บทที่ 20 หวังผลกับเทือกเขา
ห้าสิบห้าขวดยาพิ่กู่ซ่าน สามสิบขวดยาเม็ดจงเหมี่ยว
นี่คือผลงานของหลัวเฉินในช่วงเวลาหนึ่งเดือน
เขาปรุงยาพิ่กู่ซ่านเพียงห้าสิบขวด ส่วนที่เกินมาอีกห้าขวดนั้น เป็นมรดกตกทอดจากคนโชคร้ายคนนั้น
ส่วนยาเม็ดจงเหมี่ยวทั้งสามสิบขวด ก็นับว่าเป็นความสำเร็จที่น่าประหลาดใจอยู่บ้าง
ครั้งนี้ เขาปรุงยาได้สำเร็จถึงสามหม้อ และทั้งหมดก็ได้คุณภาพระดับล่าง
เมื่อวางขวดยาทั้งหมดเรียงบนแผ่นหินเขียว หลัวเฉินยืนเท้าเอวพลางมองดูผลงานของตนเองด้วยความคาดหวังต่อการเปิดตลาดในวันนี้
เฉินเหล่าต้าเหริน (เฉินซิ่วผิง) ยังคงมาช้ากว่าเขาเล็กน้อยเหมือนเดิม
เมื่อเห็นหลัวเฉิน ชายชราก็จ้องมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความคับแค้นใจ
ห้าสิบหินวิญญาณเชียวนะ!
เพิ่งเก็บกลับคืนมาได้ ไม่นานก็ถูกเจ้าเด็กคนนี้ยืมกลับไปอีกแล้ว
เขาวางแผนไว้อย่างดีแล้วว่าวันนี้ไม่ว่าเจ้าหลัวเฉินจะพูดจาหว่านล้อมอย่างไร เขาก็จะต้องทวงหินวิญญาณก้อนนั้นคืนมาให้ได้!
ต้องได้คืนแน่นอน!
“เสี่ยวหลัว ทักษะการปรุงยาของเจ้าก้าวหน้าขึ้นอีกแล้วนะ!”
มุมเล็ก ๆ ที่เคยแบ่งให้หลัวเฉินวางสินค้านั้น ไม่เคยมีขวดยาวางเต็มมาก่อน
แต่วันนี้กลับวางขวดยาเรียงกันแน่นขนัด เบื้องต้นน่าจะมีประมาณห้าสิบถึงหกสิบขวด แทบจะเต็มพื้นที่ทั้งหมด
จากเรื่องนี้ก็เห็นได้ชัดว่าทักษะการปรุงยาของหลัวเฉินต้องก้าวหน้าไปอีกขั้นอย่างแน่นอน
หลัวเฉินหัวเราะ “ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณความช่วยเหลือที่แสนใจกว้างของท่านเฉิน ไม่เช่นนั้นข้าก็ไม่มีเงินทุนที่จะปรุงยาเพิ่มได้มากมายขนาดนี้”
“ฮึ เจ้ารู้ก็ดีแล้ว” เฉินเหล่าต้าเหรินพ่นลมเบา ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ก่อนหน้านี้ที่ข้าให้เจ้ายืม ก็เพราะข้ามีน้ำใจ แต่วันนี้เจ้าต้องคืนหินวิญญาณให้ข้าแล้ว”
“แน่นอน ต้องคืนแน่นอน!”
หลัวเฉินทำท่าทางเหมือนคนที่รู้จักรับผิดชอบและจะคืนเงินกู้
สีหน้าของเฉินเหล่าต้าเหรินจึงดูดีขึ้นบ้าง การมีหนี้สินติดค้างอยู่ทำให้เขากินไม่ได้นอนไม่หลับจริง ๆ!
ทันใดนั้น เขาก็อุทานออกมาเบา ๆ
“อืม?”
“เสี่ยวหลัว เจ้าทะลวงถึงขั้นฝึกพลังลมปราณระดับสี่แล้วหรือ?”
หลัวเฉินขมวดคิ้ว “ท่านรู้ได้อย่างไร?”
“ข้านั้นได้ฝึกคาถาตาวิเศษมา การมองลมปราณและตรวจสอบพลังวิญญาณนั้นเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย” เฉินเหล่าต้าเหรินตอบอย่างภาคภูมิใจ ก่อนจะแสดงความสงสัย “เจ้ามีคุณสมบัติลมปราณห้าธาตุนี่นะ อายุเท่านี้กลับทะลวงไปถึงขั้นฝึกพลังลมปราณระดับกลางได้”
คาถาตาวิเศษ เป็นคาถาระดับต่ำที่สามารถใช้พลังวิญญาณเพื่อช่วยให้ดวงตามองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถมองลมปราณและตรวจสอบพลังวิญญาณได้ด้วย
ในบรรดาคาถาระดับต่ำ คาถานี้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับคาถาลูกไฟ คาถาเหินลม คาถาดึงดูด และคาถารักษา โดยถือเป็นหนึ่งในห้าคาถาจำเป็นสำหรับผู้บำเพ็ญเพียรในขั้นฝึกพลังลมปราณ
น่าเสียดายที่นอกจากคาถาลูกไฟแล้ว คาถาอีกสี่อย่างหลัวเฉินใช้ไม่เป็นสักอย่าง
ทั้งคาถาพันธนาการและคาถาลูกไฟต่างก็เป็นคาถาที่เจ้าของร่างคนก่อนบังเอิญได้มาจากโชคครั้งหนึ่ง
ส่วนคาถาทำความสะอาดนั้น เป็นเพียงคาถาที่ไร้ประโยชน์ที่สุด เขาได้มันมาจากการแลกยาพิ่กู่ซ่านหนึ่งขวดที่ตลาดเท่านั้น
เฉินเหล่าต้าเหรินมองหลัวเฉินด้วยสีหน้าประหลาดใจ
คงไม่คิดว่าหลัวเฉินจะกลายมาเป็นผู้บำเพ็ญเพียรขั้นฝึกพลังลมปราณระดับกลางเช่นเดียวกับเขาได้
แม้จะไม่มีความแตกต่างอันยิ่งใหญ่ระหว่างผู้บำเพ็ญเพียรระดับต้นและระดับกลาง แต่ปริมาณลมปราณสูงสุดในร่างกายกลับเพิ่มขึ้นถึงสองเท่า!
เมื่อมีลมปราณมากขึ้น การใช้วิธีการต่อสู้ต่าง ๆ ก็จะสามารถใช้ได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น
ผู้บำเพ็ญเพียรระดับต้นที่ต้าหอฝางนั้น เป็นเพียงคนที่อยู่ในระดับต่ำที่สุดเท่านั้น
หากไม่มีความสามารถพิเศษอะไร ก็จะทำได้แค่งานรับใช้และถูกใช้งานตามคำสั่ง
แต่ระดับกลางนั้นแตกต่างออกไป พวกเขาสามารถเข้าร่วมกับกลุ่มอิทธิพลต่าง ๆ และรับภารกิจที่มีค่าตอบแทนสูงได้อย่างสบาย ๆ
กล่าวได้ว่าผู้บำเพ็ญเพียรระดับกลาง จึงจะมีคุณสมบัติที่จะดำรงชีวิตอยู่ในตลาดต้าหอฝางได้อย่างแท้จริง
เมื่อเจอกับคำถามของชายชรา หลัวเฉินกลับเพียงแค่ยิ้มและตอบว่าเป็นเพราะโชคดีเท่านั้น
แต่ความจริงแล้ว นี่เป็นเพียงแค่เรื่องธรรมดาเท่านั้น
ยาเสริมลมปราณเพียงขวดเดียวมอบลมปราณจำนวนมหาศาลให้กับเขา ทำให้แถบความก้าวหน้าของเขาพุ่งไปถึง 96/100
ส่วนลมปราณที่ขาดไปนั้น เขาได้มาจากการฝึกเคล็ดวิชาชังชุนระดับสมบูรณ์แบบอย่างต่อเนื่องตลอดยี่สิบกว่าวันที่ผ่านมา โดยมีธูปสงบจิตช่วยเสริมให้สามารถบำเพ็ญเพียรทั้งกลางวันและกลางคืนได้
การทะลวงผ่านไปถึงขั้นฝึกพลังลมปราณระดับสี่ จึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างง่ายดายและราบรื่น
ขณะช่วยเฉินเหล่าต้าเหรินจัดเรียงยันต์ต่าง ๆ หลัวเฉินก็ชี้ไปที่จุดที่หวังหยวนเคยตั้งแผงขายของ
“พี่หวังไม่ได้มาตั้งแผงขายของที่นี่แล้วหรือ?”
“เจ้าไม่รู้เรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้นที่เขตนอกเมืองเมื่อเร็ว ๆ นี้หรือ?” เฉินเหล่าต้าเหรินมองเขาอย่างแปลกใจ
หลัวเฉินทำหน้างง
“ก็จริง เจ้าบ้านอยู่ห่างไกล หากไม่สนใจจริง ๆ ก็อาจจะไม่รู้เรื่องก็ได้”
เฉินเหล่าต้าเหรินพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะพูดอย่างมีนัย “ช่วงนี้พรรคต้าฮางกับพันธมิตรการค้าหลิงอวิ๋นจับมือกันแล้ว”
“นั่นไม่ใช่เรื่องปกติหรือ?”
พันธมิตรการค้าหลิงอวิ๋น เป็นกลุ่มผู้บำเพ็ญเพียรอิสระที่มีชื่อเสียงโด่งดังในดินแดนหยกติ่ง ธุรกิจของพวกเขากระจายอยู่ตามตลาดค้าทั้งเล็กและใหญ่ทั่วดินแดนหยกติ่ง
กิจการหลักของพวกเขาคือการขนส่งและขายสมุนไพรสวรรค์และวัตถุดิบล้ำค่าจากสถานที่ต่าง ๆ เพื่อทำกำไรจากส่วนต่าง
และการค้าขายนี้ ก็ย่อมเกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าด้วย
ก่อนหน้านี้ก็ได้พูดถึงไปแล้วว่า ถุงเก็บของไม่ใช่สิ่งที่ผู้บำเพ็ญเพียรอิสระทั่วไปสามารถครอบครองได้ และสำหรับการทำธุรกิจขนาดใหญ่เช่นนี้ การมีถุงเก็บของเพียงไม่กี่ใบก็ไม่ได้ช่วยอะไรนัก
ดังนั้น พันธมิตรการค้าหลิงอวิ๋นจึงมีความสัมพันธ์ที่ดีในการทำงานร่วมกับพรรคต้าฮางในท้องถิ่นมาโดยตลอด
พรรคต้าฮาง ก็ทำมาหากินอยู่ในเขตแม่น้ำหลานชางที่อยู่รอบ ๆ ต้าหอฝางนี่เอง
นับแต่อดีต ไม่ว่าจะในหรือนอกดินแดน การขนส่งทางเรือล้วนเป็นธุรกิจที่ทำเงินมากที่สุดธุรกิจหนึ่ง และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องก็มีอยู่มากมายนับไม่ถ้วน
การที่พันธมิตรการค้าหลิงอวิ๋นเลือกจับมือกับพรรคต้าฮางเพื่อร่วมมือกันในเชิงลึกนั้น จึงนับเป็นเรื่องที่ปกติมาก ๆ
เฉินเหล่าต้าเหรินยักไหล่ “แต่พรรคต้าฮางมีความคิดที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับธุรกิจในเทือกเขานั้นสิ ถึงจะไม่ปกติ”
“ธุรกิจในเทือกเขา?” หลัวเฉินถามอย่างตกใจ “นั่นไม่ใช่เขตอิทธิพลของพรรคผัวซานหรือ?”
“ฮึ!”
เฉินเหล่าต้าเหรินหัวเราะเย้ย “อะไรพรรคผัวซาน! เทือกเขาตะวันออกอันกว้างใหญ่เป็นเขตแดนของสัตว์อสูร แม้แต่สำนักใหญ่หกแห่งแห่งสุดขอบตะวันออกก็ไม่กล้าบอกว่านั่นเป็นธุรกิจของพวกเขา”
“อา…”
“พูดง่าย ๆ ก็คือ พรรคต้าฮางหมายตาเส้นทางปลอดภัยไม่กี่เส้นทางที่พรรคผัวซานสำรวจมานานกว่าร้อยปี”
เฉินเหล่าต้าเหรินเป็นคนที่ชอบเล่าเรื่องซุบซิบและสืบข่าวลือมาเล่า เพราะเรื่องพวกมีราคา
บางครั้ง หากเจอผู้บำเพ็ญเพียรขั้นสูงจากต่างแดน ข่าวเหล่านี้ยังสามารถนำไปขายเพื่อแลกหินวิญญาณได้อีกด้วย
เขาสืบมาชัดเจนแล้วว่า พรรคต้าฮางเอาจริง
ตอนแรกพวกเขาส่งคนไปสำรวจเส้นทางปลอดภัยเพื่อลอบเข้าไปในภูเขา แต่กลับต้องเสียคนไปมากมาย
ต่อมา พวกเขาจึงเริ่มเล็งเป้าไปที่เส้นทางที่พรรคผัวซานได้สำรวจไว้แล้ว
แน่นอนว่าพรรคผัวซานย่อมไม่ยินยอม และทำให้เกิดการปะทะขึ้นมากมาย
เมื่อเดือนก่อน อาวุธวิเศษที่หวังหยวนขาย ก็เป็นของที่พรรคผัวซานยึดมาได้หลังจากสังหารคนของพรรคต้าฮางในภูเขา
ปัจจุบัน การปะทะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายก็ไม่จำกัดอยู่แค่ในภูเขาอีกต่อไป
ช่วงกลางคืนในเขตนอกเมือง มักจะเกิดการต่อสู้ระหว่างสองพรรคขึ้นอยู่บ่อยครั้ง
เมื่อได้ฟังเรื่องราวซุบซิบเหล่านี้ สมองของหลัวเฉินก็เริ่มขบคิด
“ก่อนหน้านี้ท่านเน้นย้ำเรื่องพันธมิตรการค้าหลิงอวิ๋นกับพรรคต้าฮาง นั่นหมายความว่า การเคลื่อนไหวของพรรคต้าฮางมีพันธมิตรการค้าหลิงอวิ๋นอยู่เบื้องหลังหรือ?”
หลังจากตั้งคำถามนี้ สมองของหลัวเฉินก็คิดเร็วขึ้นอีก
“ใช่แล้ว! วัตถุดิบล้ำค่าจากการล่าของพรรคผัวซาน ทั้งสมุนไพรสวรรค์และเนื้อสัตว์อสูร ล้วนแต่ขายให้กับกลุ่มอิทธิพลต่าง ๆ ในราคาสูง แต่พันธมิตรการค้าหลิงอวิ๋นไม่ใช่กลุ่มสำนัก พวกเขาย่อมไม่พอใจกับราคานั้น”
“การจับมือกับพรรคต้าฮางในครั้งนี้ ก็คือเป็นการสร้างคู่แข่งให้พรรคผัวซาน”
“หากพวกเขาทำสำเร็จ ต้นทุนในการซื้อวัตถุดิบในอนาคตจะลดลงไปมากเลยทีเดียว”
เฉินเหล่าต้าเหรินครางเบา ๆ
“เจ้าไม่โง่นะ ข้าก็คิดเช่นนี้ ไม่เช่นนั้นพรรคต้าฮางคงไม่รีบเคลื่อนไหวเช่นนี้ ทำไมต้องรีบทำหลังจากการจับมือกันด้วยเล่า”
หลังจากเห็นด้วยก็มีเพียงเสียงถอนหายใจหนัก ๆ ตามมา
สองพรรคที่ทำเรื่องแบบนี้ทำให้เขตนอกเมืองซึ่งไม่ปลอดภัยอยู่แล้ว กลับยิ่งวุ่นวายหนักขึ้นไปอีก
แถมยังมีผู้บำเพ็ญเพียรอิสระบางคนปะปนเข้าไปฉวยโอกาสปล้นสะดม คนซื่อสัตย์ที่ขยันทำมาหากินก็จะยิ่งลำบากมากขึ้นไปอีก
“ช่วงนี้หวังหยวนดังมาก เขาเฝ้าปากทางเข้าภูเขา ฆ่าผู้บำเพ็ญเพียรระดับกลางไปห้าถึงหกคน แถมยังสังหารผู้บำเพ็ญเพียรขั้นฝึกพลังลมปราณระดับแปดของพรรคต้าฮางได้อีกด้วย”
“วันนี้ไม่มาจึงเป็นเรื่องปกติ”
เฉินเหล่าต้าเหรินส่ายหัว “หากมันยังวุ่นวายแบบนี้ต่อไป ข้าคงจะย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองชั้นในแล้ว”
“เสี่ยวหลัว เจ้าล่ะ?”
หลัวเฉินนิ่งเงียบ
บ้านของเขาอยู่ในมุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ห่างไกล ติดกับเทือกเขาเสี้ยวเยว่ ซึ่งอยู่ไกลจากเทือกเขากู่หยวนและภูเขาหิมะขาวที่เป็นพื้นที่หลักของพรรคผัวซาน
หากมีการปะทะกัน ก็คงจะไม่กระทบถึงเขา
แต่ก็อดกลัวไม่ได้หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด!
“ข้าขอพิจารณาก่อน เมืองชั้นในนั้นค่าเช่าบ้านและค่ามัดจำไม่ใช่จำนวนเล็กน้อย”
การอาศัยในเมืองไม่ใช่เรื่องง่าย
ยิ่งการอาศัยในเมืองชั้นใน ยิ่งไม่ใช่สิ่งที่ผู้บำเพ็ญเพียรอิสระธรรมดาจะรับภาระไหว
หลัวเฉินถอนหายใจเก็บความรู้สึกแล้วฉีกยิ้มต้อนรับลูกค้าคนแรกในวันนี้
“สหายเจิง สวัสดียามเช้า รับของครบเซ็ตไหม?”
“รับครบเซ็ต!” (เตรียมตัวขับพลังปราณออกอีกแล้ว)
จบบท