ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 290 พระมหาไวโรจนตถาคตจุติ
ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 290 พระมหาไวโรจนตถาคตจุติ
จากนั้น จี๋อวิ๋นกวาดผ่านหุ่นเชิดหวงหลงเจิ้นเหริน มิได้คิดที่จะอัญเชิญออกมา
หุ่นเชิดระดับกึ่งราชันเซียนเพียงตนเดียว ยังไม่เพียงพอสำหรับการสร้างนิกายฉ่าน รอให้อัญเชิญหุ่นเชิดนิกายฉ่านที่แข็งแกร่งกว่านี้ได้ก่อน ค่อยว่ากัน
ท้ายที่สุดแล้ว ตอนนี้เขาอยู่บนโลกเบื้องบน
ยิ่งไปกว่านั้น จี๋อวิ๋นไม่คิดที่จะสร้างขุมอำนาจเช่นเดียวกับตอนที่อยู่บนโลกเบื้องล่าง
เขาต้องการให้ขุมอำนาจที่เหลือ ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับความยิ่งใหญ่ สะเทือนเลือนลั่นฟ้าดิน เช่นนี้จึงจะดูน่าเกรงขาม
ดังนั้น อย่างน้อยก็ต้องเป็นระดับราชันเซียน หรือราชันเซียนเหนือหล้า จึงจะตรงตามมาตรฐาน
“ถึงเวลานั้น ค่อยเพิ่ม ‘ลูกเล่น’ เข้าไป รับรองว่าต้องอลังการงานสร้าง!”
จี๋อวิ๋นพึมพำในใจ เมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์นั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น
จากนั้นเขาก็สะบัดความคิดนี้ออกไป ทำการอัญเชิญต่อ
ตึ้ง!
[ได้รับหุ่นเชิดทหารสวรรค์สามพันนาย]
[ได้รับหุ่นเชิดจิ้งจอกหน้าหยก]
[ได้รับหุ่นเชิดน่านโต่วชีชิงจวิน]
[ได้รับหุ่นเชิดหงส์ทอง]
หืม?
จี๋อวิ๋นฟังเสียงแจ้งเตือน เดิมทีคิดว่าครั้งนี้คงไม่มีหุ่นเชิดดี ๆ
แต่ทว่า เบื้องหน้าเขากลับปรากฏแสงสว่างเจิดจรัสขึ้นมา แม้จะเทียบไม่ได้กับหุ่นเชิดมหาจักรพรรดิเฟิงตูและหุ่นเชิดมหาจักรพรรดิจื่อเว่ย แต่ก็ยังคงเหนือกว่าหุ่นเชิดหวงหลงเจิ้นเหริน
เขารีบมองไปยังกลุ่มแสง เห็นเพียงสตรีผู้เลอโฉมสวมชุดทองยืนหยัดอยู่ภายใน
ทั่วทั้งร่างกายแผ่รัศมีอันสูงส่งและสง่างาม บนใบหน้าของนางปรากฏแววเย็นชาและหยิ่งผยอง ราวกับเทพธิดาที่มิอาจล่วงเกิน
จากการรับรู้ของจี๋อวิ๋น หุ่นเชิดสตรีผู้นี้มีกำลังรบเทียบเท่าราชันเซียนสามัญ
“หงส์ทองเช่นนั้นหรือ? ข้าจำได้ นางน่าจะเป็นทายาทของบรรพชนหงส์ มีสายเลือดเผ่าราชาหงส์”
จี๋อวิ๋นกล่าวในใจ
ในความหมายหนึ่ง หงส์ทองผู้นี้น่าจะเป็นพี่สาวของพญาเหยี่ยวปีกทองและข่งเสวียน
แน่นอนว่าพวกเขาคงไม่เคยพบเจอกัน
ท้ายที่สุดแล้ว ตอนที่พญาเหยี่ยวปีกทองและข่งเสวียนถือกำเนิด บรรพชนหงส์และหงส์ทองก็ร่วงโรยไปนานแล้ว
“ไม่เลว ได้หุ่นเชิดตนนี้มา ถือว่าไม่ขาดทุน”
จี๋อวิ๋นเผยรอยยิ้มแห่งความยินดี
ในเมื่อได้หุ่นเชิดระดับราชันเซียนมาเป็น ‘ตัวรับประกัน’ การอัญเชิญครั้งต่อไป เขาจึงไม่รู้สึกหวั่นเกรงใด ๆ
หากอัญเชิญได้ ก็ถือว่าเป็นกำไร หากไม่ได้ ก็ไม่เสียใจ
ตึ้ง!
[ได้รับหุ่นเชิด พระมหาไวโรจนตถาคต]
ตู้ม——!
ในขณะที่จี๋อวิ๋นคิดเช่นนั้น เบื้องหน้าของเขาก็ถูกแสงสว่างเจิดจรัสปกคลุม
เขาลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก มองไปยังภายในกลุ่มแสง
เห็นเพียงแสงสว่างเจิดจ้าแผ่ซ่านออกมา
ราวกับดวงอาทิตย์นับไม่ถ้วนตกลงมา ณ ที่แห่งนี้ ส่องสว่างทั่วทั้งหมื่นโลกา ทำให้สวรรค์และปฐพีเปล่งประกาย
ภายในนั้น ปรากฏร่างของพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง
ราวกับเป็นต้นกำเนิดของพระพุทธเจ้าทั้งหมด เป็นจุดเริ่มต้นของแสงธรรม
“พระมหาไวโรจนตถาคต ลู่หยาในยุคสมัยอนาคต ในที่สุดข้าก็อัญเชิญได้แล้ว!”
จี๋อวิ๋นเผยความตื่นเต้นออกมาอย่างมิอาจปกปิด
ตั้งแต่ที่เขาอัญเชิญหุ่นเชิดลู่หยาได้ตอนที่อยู่บนโลกเบื้องล่าง ภายในใจเขาก็ต้องการอัญเชิญพระมหาไวโรจนตถาคตผู้นี้
ในที่สุด ความปรารถนาของเขาก็เป็นจริง!
จากการรับรู้ของจี๋อวิ๋น พลังรบของพระมหาไวโรจนตถาคตผู้นี้ เทียบเท่าราชันเซียนเหนือหล้า!
“ดังคาด เช่นเดียวกับหุ่นเชิดมหาจักรพรรดิจื่อเว่ยและหุ่นเชิดมหาจักรพรรดิเฟิงตู!”
จี๋อวิ๋นรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง เช่นนี้แล้ว นิกายพุทธก็มียอดฝีมือระดับราชันเซียนเหนือหล้าคอยปกป้อง
“ก่อนหน้านี้ ข้าเพียงแค่พูดเล่น ๆ ว่านิกายพุทธกำลังจะรุ่งโรจน์ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นจริง”
จี๋อวิ๋นกล่าวในใจอย่างตกตะลึง หรือว่าปากของเขาจะศักดิ์สิทธิ์?
จากนั้นเขาก็นึกถึงบางสิ่ง สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ตอนนี้ วังสวรรค์ ยมโลก และนิกายพุทธ ต่างก็มียอดฝีมือระดับราชันเซียนเหนือหล้าคอยปกป้อง ถึงเวลาที่พวกเขาจะ ‘แสดงละคร’ แล้ว”
เช่นนี้แล้ว ชื่อเสียงของวังสวรรค์และนิกายพุทธ ก็จะโด่งดังขึ้น
ท้ายที่สุด ชื่อเสียงของยมโลกก็โด่งดังไปทั่วแล้ว
หากข่าวสารที่พวกเขาต่อสู้กับยมโลกมานานหลายยุคหลายสมัยถูกเปิดเผย
ย่อมสามารถทำให้วังสวรรค์และนิกายพุทธโด่งดังขึ้นอย่างแน่นอน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนิกายพุทธ พวกเขาไร้ชื่อเสียง
จำเป็นต้อง ‘อวดอ้างพลัง’ สักครั้ง!
“ตกลง เช่นนี้แหละ!”
จี๋อวิ๋นวางแผนทุกอย่างเอาไว้ในใจ
จากนั้น เขามองดูหุ่นเชิดที่เหลือ เห็นว่าไม่มีหุ่นเชิดดี ๆ จึงไม่สนใจ
ชั่วขณะถัดมา จี๋อวิ๋นก็มายืนอยู่บนท้องฟ้า
ครั้งนี้ เขาไม่ได้เข้าไปในโลกของม้วนภาพขุนเขาและท้องทะเลเพื่ออัญเชิญหุ่นเชิด
แต่กลับเลือกที่จะอัญเชิญในโลกภายนอก
“ในเมื่อตัดสินใจที่จะ ‘อวดอ้างพลัง’ ย่อมต้องใช้ ‘นิมิต’ ที่ปรากฏขึ้นให้เกิดประโยชน์”
จี๋อวิ๋นพึมพำเบา ๆ
จากนั้น เขาก็ติดต่อกับระบบ เริ่มต้นอัญเชิญพระมหาไวโรจนตถาคต
“ตู้ม———!!”
ทันใดนั้น
นิมิตอันน่ากลัวยิ่งนักก็จุติลงมา!
ในชั่วขณะนี้ สรรพชีวิตมากมายในหกมหาโลกต่างก็เงยหน้าขึ้นมองโดยไม่รู้ตัว
เพราะเบื้องบนท้องฟ้าอันไกลโพ้น ปรากฏดวงอาทิตย์ขนาดใหญ่ขึ้นมา
ราวกับครอบคลุมทั่วทั้งจักรวาล อดีต ปัจจุบัน และอนาคต
สว่างไสว ทั่วทุกหนแห่ง
จากนั้น ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของสรรพชีวิต
พวกเขาก็เห็นภายในดวงอาทิตย์อันเจิดจรัสนั้น
ปรากฏร่างอันยิ่งใหญ่ขึ้นมาอย่างเชื่องช้า
ราวกับว่าสวรรค์และปฐพี อดีต ปัจจุบัน ต่างก็โคจรรอบเขา
ศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่ สง่างามและน่าเกรงขาม!
ในชั่วขณะนี้ ภายในใจของสรรพชีวิตในหกมหาโลกราวกับได้ยินเสียงสวรรค์
แฝงไว้ด้วยความเมตตาและความยิ่งใหญ่
“นั่น นั่นคือใครกัน!?”
“น่า น่ากลัวจริง ๆ นั่นคือ… กลิ่นอายของราชันเซียนเหนือหล้า!”
“ไม่เคยพบเห็นราชันเซียนเหนือหล้าเช่นนี้มาก่อน!”
มิใช่เพียงสรรพชีวิตมากมายที่ตกตะลึง ราชันเซียนและราชันเซียนเหนือหล้าในหกมหาโลก ต่างก็ตื่นขึ้นมา
ทุกคนต่างมองไปยังร่างอันยิ่งใหญ่ที่ราวกับครอบคลุมอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
ในขณะที่พวกเขากำลังคาดเดาว่าผู้นั้นคือใคร
“ตู้ม!”
ทันใดนั้น ท้องฟ้าก็สั่นสะเทือน ปลดปล่อยพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ ครอบงำสวรรค์และปฐพี ทะลวงผ่านหมื่นโลกา!
มหาจักรพรรดิจื่อเว่ยปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางแสงดาวนับล้านสาย ยืนหยัดอยู่บนท้องฟ้า
มองไปยังร่างที่อยู่ในดวงอาทิตย์ เอ่ยวาจาเย็นชาออกมาว่า
“พระมหาไวโรจนตถาคตแห่งนิกายพุทธ ไม่คิดเลยว่าเจ้าก็จุติลงมาเช่นกัน”
สิ้นคำกล่าวนี้ สรรพชีวิตมากมายในหกมหาโลก รวมไปถึงราชันเซียนและราชันเซียนเหนือหล้า ต่างก็ตกตะลึง
นิกายพุทธ? พระมหาไวโรจนตถาคต?
เป็นขุมอำนาจและตัวตนที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน!
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อมหาจักรพรรดิจื่อเว่ยแห่งวังสวรรค์เตรียมพร้อมเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่านิกายพุทธผู้นี้ ย่อมต้องแข็งแกร่งไร้เทียมทาน
แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะสงบสติอารมณ์
“ตู้ม!”
จากทิศทางหนึ่ง ก็มีพลังอำนาจสูงสุดแผ่ซ่านออกมา
จากนั้น แสงอเวจีอันไร้ขอบเขตก็ปรากฏตัวขึ้น กลายเป็นหน้ากากผีขนาดใหญ่
เบื้องล่างหน้ากากผี ยืนหยัดอยู่ร่างอันเลือนราง ราวกับเป็นผู้ปกครองฟ้าดิน ลึกลับและไม่อาจหยั่งถึง
ในชั่วขณะที่หน้ากากผีปรากฏขึ้น สรรพชีวิตมากมายในหกมหาโลกต่างก็ตกตะลึง
“เป็นยมโลก! ยมโลกปรากฏตัวขึ้นแล้ว!”
“นั่นคือยอดฝีมือระดับราชันเซียนเหนือหล้าของยมโลกหรือ? แข็งแกร่งจริง ๆ!”
“วังสวรรค์และนิกายพุทธเผชิญหน้ากัน กลับดึงดูดยมโลกให้ปรากฏตัว!
“พวกเขามีเรื่องบาดหมางกันอย่างนั้นหรือ?”
.........
ในชั่วขณะนี้ สรรพชีวิตมากมายในหกมหาโลก ต่างก็ตกตะลึง พวกเขาต่างพากันคาดเดา