[คำอธิบาย] : มังกรเมฆาปีกขาวเป็นทายาทของมังกรเมฆา มันมีความสามารถในการควบคุมลมและเมฆา มันเป็นสัตว์วิญญาณประเภทมังกรที่สง่างามและงดงาม แต่เพราะมันให้ความสนใจไปที่ความงดงาม พลังของมันจึงอ่อนแอกว่ามังกรตัวอื่นๆ

“สัตว์วิญญาณประเภทมังกรที่งดงามและสง่างาม? ไม่คิดเลยว่าจะมีมังกรแบบนี้อยู่บนโลก”

พูดตามตรง ความประทับใจที่มังกรมีต่อคนอื่นๆ ก็คือความลึกลับและความแข็งแกร่ง

แต่จากคำอธิบายของ [เนตรหยั่งรู้] เพราะความงดงามของมัน ทำให้พลังของมันอ่อนแอกว่ามังกรตัวอื่นๆ

ไป๋จื่ออันพูดไม่ออก

โลกแห่งผู้ใช้สัตว์วิญญาณคือโลกที่ผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่

ตามปกติแล้ว พลังคือสิ่งที่ผู้ใช้สัตว์วิญญาณและสัตว์วิญญาณใฝ่ฝัน

แต่ไม่คิดเลยว่าสัตว์วิญญาณประเภทมังกรอย่างมังกรเมฆาปีกขาวจะอ่อนแอกว่ามังกรตัวอื่นๆ เพียงเพราะความงดงาม

เรื่องนี้ทำให้ไป๋จื่ออันอยากจะบ่น

แน่นอนว่าถึงแม้ว่าเขาจะบ่น แต่เขาก็ไม่ได้ดูถูกมังกรเมฆาปีกขาวของไป๋จื่อหนิง

ยังไงซะ มันก็เป็นถึงสัตว์วิญญาณประเภทมังกร พลังของมันเหนือกว่าสัตว์วิญญาณทั่วไป

บวกกับพรสวรรค์มังกรอันทรงพลังของไป๋จื่อหนิง มังกรเมฆาปีกขาวคงจะปลดปล่อยพลังที่น่าทึ่งออกมาได้

มันต้องมีพลังต่อสู้ระดับเพชรอยู่แล้ว

“ถึงตานายแล้ว ทำไมยังไม่เรียกสัตว์วิญญาณออกมาอีกล่ะ?”

“หรือว่านายกลัวมังกรเมฆาปีกขาวของฉันซะแล้ว?”

ไป๋จื่อหนิงยิ้มเมื่อเห็นไป๋จื่ออันกำลังครุ่นคิด

เธออดทนรอมานาน

เธออยากจะเห็นไป๋จื่ออันพ่ายแพ้

ยิ่งไปกว่านั้น เธออยากจะเล่นกับไป๋จื่ออันสักหน่อย ไม่อยากเอาชนะเขาง่ายๆ

ยังไงซะ เธอต้องให้เกียรติไป๋จิ้งฉง ปู่ของเธอ

ไม่อยากให้ปู่สองรู้สึกเสียหน้า

พูดได้เลยว่าการต่อสู้ยังไม่ทันจะเริ่ม ไป๋จื่อหนิงก็เห็นภาพแห่งชัยชนะแล้ว

“ถึงแม้ว่าสัตว์วิญญาณประเภทมังกรจะหาได้ยากมาก แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ฉันกลัวหรอกนะ”

“ฉันจะทำให้เธอได้เห็นพลังของสัตว์วิญญาณของฉันเอง”

ไป๋จื่ออันรู้สึกตัว เขายิ้มออกมา

วินาทีต่อมา ไป๋จื่ออันก็โบกมือ เปิดมิติสัตว์วิญญาณก่อนจะเรียกสัตว์วิญญาณของตัวเองออกมา

อีกาสริุยะปีกเพลิงประกายทองปรากฏตัวบนลานฝึกฝน

ปีกสีทองแดงที่ยาวถึงหกเมตรดูเหมือนกับจะบดบังดวงอาทิตย์ มันปกคลุมลานฝึกฝนเอาไว้

สีหน้าของไป๋จื่อหนิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย

เธอรู้สึกได้ถึงอันตรายจากอีกาสริุยะปีกเพลิงประกายทอง

พูดตามตรง ถ้าไม่รู้ถึงระดับของอีกาสริุยะปีกเพลิงประกายทอง มันคงจะดูน่ากลัวมาก

ร่างกายที่ดูเหมือนกับเปลวเพลิง ดวงตาสีทอง ลายสุริยะที่อยู่ระหว่างคิ้ว มันเหมือนกับเทพเจ้า

ผู้ใช้สัตว์วิญญาณทั่วๆ ไปคงจะรู้สึกกดดันมากเมื่อได้เห็นมัน

จริงๆ แล้วมันก็เป็นแบบนั้น ยกเว้นไป๋จื่อหนิง สีหน้าของลูกหลานตระกูลไป๋ทุกคนที่กำลังยืนดูอยู่ข้างๆ ลานประลองต่างก็เปลี่ยนไป

แต่ไม่นาน ไป๋จื่อหนิงก็ตั้งสติได้

“ก็แค่สัตว์วิญญาณระดับเงิน? แถมยังเป็นแค่ระดับเงินขั้นต้น?”

“พลังแค่นี้? ยังจะกล้ามาสู้กับมังกรเมฆาปีกขาวของฉันอีก?”

ถึงแม้ว่าตอนแรกไป๋จื่อหนิงจะตกตะลึงกับรูปลักษณ์ของอีกาสริุยะปีกเพลิงประกายทองก็จริง

แต่หลังจากที่เธอรู้สึกตัว สัมผัสได้ถึงระดับของอีกาสริุยะปีกเพลิงประกายทองแล้ว เธอก็รู้สึกผิดหวัง

อีกาสริุยะปีกเพลิงประกายทองเป็นแค่สัตว์วิญญาณระดับเงิน?

มันดูไม่เข้ากับรูปลักษณ์ที่น่าเกรงขามของมันเลย

ไป๋จื่ออันเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงได้กล้าท้าสู้กับเธอ?

“ไม่สู้แล้วจะรู้ผลได้ยังไง?”

“บางทีมังกรเมฆาปีกขาวของเธออาจจะเป็นได้แค่แมวป่าก็ได้นะ”

“เริ่มการประลองได้ อีกาสุริยะ!”

ไป๋จื่ออันยิ้ม เขาไม่ได้สนใจไป๋จื่อหนิง เขาออกคำสั่งให้อีกาสริุยะปีกเพลิงประกายทองทันที

เขาให้อีกาสริุยะปีกเพลิงประกายทองโจมตีมังกรเมฆาปีกขาว

“กา!!”

อีกาสริุยะปีกเพลิงประกายทองขยับปีก มันบินขึ้นฟ้า

ในเวลาเดียวกัน ลูกไฟมากมายก็พุ่งเข้าหามังกรเมฆาปีกขาว

“มังกรเมฆาปีกขาว! ทำให้พวกมันได้เห็นพลังที่แท้จริงของพวกเรา!”

ไป๋จื่อหนิงก็ไม่ยอมแพ้ เธอออกคำสั่งให้มังกรเมฆาปีกขาวโจมตี

มังกรเมฆาปีกขาวกระพือปีก มันบินขึ้นฟ้า

มันควบคุมพลังงานลม โจมตีอีกาสริุยะปีกเพลิงประกายทอง

การต่อสู้อันดุเดือดเริ่มต้นขึ้น

แต่พอการต่อสู้เริ่มต้นขึ้น ไป๋จื่อหนิงกับลูกหลานของตระกูลไป๋ที่อยู่ข้างๆ ลานประลองก็ตกตะลึง

เพราะอีกาสริุยะปีกเพลิงประกายทองของไป๋จื่ออันสามารถต่อกรกับมังกรเมฆาปีกขาวของไป๋จื่อหนิงได้อย่างสูสี

ในสายตาของไป๋จื่อหนิง ไป๋จื่อห่าว และคนอื่นๆ เรื่องแบบนี้เป็นไปไม่ได้

รู้มั้ยว่าไป๋จื่อหนิงไม่ใช่ผู้ใช้สัตว์วิญญาณธรรมดาๆ ส่วนมังกรเมฆาปีกขาวก็ไม่ใช่สัตว์วิญญาณธรรมดาๆ

สัตว์วิญญาณที่มีคุณสมบัติระดับราชันย์ทำให้มันสามารถต่อกรกับสัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่งกว่าได้

มังกรเมฆาปีกขาวระดับทองคำขั้นต้นสามารถต่อสู้กับสัตว์วิญญาณระดับเพชรขั้นต้นได้

ยิ่งไปกว่านั้น มังกรเมฆาปีกขาวยังเป็นถึงสัตว์วิญญาณประเภทมังกร

ดังนั้นพลังต่อสู้ที่แท้จริงของมังกรเมฆาปีกขาวจึงแข็งแกร่งมาก มันสามารถปราบปรามสัตว์วิญญาณระดับเพชรขั้นต้นได้อย่างง่ายดาย

ในสายตาของทุกคน เธอคืออัจฉริยะ

แต่ไม่คิดเลยว่าตอนที่มังกรเมฆาปีกขาวสู้กับอีกาสริุยะปีกเพลิงประกายทอง มันกลับไม่ได้เปรียบแต่อย่างใด

หรือว่าพรสวรรค์ของอีกาสริุยะปีกเพลิงประกายทองจะสูงกว่ามังกรเมฆาปีกขาวของไป๋จื่อหนิง?

ลูกหลานของตระกูลไป๋จึงตกตะลึงมากขนาดนี้

ไป๋จื่ออันไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของพวกเขา เขามองการต่อสู้บนฟ้าอย่างเงียบๆ เขากำลังสังเกตพลังต่อสู้ที่แท้จริงของมังกรเมฆาปีกขาว

ไป๋จื่ออันยิ้มออกมา

เพราะตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าพลังต่อสู้ที่แท้จริงของมังกรเมฆาปีกขาวของไป๋จื่อหนิงนั้นเหนือกว่าระดับเพชรขั้นต้น แต่มันไม่ได้เป็นถึงระดับเพชรขั้นกลาง

แบบนี้ไป๋จื่ออันก็ไม่ต้องกังวลอะไร

เพราะพลังต่อสู้ที่แท้จริงของอีกาสริุยะปีกเพลิงประกายทองนั้นสามารถปราบปรามสัตว์วิญญาณระดับเพชรขั้นกลางได้

นั่นหมายความว่าพลังต่อสู้ที่แท้จริงของอีกาสริุยะปีกเพลิงประกายทองนั้นเหนือกว่าระดับเพชรขั้นกลาง แต่มันก็ยังไม่สามารถเทียบเท่าได้กับระดับเพชรขั้นสูง

โดยรวมแล้ว พลังต่อสู้ที่แท้จริงของอีกาสริุยะปีกเพลิงประกายทองนั้นเหนือกว่ามังกรเมฆาปีกขาว

ใช่แล้ว ถึงแม้ว่าระดับของมันจะต่ำกว่า แต่มันก็แข็งแกร่งกว่ามังกรเมฆาปีกขาว

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ แต่มันก็เป็นเรื่องปกติ

เพราะคุณสมบัติของอีกาสริุยะปีกเพลิงประกายทองนั้นสูงส่งมาก

คุณสมบัติระดับตำนานเหนือกว่าคุณสมบัติระดับราชันย์ของมังกรเมฆาปีกขาว

อีกาสริุยะปีกเพลิงประกายทองยังเป็นสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์ มันไม่เหมือนกับมังกรเมฆาปีกขาว

ยิ่งไปกว่านั้น อีกาสริุยะปีกเพลิงประกายทองยังคงวิวัฒนาการไปเป็นอีกาสามขาในตำนาน มันได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์มาบางส่วน

ลายสุริยะที่อยู่ตรงกลางระหว่างคิ้วของอีกาสริุยะปีกเพลิงประกายทองกำลังดูดซับพลังงานสุริยะจากที่ไกลๆ

ดังนั้น ผลลัพธ์ที่ออกมาจึงเป็นแบบนี้

เมื่อการต่อสู้ดำเนินต่อไป อีกาสริุยะปีกเพลิงประกายทองก็เริ่มได้เปรียบ

ตอนนี้ไป๋จื่อหนิงเริ่มกังวลแล้ว

เธอไม่คิดเลยว่าสัตว์วิญญาณของไป๋จื่ออันจะแข็งแกร่งขนาดนี้

เห็นได้ชัดว่ามันเป็นแค่สัตว์วิญญาณระดับเงิน แต่พลังต่อสู้ที่แท้จริงของมันกลับไม่ด้อยไปกว่ามังกรเมฆาปีกขาวของเธอ แถมยังดูแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ

ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป มังกรเมฆาปีกขาวของเธออาจจะแพ้ก็ได้

ตอนนั้นเอง ไป๋จื่อหนิงก็คิดที่จะใช้พรสวรรค์ควบคุมสัตว์

แต่พรสวรรค์ของเธอนั้นพิเศษมาก

ถึงแม้ว่ามันจะทรงพลังมาก แต่ทุกครั้งที่ใช้มัน เธอจะต้องเจอกับผลข้างเคียง เธออาจจะต้องพักผ่อนเป็นเวลาหลายวัน

แต่พอคิดถึงใบหน้าที่หยิ่งผยองของไป๋จื่ออันถ้าเขาได้รับชัยชนะ

ไป๋จื่อหนิงก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป

ไม่ได้ เธอจะแพ้ให้กับไป๋จื่ออันไม่ได้

ต่อให้ต้องนอนพักหลายวัน เธอก็ต้องเอาชนะเขาให้ได้

ไม่งั้นเธอคงจะไม่กล้าไปเจอหน้าไป๋จื่ออันอีก

เมื่อคิดได้แบบนั้น ไป๋จื่อหนิงก็ตัดสินใจได้

ไป๋จื่อหนิงจึงหลับตาลง เธอเริ่มใช้พรสวรรค์ของตัวเอง

ตอนนั้นเอง มังกรเมฆาปีกขาวของไป๋จื่อหนิงก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง

มันถอยห่างจากอีกาสริุยะปีกเพลิงประกายทอง มันบินขึ้นไปบนฟ้าเหนือหัวของไป๋จื่อหนิง

ในเวลาเดียวกัน ออร่ามังกรอันพิเศษก็แผ่ออกมาจากมังกรเมฆาปีกขาว

“เธอจะใช้พรสวรรค์ระดับ SS งั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าไป๋จื่อหนิงจะจนมุมแล้ว”

“แต่เธอไม่ได้มีพรสวรรค์ควบคุมสัตว์แค่คนเดียวนะ ฉันเองก็มี แถมมันยังแข็งแกร่งกว่าของเธออีกด้วย”

ไป๋จื่ออันพึมพำในใจ เขาไม่ได้พูดอะไรมากมาย เขาใช้พรสวรรค์ [เปลวอัคคี] ทันที

ตอนนี้ร่างกายของอีกาสริุยะปีกเพลิงประกายทองถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงอัคคี มันกลายเป็นนกเพลิง

ในเวลาเดียวกัน ไป๋จื่อหนิงก็ใช้พรสวรรค์ควบคุมสัตว์ระดับ SS [ลมหายใจมังกร] ได้สำเร็จ

ตอนนี้ดวงตาของมังกรเมฆาปีกขาวกลายเป็นสีทอง ร่างกายของมันถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีทองอ่อน

ออร่าของมังกรเมฆาปีกขาวแข็งแกร่งขึ้น มันทะลุขีดจำกัดของตัวเองไปแล้ว

การโจมตีแต่ละครั้งของมันล้วนแล้วแต่มีพลังมังกรแฝงอยู่

“ออร่านี้... พลังต่อสู้ที่แท้จริงของมังกรเมฆาปีกขาวทะลุขีดจำกัดของระดับเพชรขั้นกลางแล้ว มันเป็นถึงระดับเพชรขั้นสูง”

“พรสวรรค์ระดับ SS [ลมหายใจมังกร] น่าทึ่งจริงๆ”

“แต่อีกาสริุยะปีกเพลิงประกายทองที่ได้รับพรจากพรสวรรค์ [เปลวอัคคี] ก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่ามังกรนั่นหรอกนะ”

ไป๋จื่ออันพึมพำ เขาถอนหายใจ

แต่เขาไม่ได้คิดว่าอีกาสริุยะปีกเพลิงประกายทองที่ได้รับพรจากพรสวรรค์ [เปลวอัคคี] จะอ่อนแอกว่ามังกรเมฆาปีกขาวของไป๋จื่อหนิง

เมื่อคิดได้แบบนั้น ไป๋จื่ออันก็สั่งให้อีกาสริุยะปีกเพลิงประกายทองโจมตี

การต่อสู้อันดุเดือดบนฟ้าเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

0 0 โหวต

Article Rating

0 Comments

Inline Feedbacks

ดูความคิดเห็นทั้งหมด