บทที่ 1101 (222) ผลพวง (ตอนฟรี)
บทที่ 1101 (222) ผลพวง
“คุณไป๋! คนที่คุณกำลังพูดถึงคือใคร?!” หรงเผิงถามเสียงแข็งขณะขบฟันกรอด
แมงมุมขาวเคยพบกับคนที่หลบซ่อนตัวอยู่เบื้องหลัง สิ่งนี้ทำให้หรงเผิงรู้สึกมีความหวังขึ้นมา ครอบครัวของเขาทั้งหมดเกือบจะถูกทำร้ายด้วยวิธีที่น่ารังเกียจและชั่วร้ายจากอีกฝ่าย ความแค้นนี้ต้องได้แก้แค้น! แต่ถ้าหากไม่รู้ว่าตัวจริงของศัตรูเป็นใครมาจากไหน แล้วจะไปแก้แค้นใครได้?!
จี้เฟิงโบกมือแล้วพูดว่า “ลุงเผิงไว้เราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันทีหลังดีกว่า ตอนนี้ตำรวจกำลังจะมาถึงแล้ว เราไปเตรียมตัวกันก่อนเถอะ”
จี้เฟิงได้ยินเสียงไซเรนของตำรวจดังมาจากระยะไกล และดูเหมือนว่าจะมีรถตำรวจมากกว่าหนึ่งคัน น่าจะมาเป็นขบวน จะต้องมุ่งหน้ามาที่นี่แน่ๆ ก่อนหน้านี้หรงซูเยี่ยนได้โทรแจ้งตำรวจไปแล้ว ถ้าคำนวณจากระยะเวลา ตำรวจน่าจะใกล้มาถึงแล้ว
“แล้วเราควรทำยังไงกับไอ้สารเลวนี่ดี? เราควรจะ...” หรงเผิงเหลือบมองไปที่โหวโหยว่เต๋อที่พื้นด้วยสีหน้าเย็นชาก่อนจะทำท่าใช้มือปาดคอ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าหรงเผิงต้องการจะฆ่าโหวโหยว่เต๋อทิ้งซะ
“อย่าๆๆ! พี่ใหญ่ฉันผิดไปแล้ว ฉันมันเลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน ฉันไม่น่ารับงานนี้เพียงเพราะเห็นแก่เงินเลย พวกพี่อย่าทำอะไรฉันเลยนะ...” โหวโหยว่เต๋อตัวสั่นด้วยความกลัว “แล้วตอนนี้ตำรวจก็ใกล้จะมาถึงแล้ว ถ้าพวกพี่ฆ่าฉัน มันจะทำให้พวกพี่อธิบายกับตำรวจได้ลำบาก...”
“ฮึ!” หรงเผิงพูดเสียงเย็น “ฆ่าแกก็บอกว่าเป็นการป้องกันตัวได้ ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะจัดการไม่ได้หรอก”
โหวโหยว่เต๋อตกใจมากและรีบพูดทันที “คุณหรง คุณหรง ฉันผิดไปแล้ว ฉันรู้ว่าฉันมันชั่วมันเลว ได้โปรดเถอะ เมตตาฉันด้วย...”
“ลุงเผิงตำรวจกำลังมา เราไม่จำเป็นต้องสร้างปัญหาในช่วงเวลาที่สุ่มเสี่ยงแบบนี้” จี้เฟิงกล่าว
โหวโหยว่เต๋อมองหรงเผิงด้วยความหวาดกลัว เขากลัวว่าคำพูดต่อไปจากปากหรงเผิงคือการยืนกรานที่จะฆ่าเขาให้ตาย เพราะถ้าหรงเผิงตัดสินใจแบบนั้น เขาได้ตายจริงๆแน่ เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับอิทธิพลของหรงเผิงในกวางตุ้ง ถ้าไม่ใช่เพราะเงินจำนวนมากที่ชายหญิงคู่นั้นเสนอให้ โหวโหยว่เต๋อคงไม่มีทางกล้ารับงานนี้แน่นอน
สีหน้าของหรงเผิงเปลี่ยนไปมาหลายครั้ง แต่หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เขาก็ถอนหายใจยาว แล้วพูดด้วยความโกรธว่า “เสือพลาดท่าแม้แต่หมาก็ยังเห่าไล่! ดูเอาแล้วกัน แม้แต่สัตว์เดรัจฉานอย่างมัน ยังกล้ามาทำร้ายฉันได้ขนาดนี้!”
จี้เฟิงส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วตบบ่าของหรงเผิงเบาๆพร้อมกับกล่าวว่า “ลุงเผิงไม่ต้องกังวลมากเกินไปนัก ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นแน่นอน”
หรงเผิงพยักหน้าให้จี้เฟิงแล้วหันไปจ้องโหวโหยว่เต๋อ เขาอดไม่ได้ที่จะตะคอกด่า “โหวโหยว่เต๋อ... แกยังมีศีลธรรมอยู่หรือเปล่า? แกทำให้พ่อของแกที่ตั้งชื่อให้ต้องผิดหวังจริงๆ!”
เขาส่งเสียงฮึ่มออกมาอย่างเย็นชา แล้วจึงหันไปปลอบโยนภรรยาและลูกสาว
จี้เฟิงมองไปรอบๆเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยและพบว่าไม่มีปัญหาอะไร จากนั้นดวงตาของเขาก็ไปตกอยู่ที่จางลี่ฉิน ทันใดนั้นสายตาของเขาก็เย็นชาลงทันที
เขาก้าวไปข้างหน้าและตบหัวของจางลี่ฉินและอีกสามคนอย่างแรง
ในตอนที่เขาตบหัวของโหวโหยว่เต๋อ ชายร่างผอมคนนี้แทบจะหมอบลงไปกับพื้นด้วยความขลาดกลัว จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย คนที่มีความกล้าแค่นี้ คาดไม่ถึงว่าจะมาเป็นหัวหน้าแก๊ง และยังกล้ารับงานที่มุ่งเป้าไปที่ตระกูลหรงแบบนี้ด้วย...
เมื่อมองดูพวกมันทั้งนี่คน จี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียฮึดฮัดอย่างเย็นชาออกมา ถ้าเป็นไปได้ เขาก็อยากจะทำตามความคิดของตัวเอง นั่นก็คือกำจัดสัตว์นรกทั้งสี่ตัวนี้ให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปซะ!
แต่เมื่อพิจารณาว่าในช่วงเวลานี้ เป็นช่วงเวลาวิกฤตของหรงเผิง ถ้าเขาถูกเจิ้งหยูซิ่วและตระกูลอู๋จับจุดอ่อนได้ หรงเผิงก็จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นการฆ่าโหวโหยว่เต๋อและอีกสามคนจึงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด การแจ้งตำรวจต่างหากที่เป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในเวลานี้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตอนนี้โหวโหยว่เต๋อและพวกพ้องอีกสามคนจะรอดชีวิตไปได้ แต่จี้เฟิงก็ได้ปล่อยกระแสไฟฟ้าชีวภาพไว้ในตัวของพวกเขาโดยที่ไม่มีใครรู้ตัว...
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว จี้เฟิงก็เข้าไปในห้องเพื่อปรึกษากับหรงเผิงเกี่ยวกับคำแก้ตัว ถึงแม้ว่าตอนแรกจะถือว่าเป็นการป้องกันตัว แต่หลังจากที่สามารถควบคุมโหวโหยว่เต๋อและพวกพ้องได้แล้ว การป้องกันตัวก็สิ้นสุดลงไปแล้ว การกระทำที่ตามมาในภายหลังนั้น จริงๆ แล้วก็ถือว่าผิดกฎหมาย
แม้ว่าโหวโหยว่เต๋อและพวกพ้องจะสมควรตาย แต่พวกเขาก็ไม่สามารถตัดสินใจและดำเนินการตามข้อเท็จจริงของตัวเองได้ ดังนั้นการเตรียมคำแก้ตัวจึงเป็นเรื่องจำเป็น
ทั้งสองคนปรึกษากันครู่หนึ่ง หรงเผิงจึงกล่าวว่า “เสี่ยวเฟิง เอาเป็นว่าเราทำตามที่ตกลงกันไว้เถอะ เรื่องอื่นๆ เธอไม่ต้องห่วงไปหรอก ถึงแม้ว่าตอนนี้ ฉันหรงเผิงคนนี้จะตกต่ำลงไปบ้าง แต่สถานการณ์แบบนี้ ฉันก็ยังสามารถจัดการได้”
จี้เฟิงพยักหน้าและกล่าวว่า “งั้นก็ฝากด้วยนะครับลุงเผิง!”
ไม่นานตำรวจก็มาถึง และพอเห็นสภาพที่เกิดขึ้น ตำรวจทุกนายต่างก็ตกใจ
ตำรวจคนที่เป็นหัวหน้าดูเหมือนจะสนิทสนมกับหรงเผิงเป็นพิเศษ ทั้งจี้เฟิงและแมงมุมขาวต่างก็เงียบ ไม่พูดอะไร และปล่อยให้หรงเผิงเป็นคนรับมือกับตำรวจเหล่านั้น
มีผู้เสียชีวิตถึงสี่คน ซึ่งไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย แน่นอนว่าตำรวจต้องให้ความสำคัญกับคดีนี้มาก แต่เมื่อเห็นว่าโหวโหยว่เต๋อและพวกพ้องอีกสามคนได้รับบาดเจ็บสาหัสเพียงใด พวกเขาก็ทำได้เพียงแต่ต้องส่งคนเหล่านี้ไปโรงพยาบาลก่อน และควบคุมตัวเพียงโหวโหยว่เต๋อไปเท่านั้น
ในขณะเดียวกัน หรงเผิงก็ตามไปให้ปากคำและจดบันทึกด้วย จี้เฟิงและแมงมุมขาวก็ตามไปด้วยเช่นกัน เพราะโหวโหยว่เต๋อได้ให้ความว่าคนที่ทำร้ายพวกเขาคือจี้เฟิง
“ไอ้เวรนี่มันวอนจริงๆ!” หรงเผิงหัวเราะเยาะ
สัตว์เดรัจฉานยังไงก็เป็นสัตว์เดรัจฉานวันยังค่ำ! เมื่อกี้นี้ยังกลัวจนตัวสั่น แต่ตอนนี้กำลังจะหันกลับมาแว้งกัดแล้ว
จี้เฟิงยิ้มจางๆ “ไม่เป็นไร ยังไงก็เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว...”
“อะไรนะ?” หรงเผิงสะดุ้งเล็กน้อย
จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า “ไม่มีอะไรหรอกครับ ยังไงก็เถอะ ในเมื่อฉันกับไป๋จูได้พัวพันกับโหวโหยว่เต๋อไปแล้ว งั้นเดี๋ยวให้ไป๋จูเป็นคนจัดการเรื่องนี้แล้วกันครับ”
“จะดีเหรอ...” หรงเผิงลงเล็กน้อย การให้เรื่องนี้เป็นภาระของหญิงสาว มันดูไม่ค่อยดีเลย
ตำรวจอีกนายหนึ่งที่อยู่ข้างๆ เหลือบมองพวกเขา แล้วกระซิบว่า “คุณหรงครับ พวกคุณพูดคุยกันแบบนี้ อาจมีข้อสงสัยว่าร่วมกันให้การเท็จนะครับ ควรจะหยุดพูดดีกว่า”
หรงเผิงไม่ได้อาศัยสิทธิพิเศษของตัวเองพูดอะไรออกไป เพียงแค่พยักหน้ารับ แต่ก็ยังไม่เข้าใจการกระทำของจี้เฟิง ไม่ว่าจะยังไง เหตุการณ์นี้ก็เป็นคดีอาญาที่ร้ายแรง จะให้เด็กผู้หญิงคนหนึ่งไปรับผิดชอบได้อย่างไร แต่ถ้าเป็นตัวจี้เฟิงออกหน้าเอง ด้วยสถานะของเขา คงไม่มีอะไรเกิดขึ้น....
จี้เฟิงไม่ได้อธิบายอะไรมาก เขาแค่ขยิบตาให้แมงมุมขาว ซึ่งฝ่ายหลังพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อแสดงความเข้าใจ
เนื่องจากตอนนี้บ้านไม่ปลอดภัยแล้ว และเพิ่งมีคนตายไปถึง 4 คน หรงซูเยี่ยนกับแม่ของเธอก็กลัวที่จะอยู่บ้าน นอกจากนั้นพวกเธอยังต้องไปให้ปากคำด้วย ดังนั้นครอบครัวของหรงเผิงรวมถึงจี้เฟิงและแมงมุมขาวต่างถูกเชิญไปที่สถานีตำรวจ
การทำบันทึกปากคำไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากมาย ก็แค่เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นตามลำดับ แล้วตำรวจก็จะถามคำถามสำคัญๆ อีกสองสามข้อ พอตอบคำถามครบก็จบ
“คุณหรงครับ ตอนนี้ยังกลับไปไม่ได้นะครับ” ตำรวจที่เป็นหัวหน้าพูดขึ้น
เนื่องจากคดีนี้ร้ายแรงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโหวโหยว่เต๋อและพรรคพวกต่างได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงไม่สามารถปล่อยเรื่องนี้ไปได้ง่ายๆ แม้ว่าตำรวจคนนั้นจะสนิทกับหรงเผิงแค่ไหน ก็ไม่สามารถช่วยเหลือได้อย่างเปิดเผย
“หมายความว่ายังไง” หรงเผิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “เรื่องนี้มันยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ? เราแค่ป้องกันตัว พวกมันเป็นพวกบุกรุก พวกมันเข้ามาฆ่าบอดี้การ์ดของฉันตั้งแต่แรก แล้วถึงถูกเราจัดการ... ยังมีอะไรที่ไม่เข้าใจอีกเหรอ?”
“คุณหรงครับ เรื่องราวที่คุณเล่ากับสิ่งที่ผู้ต้องสงสัยให้การนั้น มันมีความขัดแย้งกันอยู่บ้างน่ะครับ” ตำรวจหัวหน้าหันไปมองที่จี้เฟิงแล้วพูดว่า “คุณจี้ใช่ไหมครับ ผู้ต้องสงสัยเพียงคนเดียวที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ให้การว่าคุณไม่เพียงแต่ยุยงให้คุณหรงทำร้ายเขา แต่ยังใช้วิธีแปลกๆทำร้ายเขาด้วย เป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่าครับ?”
จี้เฟิงยิ้มและมองไปที่แมงมุมขาว
“ปึง—!”
แมงมุมขาววางบัตรประจำตัวของเธอลงบนโต๊ะแล้วพูดอย่างใจเย็น “ฉันเป็นบอดี้การ์ดของเขา ฉันมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ ถ้ามีอะไรสงสัย คุณสามารถติดต่อฉันได้โดยตรง”
เนื่องจากแมงมุมขาวยังสังกัดอยู่กับหน่วยปฏิบัติการพิเศษของเขตทหารเจียงโจว จึงทำให้บัตรประจำตัวของเธอเป็นบัตรของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ
เมื่อตำรวจหัวหน้าเห็นบัตรประจำตัวแล้ว ก็รู้ทันทีว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ตนเองจะจัดการได้ เขาจึงจำเป็นต้องปล่อยตัวไปก่อน ส่วนเรื่องราวต่อจากนี้ หน่วยปฏิบัติการพิเศษก็ต้องเป็นผู้ไปชี้แจงกับทางตำรวจเอง และตำรวจหัวหน้าคนนี้ก็ต้องรายงานเรื่องขึ้นไปข้างบนด้วย เนื่องจากคดีนี้มีผู้เสียชีวิตถึง 4 คน และยังเกี่ยวข้องกับหน่วยปฏิบัติการพิเศษของเขตทหารเจียงโจว จึงต้องดำเนินการอย่างรอบคอบเป็นพิเศษ
ที่สำคัญกว่านั้นคือ ทหารของหน่วยปฏิบัติการพิเศษของเขตทหารเจียงโจวนั้นเป็นผู้หญิงที่สวยมาก และเธอเป็นบอดี้การ์ดของชายหนุ่มคนนั้น...
นั่นหมายความว่าอะไร? ตำรวจหัวหน้าก็พอจะเดาออกแล้วว่าเรื่องนี้มันใหญ่เกินกว่าที่เขาจะรับมือได้ ถ้าพลาดพลั้งไปสักนิด อาจจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ และอาจทำให้เกิดปัญหากับทางการของมณฑลกวางตุ้งได้...
ดังนั้น หัวหน้าตำรวจจึงต้องปรึกษาผู้บังคับบัญชาก่อนจึงจะตัดสินใจได้ว่าจะสอบถามไปยังหน่วยปฏิบัติการพิเศษหรือไม่...
ในเวลานี้ดูเหมือนหรงเผิงจะเข้าใจแล้วว่าทำไมจี้เฟิงถึงบอกให้แมงมุมขาวเป็นคนจัดการกับเรื่องนี้ ปรากฏว่าผู้หญิงที่สวยอย่างไร้เหตุผลคนนี้มีอำนาจหน้าที่พิเศษอยู่
เขาเหลือบมองจี้เฟิงด้วยความประหลาดใจ แต่พอคิดทบทวนอีกทีก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะจี้เฟิงเป็นลูกหลานตระกูลจี้ การมีบอดี้การ์ดที่มีสถานะพิเศษก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หรือต่อให้เขาจะใช้บอดี้การ์ดจากสำนักงานตำรวจกลาง ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
แต่ความจริงแล้วหรงเผิงไม่ได้รู้เลยว่า ไปจู๋ที่มีสถานะเป็นทหารหญิงจากหน่วยปฏิบัติการ นั้นไม่ได้ถูกส่งมาให้เขาโดยตรงจากผู้บังคับบัญชา แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นคนไปขอร้องเอามาจากเซียงหยงซานที่ขี้เหนียวคนนั้น
เจ้าหน้าที่ตำรวจเหล่านี้ให้เกียรติหรงเผิงมากอยู่แล้ว และตอนนี้เขายังเห็นบัตรประจำตัวของแมงมุมขาวที่เป็นเจ้าหน้าที่ของทหารหน่วยปฏิบัติการพิเศษ พวกเขาจึงยินดีที่จะส่งตัวหรงเผิงและคนอื่นๆกลับไป
ยิ่งไปกว่านั้น ตำรวจที่เป็นหัวหน้ายังเป็นคนขับรถไปส่งพวกเขากลับด้วยตัวเองด้วย
เป็นเพราะเหตุนี้เอง จี้เฟิงจึงได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับที่มาของแก๊งทั้ง 4 คนของโหวโหยว่เต๋อผ่านทางตำรวจ
แท้ที่จริงแล้ว ก่อนหน้านี้ที่โหวโหยว่เต๋อบอกว่าตัวเขาเองเป็นแค่ชาวนาธรรมดา ก็พอมีส่วนจริงอยู่บ้าง แต่ถ้าจะบอกว่าชายคนนี้เป็นคนที่ซื่อสัตย์สุจริต ก็คงไม่มีใครเชื่อ...
....จบบทที่ 1101 ~