ตอนที่แล้วบทที่ 863: โซลเบลดส์ ดาบแห่งการละทิ้งโลก – คมดาบไร้อาลัย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 865: วีรบุรุษแห่งท้องทะเล อิรุกะแมน

บทที่ 864 ศิลาแห่งชีวิตประเภทดิน พลังใหม่ของไทเกอร์


[\แปลโดยแฟนเพจ ยักษาแปร\มาติดตามในแฟนเพจ\เพื่อติดตามข่าวสารได้นะ\]

[\Thai-novel \ลงไวกว่าที่อื่น\ทุกที่ 5 ตอน\แต่จะราคาแพงที่สุด\]

[\หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง จะแก้ไขแบบเทียบคำต่อคำให้ตรงตามหลักไวยากรณ์ อ่านแบบเทียบภาษาต้นฉบับคำต่อคำ ซึ่งถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ\100คน\ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ซึ่งถ้ารู้ว่าหลุดจากที่ไหนก็จะไม่แก้ไขตรงเว็บนั้นครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบเวอร์ชั่นแรกไปนะครับ\]

บทที่ 864 ศิลาแห่งชีวิตประเภทดิน พลังใหม่ของไทเกอร์

หากปราศจากอาร์เซอุส  มิสุคงสิ้นชีพไปตั้งแต่สิบกว่าปีก่อน หรืออาจกล่าวได้ว่าในใจของเธอ ตัวเองนั้นตายไปนานแล้ว

อาร์เซอุสกลายเป็นศรัทธาใหม่ เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจใหม่  ในลัทธิอาร์เซอุส  ภายนอกเธออาจดูเป็นผู้มีสติที่สุด แต่ภายในใจกลับคลั่งไคล้ศรัทธามากกว่าใคร

ศรัทธาสำคัญยิ่งกว่าชีวิต  เธอพร้อมพลีชีพเพื่ออาร์เซอุส ไร้ซึ่งเยื่อใยต่อโลกใบนี้  ด้วยเหตุนี้เอง  เธอจึงสามารถดึงพลังแห่งคมดาบไร้อาลัยออกมาได้ถึงขีดสุด

รังสีอำมหิตแผ่ซ่านจากมิสุ  แม้แต่ไทเกอร์ยังรู้สึกถึงความเย็นยะเยือก

ท่าไม้ตายเพลิงอัคคีกลับไร้ซึ่งไออุ่น  เปลวเพลิงปีศาจจากดาบเจ็ดดาวถูกเปลวเพลิงของโซลเบลดส์กลืนกิน  ซากะถูกคมดาบที่แขนของมิสุแทงทะลุ

แม้ถูกดาบแทงทะลุ  แต่บาดแผลกลับไร้เลือด  มีเพียงสัญลักษณ์ดาบเจ็ดดาวที่แตกสลาย

"มิสุ...คุณสัญญากับมายาว่าจะไม่ทำร้ายเขาไม่ใช่เหรอครับ?"

"ฉันไม่ได้ทำร้ายเขา  แค่ทำให้ดูน่ากลัวเท่านั้นค่ะ"

มิสุถอยหลังสองก้าว  ซากะทรุดลงกับพื้น ราวกับหมดแรง  แต่บนหน้าอกกลับไร้ร่องรอยบาดแผล

นี่คือพลังของโปเกมอนประเภทผีแบบโซลเบลดส์  โปเกมอนประเภทผีหลายตนสามารถแปลงร่างเป็นวิญญาณเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีทางกายภาพได้  มิสุใช้พลังนี้เอง

แน่นอน  เธอยังมีวิธีทำร้ายร่างกาย  เพียงแต่ไม่ได้ใช้ในตอนนี้

จากนั้น  มิสุก็ฟาดดาบขึ้นฟ้าอีกหลายครั้ง  จิตวิญญาณที่หลุดออกจากร่างซากะถูกทำลาย  พลังงานที่แผ่ออกมาจากดาบเจ็ดดาวถูกดูดกลืนเข้าสู่ร่างเธอ

นั่นหมายความว่า  ดาบเจ็ดดาวได้หายไปจากโลกนี้แล้ว  จะไม่มีดาบเจ็ดดาวมาล่อลวงผู้คนอีกต่อไป

ไทเกอร์แบกซากะไว้บนบ่า  มิสุถือเศษดาบเจ็ดดาวกลับไปยังค่ายของมายา

...

"คุณย่า  พวกเราทำตามสัญญาแล้ว  เรื่องนั้น..."

"ไม่ต้องลำบากพวกคุณแล้วล่ะ  เมื่อครู่  อัญมณีทั้งสามแตกสลายไปเอง  ดาบเจ็ดดาวก็หายไป  บางทีพวกมันคงหมดความหมายที่จะอยู่ต่อไปแล้วล่ะ"

ทันทีที่มิสุจัดการดาบเจ็ดดาว  อัญมณีทั้งสามก็แตกสลายไปเอง  ไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังนั้นซ่อนความลับอะไรไว้

เมื่ออัญมณีแตกสลาย  เรดาร์ในมือมิสุก็กลับมาทำงานตามปกติ  มิสุกับไทเกอร์ตามสัญญาณเรดาร์ไปยังทะเลสาบแห่งหนึ่ง

"น่าจะอยู่ข้างล่าง  คุณไทเกอร์  ฝากด้วยนะคะ"

"เข้าใจแล้วครับ"

เมื่อทราบตำแหน่งที่แน่นอน  ไทเกอร์ก็ดำลงไปค้นหาศิลาแห่งชีวิตที่ก้นทะเลสาบอย่างรวดเร็ว  วิธีการค้นหาของเขาง่ายมาก  แค่ชกกำปั้นลงไปในน้ำก็พอ

เขาเป็นมนุษย์เงือก  พลังหมัดใต้น้ำไม่ได้ถูกลดลง  ด้วยวิธีการดั้งเดิมนี้  ไทเกอร์จึงพบวัตถุคล้ายศิลาแห่งชีวิตจากโคลนตมใต้ทะเลสาบในไม่ช้า

จากนั้น  มิสุก็ปรึกษาหารือเรื่องศรัทธาใหม่กับพวกเขา  แล้วพาสมาชิกอัศวินออกเดินทางไปพร้อมกับไทเกอร์

ชีวิตของซากะหลังจากฟื้นคืนจะเป็นอย่างไร  ผู้คนบนเกาะจะทำอะไรต่อไป  ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาต้องใส่ใจอีกแล้ว

ในการตัดสินใจเลือกจุดหมายปลายทาง  พวกเขายังคงใช้การปาเป้าเป็นครั้งคราว  จากนั้นจึงปรับเส้นทาง  การเดินทางกลับเรียบง่ายกว่ามาก

แม้พวกเขาจะเดินทางไปไกลมาก การจะกลับมายังเกาะต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่

ช่วงเวลานั้น เตโซโรวางแผนการใหม่ ให้คาเวนดิชกวาดล้างโจรสลัดจำนวนมากเพื่อเป็นหลักฐานแสดงความสำนึกผิด  พร้อมทั้งติดต่อสำนักข่าว โยนความผิดทั้งหมดให้กับบุคลิกอีกด้านของเขา

สร้างภาพลักษณ์คาเวนดิชเป็น "คนไข้โรคจิต" ผู้ที่เป็นเหยื่อด้วยอิทธิพลทางเศรษฐกิจ เขาจึงจัดการเรื่องค่าหัวของคาเวนดิชได้  หลังจากนั้น ชีวิตของคาเวนดิชก็ตกนรกทั้งเป็น

แต่ก่อนมีดีแค่หน้าตา  พอเริ่มเข้าวงการบันเทิง  ความสามารถที่ไม่มีเลยก็กลายเป็นปัญหา  ครูหลายคนจึงเริ่มสอนการแสดง  ผลักเขาเข้าสู่ชีวิตเด็กฝึกหัดอีกครั้ง

ส่วนบริษัทเหมืองแร่ใต้ทะเลของชาวเงือก  พวกเขาก็ได้ของใหม่เช่นกัน

ระหว่างขุดแร่ใต้ทะเล  วาตาสึมิพบศิลาจารึกจากซากโบราณสถานใต้น้ำ

ตอนที่แวนเดอร์เดเคนที่ 9 ถูกกำจัด  วาตาสึมิ ชาวเงือกตัวใหญ่ก็ถูกเกณฑ์มาใช้แรงงานชดใช้ความผิดที่เคยก่อ

ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่โต  เขาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ  คนเดียวดูแลพื้นที่เหมืองได้ทั้งเขต

ตอนกำลังเคลียร์ก้อนหินที่ขวางทาง  วาตาสึมิก็พบศิลาปริศนานั่น

สุดท้ายมันถูกส่งไปยังเกาะมนุษย์เงือกแห่งใหม่  และเมื่อไทเกอร์กลับมา  เขาก็รับช่วงต่อ นำศิลาปริศนาและศิลาแห่งชีวิตที่พบไปยังวาโนะคุนิ

...

"นายท่าน  ในที่สุดสาวกของท่านก็นำสิ่งที่ท่านต้องการกลับมา  ขอให้การกระทำของพวกเราเป็นส่วนหนึ่งในการมาถึงของโลกใหม่  นำพาความรุ่งโรจน์ของท่านกลับคืนมา"

ทันทีที่ศิลาเข้าใกล้วาโนะคุนิ  มันก็ถูกอาร์เซอุสเรียกกลับคืนสู่ร่าง  คราวนี้ออร่าของอาร์เซอุสดูมั่นคงขึ้น

การกลับมาของศิลาแห่งชีวิตแต่ละแผ่นทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง  ความมั่นคง หนักแน่นนี้  คืออำนาจพิเศษจากศิลาแห่งชีวิตประเภทดิน

นั่นหมายความว่า  ศิลาแห่งชีวิตลำดับที่ 14 มีพลังแห่งดิน

"ทำได้ดีมาก  พวกเจ้าสมควรได้รับรางวัล มิสุ เจ้าต้องการสิ่งใด?"

"นายท่าน  ดิฉันไม่ต้องการสิ่งใดค่ะ  การตามหาสิ่งที่ท่านต้องการคือภารกิจของดิฉัน  นี่เป็นเพียงส่วนเล็กน้อย  และเป็นสิ่งเดียวที่ดิฉันทำได้ค่ะ"

"เอาล่ะ  ข้าเข้าใจแล้ว  เช่นนั้น  ค่อยว่ากันเมื่อเจ้าต้องการ  คำสัญญานี้มีผลตลอดไป"

มิสุเลือกที่จะไม่รับ  แต่อาร์เซอุสไม่ให้ไม่ได้  ไม่เช่นนั้นกฎที่ตั้งมานานก็ไร้ความหมาย  ไม่ใช่แค่เธอ  สมาชิกกลุ่มอัศวินศักดิ์สิทธิ์ทุกคนก็มีรางวัล  แน่นอนว่ารวมถึงไทเกอร์ด้วย

"ไทเกอร์  เจ้าได้พิสูจน์ความสามารถแล้ว  มีคุณสมบัติที่จะได้รับพลังใหม่"

มิสุมีพลังแล้ว  ดังนั้นนอกจากเสริมพลัง  ยังมีสัญญาเพิ่มเติม  ส่วนไทเกอร์ต่างออกไป

ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไร  จึงไม่มีคุณสมบัติ  แต่ตอนนี้ เขาและมิสุค้นพบสิ่งสำคัญที่สุด  ย่อมมีสิทธิ์ได้รับพลัง

นอกจากศิลาแห่งชีวิตแล้ว  ไทเกอร์ยังนำโพนีกลิฟมาด้วย  ถึงจะไม่ใช่โร้ดโพนีฟลิฟ  แต่ก็เป็นสิ่งสำคัญมาก

"ตอนนี้เจ้าคือผู้แข็งแกร่งที่สุดในเกาะมนุษย์เงือก  เจ้ามีความมุ่งมั่นที่จะปกป้องเกาะมนุษย์เงือกหรือไม่?"

"แน่นอนครับ  การทำให้พี่น้องร่วมเผ่าพันธุ์ได้ยืนอยู่ใต้แสงอาทิตย์อย่างเท่าเทียม  คือเป้าหมายที่ผมพยายามมาตลอด"

"ดีมาก  เช่นนั้นพลังนี้เป็นของเจ้า  พลังของวีรบุรุษแห่งท้องทะเล"

\ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร\ลงแบบราคาถูกแค่ในMy-NovelและThai-novel\เท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับ\หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก\ ;-;_

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด