บทที่ 21 ร่ำรวยในพริบตา
ยาพิ่กู่ซ่านขายได้ 11 หินวิญญาณ ยาเม็ดจงเหมี่ยวขายได้ 150 หินวิญญาณ รวมกันแล้วได้ทั้งหมด 161 หินวิญญาณ
นี่คือรายได้ของหลัวเฉินในวันนี้
เมื่อหลัวเฉินนับหินวิญญาณเสร็จ เขาก็ยิ้มจนแทบจะหุบปากไม่ลง
หลังจากที่ไม่ขาดทุนไม่มีกำไรมาเนิ่นนาน ในที่สุดครั้งนี้ก็เริ่มทำกำไรเล็ก ๆ ได้บ้างแล้ว
หากนับรวมกับหินวิญญาณอีก 92 ก้อนที่ได้จากเจ้าคนอายุสั้น สะสมรวมแล้ว เงินเก็บของเขาก็พุ่งพรวดไปถึง 253 ก้อนทันที!
นี่ถือเป็นจุดสูงสุดที่ไม่เคยมีมาก่อนเลย!
สามารถซื้ออาวุธเวทขั้นต่ำได้สองชิ้น หรือไม่ก็ซื้อยาเสริมลมปราณครึ่งขวด หรือจะกินอาหารเลี้ยงลมปราณที่ร้านจงติ่งได้ครึ่งเดือน
หรือแม้แต่ยังสามารถเช่าห้องที่ตึกเทียนเซียงได้อีกหลายวัน
ทว่า ความคิดเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในหัวของหลัวเฉินเกินครึ่งวินาทีเลย
เมื่อมีเงินทุนหมุนเวียนมากขึ้น จะนำไปใช้ทำอะไร?
แน่นอนว่าต้องขยายการผลิต ทำให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม และสร้างตำนานอีกครั้ง!
“สหายเซียวหลัว นั่นควรจะต้องคืนใช่ไหม…”
“ลุงเฉิน กินปลามั้ย? นี่เป็นปลาที่ข้าตกมาเมื่อวาน นำมาปิ้งด้วยคาถาลูกไฟ อบด้วยไฟอ่อนนานครึ่งชั่วโมง ท่านแค่นำไปอุ่นอีกนิดก็อร่อยแล้ว”
“แต่ว่า…”
“หินวิญญาณน่ะ ข้ารู้อยู่ในใจเสมอ หลัวเฉินคนนี้กำลังอยู่ในช่วงพัฒนาฝีมือ ต้องการสมุนไพรมาฝึกฝนอีกมาก หากข้าได้กำไรมากพอ ข้าจะคืนให้ท่านแน่นอน ถึงตอนนั้นข้าจะจัดงานเลี้ยงที่จงติ่งและเชิญท่านมาเป็นเกียรติด้วยตัวเอง!”
ร้านจงติ่ง เป็นภัตตาคารหรูหราระดับสูงของต้าหอฝาง
ขายแต่ของกินที่อุดมด้วยพลังวิญญาณ เครื่องดื่มก็เป็นเหล้าที่หมักมาจากเส้นลมปราณ ผลไม้และของว่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นของแปลกที่ขนมาจากแม่น้ำหลานชางทั้งสิ้น!
เมื่อเห็นลุงเฉินทำท่าทีครุ่นคิด หลัวเฉินก็รีบเสริมทันที
“อีกอย่าง ท่านลุงกับข้าต่างก็เป็นผู้บำเพ็ญตนขั้นกลางแล้ว ท่านคิดว่าข้าจะตระหนี่กับหินวิญญาณแค่ 50 ก้อนจนไม่คืนหรือ?”
“วางใจได้ ถึงเวลาข้าจะคืนแน่นอน”
“ตอนนี้ข้าต้องรีบไปซื้อสมุนไพรไว้ก่อน ขอตัวก่อนนะ!”
เมื่อเห็นหลัวเฉินวิ่งปรู๊ดหายไปทันที ลุงเฉินก็รู้สึกทั้งอึดอัดและอดขำไม่ได้
ไอ้เด็กเจ้าเล่ห์!
จริง ๆ แล้วก็คล้ายตัวเขาเองในอดีตไม่น้อย รัดเข็มขัดใช้ทุกหินวิญญาณแบบนี้เหมือนกัน
“ได้แต่หวังว่า งานเลี้ยงที่จงติ่งไม่ใช่แค่เรื่องที่เขาหลอกลุงแก่ ๆ คนนี้นะ!”
“เลือดไก่อสูรแสงอาทิตย์ราคาเพิ่มขึ้นเท่าตัว?”
“ใช่ ยิ่งมากยิ่งดี!”
“มันเทศหยกเหลือเพียงไม่กี่หัว? ข้าเอาทั้งหมด แล้วครั้งหน้าช่วยเก็บไว้ให้มากกว่านี้หน่อยนะ”
“อันนี้ข้าเอา 5 จิน!”
หลังจากการซื้อของอย่างบ้าคลั่ง หลัวเฉินก็ยุ่งจนเหงื่อซึมออกมาที่หน้าผาก
ตลาดการค้าของเหล่าผู้ฝึกตนที่เป็นพวกนอกสำนักนี้ดีทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องชอบต่อรองราคา ไม่ว่าสิ่งใดที่เคยค้าขายกับเขาหลายครั้ง ก็ยังต้องอ้างเรื่องฤดูกาลและแนวโน้มตลาดเพื่อเรียกราคาอยู่ดี
หากเปรียบเทียบกันแล้ว แม้ว่าของในหอสมุนไพรจะราคาสูงกว่า แต่ก็ไม่ต้องเปลืองน้ำลายมากนัก
และราคาแพงก็ไม่ใช่เพราะข้อเสียของหอสมุนไพร แต่มันคือข้อเสียของหลัวเฉินเองต่างหาก!
“หอยเชลล์วิญญาณ 400 ตัว หางสุนัขเพลิง 40 เส้น! สหายหลัว ท่านแน่ใจว่าจะรับของมากขนาดนี้ได้?”
หลิวจางกุ้ย เจ้าของร้านที่มีรูปร่างท้วมเอ่ยถามอย่างตกใจ
ผ่านไปแค่สองถึงสามการซื้อขายเท่านั้น ปริมาณการสั่งซื้อของผู้บำเพ็ญตนขั้นแรกคนนี้กลับเพิ่มขึ้นถึงสี่เท่า
ต่อให้ร่างกายอ่อนแอ ก็ไม่ควรบริโภคแบบนี้นะ!
“ร้านของท่านเป็นเครือข่ายข้ามดินแดนทั้งสี่ เปิดกิจการมา 500 ปี ของแค่นี้คงยังมีสต็อกอยู่ใช่ไหม?” หลัวเฉินกล่าว
หลิวจางกุ้ยส่ายหัว “ของน่ะมีแน่นอน แต่…”
ทันใดนั้น หลิวจางกุ้ยก็สูดจมูกและถามอย่างประหลาดใจ “สหายน้อย ท่านคงไม่ใช่นักปรุงยาหรอกนะ?”
“ฝีมือข้าหยาบกระด้าง ไม่ค่อยมีอะไรน่าพูดถึงชื่นชมนัก ทว่าตาผู้จัดการร้านช่างแหลมคมนัก”
โอ้โห นักปรุงยานอกสำนักตัวเป็น ๆ เลยนี่นา!
หลิวจางกุ้ยมองหลัวเฉินด้วยสายตาแปลกไป ทั้งมีความรู้สึกคล้ายเย้ยหยันและชื่นชมในเวลาเดียวกัน
เขาสามารถยืนยันได้ว่าหลัวเฉินเป็นพวกนอกสำนัก ไม่มีพื้นฐานทางครอบครัวหรือสำนักอะไร
จากเสื้อผ้า หน้าตา ไปจนถึงระดับพลังบำเพ็ญตน
แต่ก็เพราะเหตุนี้เอง จึงทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ
ยุคนี้แล้ว พวกนอกสำนักกล้าลองเล่นกับเทคนิคการปรุงยาขั้นสูงด้วยเหรอ?
คนพวกนี้ช่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริง ๆ
แน่นอนว่า ในการทำธุรกิจต้องพูดจาสร้างมิตรไมตรีเพื่อความเจริญก้าวหน้าทางการค้า
หลิวจางกุ้ยเผยรอยยิ้มอ่อนโยน “สามารถปรุงยาได้ตั้งแต่อายุเท่านี้ คงเป็นพรสวรรค์ยอดเยี่ยม หากวันหน้าได้ปรุงยาดี ๆ แล้วละก็ อย่าลืมนำมาให้ข้าชมบ้างนะ”
คำพูดนี้ทำให้หลัวเฉินรู้สึกสนใจขึ้นมา
“ท่านก็รับซื้อยาเหมือนกันเหรอ?”
“หอสมุนไพรข้าง ๆ กับป๋ายเฉ่าถังของข้าต่างก็สังกัดสำนักยาหวัง เช่นนี้แล้ว สหายคงเข้าใจนะ!”
ดวงตาของหลัวเฉินเปล่งประกายขึ้นทันที รู้แจ้งบางสิ่งบางอย่าง
หากสามารถนำยาที่ปรุงไปวางขายในหอสมุนไพรได้ ก็เหมือนโรงกลั่นเหล้าขนาดเล็กที่ได้รับโอกาสลงโฆษณาในช่วงเวลาทองของสถานีโทรทัศน์หลัก นับเป็นโอกาสสร้างชื่อที่หายากยิ่ง
หินวิญญาณจะต้องหลั่งไหลเข้ามาเป็นเทน้ำเทท่า!
ไม่ต้องพูดถึงอื่นใดเลย แค่ยาเสริมลมปราณซึ่งเป็นยาขั้นพื้นฐานของผู้บำเพ็ญตน หอสมุนไพรขายตรงในราคาขวดละ 100 หินวิญญาณ
ไม่ต่อราคา จะซื้อก็ซื้อ ไม่ซื้อก็ไป!
ออกจากร้านนี้ไปแล้ว ที่อื่นก็ไม่มีขายอีก!
ไม่น่าเชื่อว่า หลิวจางกุ้ยคนนี้จะมีวิธีเอายาเข้าไปในหอสมุนไพรได้
แต่สำหรับตอนนี้ เรื่องนี้ยังไม่เกี่ยวข้องกับเขาเลย
ถึงแม้ว่ายาเม็ดจงเหมี่ยวจะมีความต้องการในตลาดสูงมาก แต่ทักษะและปริมาณการผลิตของเขายังไม่พัฒนาขึ้น จึงยังไม่คู่ควรกับการร่วมมือกับหอสมุนไพร
หลังจากทั้งสองสนทนากันอีกเล็กน้อย หลิวจางกุ้ยก็สัญญาว่าจะรับประกันเรื่องการจัดหาหอยเชลล์วิญญาณและหางสุนัขเพลิงให้
ตามที่เขาบอก หางสุนัขเพลิงนั้นมาจากตระกูลผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ในสังกัดของสำนักยาหวัง ซึ่งมีผลผลิตประจำปีที่มีความเสถียรและเชื่อถือได้
เมื่อเผชิญกับสายตาประหลาดของสาวน้อยเสี่ยวหลิง หลัวเฉินเก็บสมุนไพรเข้าถุงเก็บของและขอตัวจากไป
เมื่อหลัวเฉินจากไปแล้ว หลิวจางกุ้ยก็อดไม่ได้ที่จะอุทานด้วยความประหลาดใจ
“ในป่านี้ มันก็มีนกทุกชนิดจริง ๆ สมัยนี้แม้แต่พวกผู้บำเพ็ญตนระดับต่ำ ๆ ยังกล้าลองดีหันมาจับการปรุงยาแล้ว”
“แหวะ!”
เสี่ยวหลิงสาวน้อยที่อยู่ข้าง ๆ ถ่มน้ำลายพร้อมกับหน้าที่เริ่มแดงและกล่าวว่า “กลัวแต่ปรุงออกมาจะไม่ใช่ยาดีอะไรน่ะสิ!”
ยาเม็ดจงเหมี่ยวเป็นยาดีหรือไม่?
นั่นก็แล้วแต่จะมอง
สำหรับผู้บำเพ็ญตนที่ต้องการบรรลุหนทางสูงสุด แต่ก็ยังอยากเพลิดเพลินกับความสนุกทางกาย มันคือยาวิเศษสำหรับบุรุษ!
สำหรับผู้ที่ไม่คิดถึงหนทางสูงสุด ติดใจในความสุขทางกาย มันก็ยิ่งเป็นอาวุธลับของบุรุษเช่นกัน!
สิ่งเดียวที่น่าเห็นใจ คือวิญญาณสุนัขเพลิง
ทุกครั้งที่มีผู้ใช้ยาเม็ดจงเหมี่ยวเพื่อร่วมสนุก ก็จะมีสุนัขเพลิงตัวหนึ่งส่งเสียงร้องโหยหวนอยู่ในที่ใดที่หนึ่งอย่างเจ็บปวด
จริง ๆ แล้ว คำว่า “ข้าไม่ได้ฆ่าเจ้า แต่เจ้าเองที่ตายเพราะข้า” ดูจะตรงกับสถานการณ์นี้ที่สุด (ถึงแม้ว่าคนใช้ยาจะไม่ได้ทำร้ายสุนัขเพลิงเอง แต่ก็ต้องเดือดร้อนเพราะเขาอยู่ดี)
ในระหว่างทางกลับบ้าน หลัวเฉินรู้สึกมีความสุขมาก
แม้ว่าจะไปตลาดการค้าหลายครั้ง ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่รู้สึกผ่อนคลายที่สุด
ไม่ต้องแบกกระสอบป่านไปเดินเร่ตามถนนอีกต่อไป
ถุงเก็บของนี่มันของดีจริง ๆ เรียกได้ว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการบำเพ็ญตน
ราคาต่ำสุดก็ 10,000 หินวิญญาณแล้ว คุ้มค่ากับสถานะอันสูงส่งของมันอย่างสมบูรณ์แบบ
ไม่รู้ว่าสำนักไหนกันที่ผลิตของนี้ได้ คงนั่งนับหินวิญญาณจนหัวเราะไม่หุบอยู่บนเตียงทุกวันแน่ ๆ!
เนื่องจากเป็นช่วงบ่ายตอนกลางวัน ย่านนอกเมืองจึงดูปลอดภัยพอสมควร
แม้ตามถนนจะมีคราบเลือดเปรอะเปื้อนอยู่ประปราย แต่หลัวเฉินก็ชินเสียแล้ว
เขาใช้วิชาตัวเบาเซียวเหยาโยวที่ชำนาญจนถึงขั้นสูงสุด ทะยานผ่านตลาดอย่างรวดเร็ว หัวใจคิดแต่จะกลับบ้านให้เร็วที่สุด
การซื้อของครั้งนี้ใช้หินวิญญาณไปมากกว่า 200 ก้อน เหลือหินวิญญาณไว้เพียง 40 ก้อนสำหรับใช้ยามฉุกเฉิน
วัตถุดิบของยาเม็ดจงเหมี่ยว วัตถุดิบของยาพิ่กู่ซ่าน รวมไปถึงของใช้ในชีวิตประจำวัน
มันให้ความรู้สึกเหมือนกับชีวิตในชาติก่อน ที่ออกจากบ้านไปซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่เพียงเดือนละครั้ง
เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว หลัวเฉินก็แยกสิ่งของต่าง ๆ อย่างเป็นระเบียบ และเริ่มต้นการฝึกในวันนี้
นอกจากคาถาลูกไฟแล้ว เขายังรื้อฟื้นคาถาพันธนาการกลับมาใช้ด้วย
นั่นก็เพราะเป็นคาถาพื้นฐานที่ติดตัวมากับเคล็ดวิชาชังชุนอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีความชำนาญ 176/200 ใกล้จะเลื่อนระดับไปถึงขั้นเชี่ยวชาญแล้ว
แม้ว่าคาถานี้จะถูกประเมินว่าไร้ค่า แต่ก็เป็นคาถาธาตุไม้ที่สามารถประสานเข้ากับเคล็ดวิชาชังชุนได้อย่างสมบูรณ์ ความรุนแรงของคาถานี้ขึ้นอยู่กับปริมาณพลังวิญญาณที่ใช้
หากเพิ่มความชำนาญของคาถาพันธนาการได้ หลัวเฉินก็จะมีวิธีการรับมือศัตรูมากขึ้น
และใครกันล่ะที่บอกว่าคาถาพันธนาการจะฆ่าคนไม่ได้? (แม้กระทั่งเทพเจ้าบางองค์ยังแอบกดถูกใจอยู่ลับๆ!)
ตกกลางคืน
หลังจากหลัวเฉินชำระร่างกายเรียบร้อยแล้ว ก็เข้าสมาธิบนเตียง ปล่อยจิตใจให้สงบนิ่งและเริ่มโคจรพลังลมปราณเพื่อฟื้นฟูพลัง
เคล็ดวิชาชังชุนระดับสมบูรณ์แบบช่างดีเยี่ยม ใช้เวลาสั้น ประสิทธิภาพสูง อีกทั้งยังสอดคล้องกับร่างกายมากขึ้น ราวกับเป็นเคล็ดวิชาที่รังสรรค์ขึ้นมาเฉพาะตัวเขา
แม้จะไม่ได้ใช้ยาเสริมลมปราณช่วย แต่หลัวเฉินก็สัมผัสได้ถึงความแตกต่างในการฝึกตนอย่างชัดเจน
เมื่อโคจรพลังเสร็จ เขาก็ล้มตัวลงนอนเพื่อเตรียมตัวนอนหลับ
ทันใดนั้น หลัวเฉินที่เพิ่งจะปิดตากลับลืมตาขึ้นมา จ้องมองไปที่นอกประตูอย่างตรงจุด
จบบท