บทที่ 9 ธุรกิจแรก
หลังจากกำหนดราคาขายเรียบร้อย ฟางเสิ่นก็ปิดคอมพิวเตอร์ แล้วใช้เวลาช่วงบ่ายพักผ่อนอย่างสบายใจ แต่ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงโทรศัพท์
“ฟางเสิ่น นายบ้าไปแล้วเหรอ! เอาก้อนหินบ้าบออะไรมาตั้งราคาขายตั้งสิบล้าน?” เสียงเซี่ยหย่าซวีดังลั่นมาตามสาย ทันทีที่รับสาย ฟางเสิ่นก็ได้ยินเสียงของเธอที่แสดงถึงความโกรธสุดขีดได้ชัดเจน ถึงแม้จะผ่านมาทางสายโทรศัพท์ แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงอารมณ์เดือดดาลของเธอ
ฟางเสิ่นยิ้มเจื่อนๆ และค่อยๆ ยกโทรศัพท์ออกห่างจากหูเล็กน้อย ทว่าในใจกลับรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
ด้วยความรู้สึกผิดในใจเล็กน้อย เซี่ยหย่าซวีจึงทุ่มเทช่วยเหลือฟางเสิ่นในเรื่องธุรกิจของเขาอย่างเต็มที่ รวมถึงการช่วยทำเว็บไซต์โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
เซี่ยหย่าซวีโกรธจัด
เธอคิดถึงเรื่องเว็บไซต์ประมูลอยู่ตลอดเวลา พอฟางเสิ่นกลับมาและช่วยแก้ปัญหาการออกแบบเว็บไซต์ในบางจุดได้ เซี่ยหย่าซวีก็ขลุกอยู่กับการทำเว็บไซต์จนถึงตีสองตีสาม กว่าจะพอใจจึงได้พักผ่อน เช้าวันถัดมาระหว่างที่เรียนเธอก็แทบจะหลับคาโต๊ะ พอหมดคาบเรียนก็รีบกลับมาที่ห้องพักทันที เพราะอยากจะตรวจเช็กทุกอย่างอีกครั้ง แต่พอเห็นสิ่งที่ฟางเสิ่นอัปโหลดขึ้นเว็บไซต์ เธอก็แทบจะระเบิดออกมา
หินตรึงวิญญาณ ตั้งราคาขายไว้หนึ่งล้านหยวน
แม้แต่เพชรก็ยังไม่แพงขนาดนี้ ยิ่งเป็นแค่ก้อนหินธรรมดาที่ดูเหมือนไร้ค่าไม่ต่างจากเศษขยะด้วยแล้ว ในสายตาเซี่ยหย่าซวี ฟางเสิ่นทำเหมือนเป็นเรื่องเล่นๆ แผนของเธอคือ ค่อยๆ ประมูลของเล็กๆ น้อยๆ ที่มีความสวยงามแปลกตาเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ ดึงดูดลูกค้า และสร้างชื่อเสียง หลังจากนั้นจึงค่อยๆ ขยายแหล่งสินค้าและฐานลูกค้าไปเรื่อยๆ จึงจะเป็นการบริหารธุรกิจที่ถูกต้อง
เธอไม่พอใจกับวิธีการของฟางเสิ่นอย่างมาก จึงดุเขาไปยกใหญ่ผ่านโทรศัพท์จนพอใจแล้วจึงวางสายไป
“กริ๊ง~”
เพิ่งจะวางสายไปได้ไม่นาน เซี่ยหย่าซวีก็หันกลับไปหาน้ำดื่ม แต่จู่ๆ โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นอีกครั้ง เธอหันกลับไปมองอย่างสงสัย และพบว่าเป็นเบอร์แปลกที่เธอไม่รู้จัก
“ฮัลโหล~” เซี่ยหย่าซวีพึมพำเบาๆ พลางกดรับสาย
หลังจากผ่านไปเพียงไม่กี่วินาที เสียงของเธอก็ดังลั่นห้องพักด้วยความตกใจ “อะไรนะ? คุณจะซื้อก้อนหิน...เอ่อ หินก้อนนั้นเหรอ?”
…
ย่านหมิงจู บริเวณชุมชนริมแม่น้ำ ฟางเสิ่นก้าวลงจากรถแท็กซี่ มองไปยังกลุ่มบ้านพักหรูที่ตั้งอยู่ด้านหน้า
ผู้ที่อาศัยอยู่ในย่านนี้ล้วนเป็นผู้มีฐานะดีทั้งสิ้น ถ้าไม่รวยก็ต้องมีอำนาจ แน่นอนว่าเศรษฐีระดับสูงส่วนใหญ่ก็คงจะไม่สนใจที่นี่นัก ตระกูลฟางก็เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นช่วงรุ่งเรืองหรือช่วงตกต่ำ ฟางเสิ่นก็ไม่เคยเหยียบย่านนี้มาก่อนเลย
หลังจากได้รับโทรศัพท์จากเซี่ยหย่าซวี ฟางเสิ่นก็ประหลาดใจไม่น้อย
มีคนให้ความสนใจกับหินตรึงวิญญาณที่เขานำมาประมูล แม้ว่าเว็บไซต์ประมูลจะเพิ่งเปิดใหม่ ยังไม่ค่อยสมบูรณ์และยังไม่มีชื่อเสียงมากนัก และเนื่องจากฟางเสิ่นไม่สามารถติดต่อได้ เซี่ยหย่าซวีจึงลงเบอร์ติดต่อของเธอเอาไว้
ผู้ซื้อจึงติดต่อกับเซี่ยหย่าซวีโดยตรง และแสดงความสนใจในหินตรึงวิญญาณ แต่ราคาหนึ่งล้านหยวนนั้นสูงเกินไป ทำให้ผู้ซื้อลังเล ไม่กล้าซื้อเพราะกลัวว่าจะถูกหลอก โชคดีที่อีกฝ่ายไม่ได้ปฏิเสธทันที แต่ขอนัดพบเพื่อพูดคุยรายละเอียดเพิ่มเติม
เนื่องจากนี่เป็นการทำธุรกิจครั้งแรก เซี่ยหย่าซวีจึงจริงจังกับเรื่องนี้มาก เธอถึงขั้นบังคับให้ฟางเสิ่นมาพบผู้ซื้อด้วยตัวเอง หากเธอไม่มีเรียน เธอก็คงจะตามมาด้วยแน่ๆ
ฟางเสิ่นเดินไปที่หน้าโครงการ และพบกับพนักงานรักษาความปลอดภัยที่มองมาด้วยท่าทางระแวดระวัง ฟางเสิ่นมีท่าทีสง่างามอย่างบอกไม่ถูก และยังมีบรรยากาศบางอย่างที่ทำให้พนักงานรักษาความปลอดภัยรู้สึกเกรงกลัว แม้จะเห็นว่าเขาแต่งตัวธรรมดา แต่ก็ไม่กล้าไล่เขาออกไป
“ผมมาหาครอบครัวนี้ครับ” ฟางเสิ่นเดินตรงไปข้างหน้าและยื่นข้อมูลการติดต่อให้พนักงานรักษาความปลอดภัย
“นี่มันบ้านของท่านสวี่” พนักงานรักษาความปลอดภัยมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขารีบติดต่อเจ้าของบ้านเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง พอได้รับการยืนยันก็รีบปล่อยให้ฟางเสิ่นผ่านเข้าไปทันที พร้อมทั้งบอกเส้นทางไปอย่างกระตือรือร้น
เมื่อเดินมาถึงบ้านที่นัดหมาย ฟางเสิ่นก็กดกริ่ง ไม่ทันไรเขาก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจากด้านใน ประตูเปิดออก และเมื่อเห็นคนที่เปิดประตู ฟางเสิ่นก็ต้องประหลาดใจ เพราะผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาคือหญิงวัยกลางคนที่เคยร่วมทริปท่องเที่ยวด้วยกัน และเป็นคนแรกที่รับนามบัตรของเขาไป
“อ้าว คุณฟาง จริงๆ ด้วย รีบเข้ามาสิ” หญิงวัยกลางคนทักทายอย่างอบอุ่นและเชิญฟางเสิ่นเข้าบ้านทันที
เมื่อเห็นว่าเป็นเธอ ฟางเสิ่นก็พอจะเข้าใจสถานการณ์ได้บ้าง
“คุณป้าซู เป็นคุณโทรมานัดพวกเราเหรอครับ?” ฟางเสิ่นยังจำได้ว่าผู้หญิงคนนี้แซ่ซู ตอนอยู่ในกรุ๊ปทัวร์เขาก็รู้ว่าเธอดูเหมือนจะมีเรื่องไม่สบายใจอยู่ และยังถามเขาเกี่ยวกับเว็บไซต์ประมูล “สองโลก” ด้วย
ทันทีที่ได้ยินเรื่องนี้ ดวงตาของซูซิ่วก็เริ่มแดงก่ำ “คุณฟาง ป้ารู้ว่าคุณเป็นคนมีความสามารถ ยังไงก็ช่วยป้าด้วยเถอะนะ”
ฟางเสิ่นขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าเบาๆ
ซูซิ่วปาดน้ำตา ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังอย่างช้าๆ
ที่แท้แล้ว สามีของซูซิ่วล้มป่วยด้วยโรคประหลาด เมื่อครึ่งปีก่อนเขาเริ่มมีอาการคลุ้มคลั่งอย่างไม่ทราบสาเหตุ เขาทำตัวแปลกๆ จนคนในครอบครัวหวาดกลัวกันหมด
ทุกครั้งที่อาการกำเริบ สามีของซูซิ่วก็จะทำตัวเหมือนคนเสียสติ ไม่รู้จักแม้กระทั่งคนในครอบครัว เขาทำเรื่องบ้าๆ บอๆ ที่ไม่มีเหตุผล จนบริษัทที่เคยบริหารได้ดีเกือบจะล้มละลายเพราะคำสั่งของเขา แต่พอเขากลับมาเป็นปกติ ก็ไม่สามารถจดจำสิ่งที่ตัวเองทำตอนที่อาการกำเริบได้เลย ทุกอย่างกลายเป็นความว่างเปล่าในความทรงจำ และเมื่อไม่นานมานี้ อาการของเขาก็ยิ่งทรุดหนักลง ในชีวิตประจำวันหรือแม้กระทั่งตอนทำงาน เขาก็จะเป็นลมหมดสติไปดื้อๆ จนแทบไม่หายใจ ร่างกายเหมือนคนตาย แต่พอฟื้นขึ้นมาก็ไม่มีปัญหาอะไรเหมือนเดิม พอถามถึงเรื่องราวตอนที่หมดสติไป เขาก็ยังจำอะไรไม่ได้อีกเช่นเคย
เพื่อรักษาโรคประหลาดนี้ ซูซิ่ววิ่งวุ่นไปทั่ว พาสามีไปหาหมอชื่อดังมาแล้วมากมาย
แต่ไม่ว่าจะไปโรงพยาบาลไหน หรือจะเป็นแพทย์แผนปัจจุบันหรือแพทย์แผนจีน ก็ไม่สามารถหาสาเหตุได้เลย ต่อให้เชิญผู้เชี่ยวชาญระดับโลกมากี่คน ก็ไม่มีใครหาสาเหตุเจอ ผลตรวจทุกครั้งบอกว่าร่างกายของเขาปกติดีทุกอย่าง ไม่มีความผิดปกติใดๆ
การออกทริปท่องเที่ยวครั้งนี้ก็เพราะซูซิ่วรู้สึกเหนื่อยล้าหมดแรงใจตามคำแนะนำของลูกชายที่อยากให้เธอออกมาเปิดหูเปิดตา และพอเห็นฟางเสิ่นสามารถจัดการพวกโจรปล้นรถได้ในพริบตาโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ประกอบกับคำอธิบายที่เขาเคยพูดถึงเว็บไซต์ประมูล “สองโลก” ทำให้ซูซิ่วเกิดความหวังขึ้นมาในใจ ตอนนี้เธอเหมือนคนจมน้ำที่พยายามคว้าเศษฟางใกล้ตัวไว้แม้เพียงเล็กน้อยก็ตามที
ฟางเสิ่นไม่ได้ทิ้งช่องทางการติดต่อไว้ แต่ซูซิ่วโชคดีที่ยังเก็บนามบัตรนั้นไว้ไม่หาย เมื่อเธอลองเข้าเว็บไซต์ประมูลก็พบคำอธิบายเกี่ยวกับหินตรึงวิญญาณ จึงตัดสินใจโทรหาเซี่ยหย่าซวีด้วยความหวังเพียงน้อยนิด
“คุณฟาง เอ่อ… ราคาหนึ่งล้านนั้นมันสูงไปหน่อยหรือเปล่า?” ซูซิ่วอ้ำๆ อึ้งๆ พูดอย่างลังเล
ถึงฐานะของเธอจะพอซื้อได้ แต่การจะควักเงินถึงหนึ่งล้านหยวนเพื่อซื้อก้อนหินสักก้อน มันก็เกินจะตัดสินใจได้จริงๆ
“ผมเข้าใจครับ” ฟางเสิ่นพยักหน้าเบาๆ อย่างไม่แปลกใจ
ตอนที่ตั้งราคาหนึ่งล้านก็ไม่ได้ตั้งใจจะขายอยู่แล้ว จุดประสงค์ของเว็บไซต์นี้ก็แค่ใช้แสดงสินค้า การประมูลจริงๆ คงต้องรอจนกว่าจะตั้งบริษัทประมูลได้อย่างเป็นทางการ ถ้าซูซิ่วตัดสินใจซื้อหินตรึงวิญญาณไปหนึ่งล้านหยวนทันที นั่นแหละคงเป็นเรื่องแปลก
แน่นอนว่าหินตรึงวิญญาณถือเป็นวัตถุหายากที่ทรงคุณค่า ฟางเสิ่นจึงไม่คิดจะขายมันในราคาถูกๆ แน่นอน
“คุณฟาง พอจะมีวิธีช่วยอาการของสามีป้าได้ไหม?” ซูซิ่วถามด้วยแววตาเปี่ยมไปด้วยความหวัง เธอกลัวเหลือเกินว่าเขาจะตอบปฏิเสธ
“ผมนำของมาให้แล้วครับ แต่ป้าซู ก่อนจะบอกได้ว่ามันช่วยได้หรือไม่ ผมต้องขอพบคุณลุงก่อน” ฟางเสิ่นตอบเสียงเรียบ
เมื่อครู่เขาได้ใช้ดวงตาสวรรค์มองดูแล้ว บ้านหลังนี้ไม่มีพลังอาฆาตหรือสิ่งชั่วร้ายใดๆ บางทีอาการป่วยของสามีซูซิ่วอาจเกิดจากสาเหตุอื่น
หากยังไม่เห็นคนป่วย เขาคงบอกอะไรได้ไม่มากนัก
จบบท