเงียบ เหล่าพระสนมและองค์หญิงต่างพากันมองไปที่มู่เชียน

จากนั้นพวกนางก็แอบเฝ้ามองว่ามู่ไป๋ไป่จะทำอย่างไรกับองค์หญิงใหญ่ที่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ เพราะก่อนหน้านี้นางถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บถึงขั้นเกือบสูญเสียมือไปทั้ง 2 ข้าง

“เอ่อ… ข้าเข้าใจแล้ว” คนตัวเล็กเช็ดมือของตัวเองก่อนจะยกชายกระโปรงแล้วลุกขึ้นอย่างไม่สบายใจ “ข้ายอมรับคำขอโทษของท่าน”

เธอก็ยังเป็นเช่นเคย เธอจะไม่รุกรานใครเว้นแต่คนผู้นั้นเป็นฝ่ายเริ่มก่อน

แต่หากอีกฝ่ายให้เกียรติเธอแม้เพียงเล็กน้อย เธอก็ยิ่งจะให้เกียรติอีกฝ่ายมากกว่าที่ได้รับ

นอกจากนี้เธอยังได้รับรู้เรื่องที่มู่เชียนจะต้องพบเจอในช่วงที่ผ่านมาอีกด้วย มู่เทียนฉงมีบทลงโทษคนที่โหดร้ายมาก องค์หญิงใหญ่เกือบจะเสียชีวิตเพราะอาการป่วยอยู่ในคุกใต้ดิน ซ้ำยังถูกกักบริเวณเป็นเวลาอีก 1 เดือน

องค์หญิงใหญ่ทั้งถูกลงโทษแล้วต้องมาขอโทษต่อหน้าผู้คนมากมาย มู่ไป๋ไป่รู้สึกว่าเธอคงจะใจแคบมากเกินไปถ้าเธอทำเป็นไม่สนใจคนตรงหน้า

“เจ้าเต็มใจยอมรับคำขอโทษของข้าอย่างนั้นหรือ?” มู่เชียนไม่คาดคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะยอมปล่อยมือไปง่าย ๆ และเงยหน้ามองเด็กน้อยด้วยท่าทางตกใจ

“อื้อ!” มู่ไป๋ไป่ยื่นมือที่เพิ่งเช็ดกับกระโปรงของตัวเองออกไปข้างหน้าพลางกล่าวว่า “ปล่อยให้อดีตเป็นเรื่องของอดีตไปเถอะ เอาเป็นว่าเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแล้วมาเริ่มต้นกันใหม่”

เด็กหญิงมั่นใจว่าเธอจะสามารถเข้ากับพี่สาวคนนี้ได้เป็นอย่างดี

เพราะท้ายที่สุดแล้วเธอน่ารักขนาดนี้ใครจะไม่ชอบเธอบ้าง?

ทางด้านมู่จวินฝานมองดูดวงตาที่สดใสและไร้เดียงสาของมู่ไป๋ไป่ ในขณะที่เขาเม้มริมฝีปากเล็กน้อย

สมแล้วที่นางเป็นน้องสาวของข้า นางช่างสง่างามยิ่งนัก

“หลังจากจับมือกันแล้ว เราก็ลืมอดีตไปเถอะ” เมื่อมู่ไป๋ไป่เห็นคนตรงหน้าเอาแต่นิ่งเงียบ เธอก็คิดว่าอีกฝ่ายไม่เชื่อ

จากนั้นเธอจึงพูดขึ้นมาว่า “ทุกคนกำลังมองเราอยู่นะ ท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่มีวันผิดคำพูดของตัวเอง”

มู่เชียนกลับมามีสติอีกครั้ง นางเม้มริมฝีปากด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนก่อนจะยื่นมือไปจับมือน้องหกอย่างลังเล

มู่ไป๋ไป่ที่เพิ่งคว้าขนมมาทำให้บนมือยังมีกลิ่นขนมติดอยู่

ต่อมา องค์หญิงใหญ่กลับไปนั่งที่นั่งของตัวเองและจ้องมองฝ่ามือของตนสักพัก

ไม่นานนางกำนัลก็เดินไปข้างหลังของนางเพื่อกระซิบพูดเบา ๆ ว่า “องค์หญิง นายน้อยหลัวตอบตกลงเพคะ ตอนนี้ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว พระองค์จะลงมือเมื่อใดเพคะ?”

มู่เชียนเหลือบมองมู่ไป๋ไป่ที่กำลังพูดคุยหัวเราะกับมู่จวินฝานอยู่ฝั่งตรงข้าม และดวงตาของนางก็มืดลงอีกครั้ง “หลังจากนี้อีก 1 ก้านธูป”

ขณะนี้คนตัวเล็กยังคงเล่นไม่ลืมหูลืมตา ในไม่ช้าองค์หญิงที่ไม่กล้าเข้าใกล้เธอมาก่อนก็ได้มารวมตัวกันเพื่อเอาอกเอาใจเธอเนื่องจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้

ด้วยนิสัยที่บ้าบิ่นของมู่ไป๋ไป่ เธอจึงพาหลัวเซียวเซียวมาเล่นกับองค์หญิงคนอื่นจนเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามู่จวินฝานหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่

พอเด็กหญิงกลับมาที่นั่งของตัวเอง ก็เหลือเพียงองครักษ์ของพี่ชายเท่านั้นที่ยังคงคอยคุ้มกันอยู่ไม่ห่าง

“เซียวเซียว ทำไมเจ้าไม่มานั่งด้วยกันล่ะ?” มู่ไป๋ไป่ที่เล่นจนเหงื่อโทรมกายรู้สึกไม่ค่อยสบายเนื้อสบายตัว แต่เนื่องจากตอนนี้อยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย และหลัวเซียวเซียวก็รู้สถานะของตัวเองเป็นอย่างดี นางจึงไม่กล้านั่งลงหรือเช็ดเหงื่อให้องค์หญิงหก

“ไม่ได้เพคะองค์หญิงหก” หลัวเซียวเซียวยิ้มให้อีกฝ่ายจาง ๆ “ที่นี่มีพระสนมและองค์หญิงมากมายคอยจับตาดูเราอยู่ หม่อมฉันไม่สามารถทำให้องค์หญิงต้องอับอายได้เพคะ”

ตัวนางเองรู้ว่ามู่ไป๋ไป่ไม่สนใจเรื่องนี้

ถ้าเป็นเวลาปกติที่นางอาศัยอยู่ในตำหนักอิ๋งชุนนางคงจะไม่ปฏิเสธ แต่ปัจจุบันพวกนางอยู่ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่กำลังจับจ้องมา นางจึงไม่อาจทนปล่อยให้คนเหล่านั้นมาดูถูกองค์หญิงหกได้

“ไม่ต้องคิดมากหรอก” มู่ไป๋ไป่ไม่สนใจสิ่งใดและดึงหลัวเซียวเซียวให้ลงมานั่งข้างตน

“อีกอย่าง ข้าก็เคยบอกเจ้าหลายครั้งแล้วว่าเจ้าเป็นสหายและเป็นสหายร่วมเรียนของข้า เจ้าไม่ใช่คนรับใช้หรือนางกำนัล เวลาอยู่ต่อหน้าข้า เจ้าไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องอะไรทั้งนั้น เข้าใจหรือไม่?”

ในขณะที่พูดคนตัวเล็กก็ได้ยัดองุ่นจำนวนหนึ่งใส่มือสหายตัวน้อย

หลัวเซียวเซียวที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้นก็ยิ้มสดใสด้วยความรู้สึกอุ่นวาบในใจ “หม่อมฉันเข้าใจแล้ว ขอบพระทัยเพคะองค์หญิง”

“ต้องอย่างนี้สิ เด็กดี” มู่ไป๋ไป่ลูบหัวอีกคนอย่างพึงพอใจพลางคิดว่าการที่เธอมีน้องสาวแบบหลัวเซียวเซียวนั้นช่างสมบูรณ์แบบยิ่งนัก

ขณะที่ทั้งคู่กำลังพูดคุยเล่นกัน มู่เชียนก็กลับมาอีกครั้ง

“น้องหก เพื่อเป็นการขอโทษเจ้า ข้าได้เตรียมบางอย่างเป็นของขวัญให้เจ้าในสวนด้านหลัง” องค์หญิงใหญ่กล่าวพลางยิ้มเอียงอาย “เจ้า… ถ้าเจ้ายินดีที่จะยกโทษให้ข้าจริง ๆ เจ้าลองไปดูสักหน่อยสิ”

“ของขวัญอย่างนั้นหรือ?” ดวงตาของมู่ไป๋ไป่เป็นประกาย “ของขวัญอะไรน้า~?”

ในขณะนั้นเด็กหญิงไม่ได้สงสัยมู่เชียนเลย ด้วยท่าทางที่สำนึกผิดของอีกฝ่าย หากมันไม่ได้มาจากก้นบึ้งของหัวใจ นางจะยอมขอโทษเธอต่อหน้าผู้คนมากมายได้อย่างไร

--------------------------------------------------

พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: ลางไม่ดีสุด ๆ แถมท่านพี่รัชทายาทก็หายไปไหนไม่รู้อีก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด