ตอนที่ 1400 อยู่ตรงหน้าข้ามาตลอด (ฟรี)
ตอนที่ 1400 อยู่ตรงหน้าข้ามาตลอด
“บนโลกใบนี้ไม่มีอะไรได้มาโดยไม่ต้องแลกเปลี่ยน หากท่านต้องการบางสิ่งบางอย่าง ท่านก็ต้องจ่ายค่าตอบแทน การปลุกชีพคนตายนั้นมีค่าตอบแทนที่สูงมาก คนที่ท่านอยากจะปลุกชีพคือใคร? ทำไมท่านถึงได้ตามหาคัมภีร์ปลุกชีพ?” เฉินฟูพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“ศิษย์ของข้ามันซุกซน เขาทำผิดพลาดร้ายแรง อาจารย์ก็เหมือนกับพ่อ แล้วข้าจะเพิกเฉยได้ยังไง?” ลู่โจวกล่าว
เฉินฟูที่เป็นอาจารย์มองดูฮัวหยิน เขารู้สึกเห็นอกเห็นใจลู่โจว “ทุกคนต่างก็บอกว่าศิษย์ทั้งสิบของข้าเก่งกาจ แต่อย่างไรก็ตามแม้แต่ข้าที่เป็นถึงเซียนก็ยังคงไม่อาจใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้ หากพวกเขาทำผิดพลาดแบบเดียวกับศิษย์ของท่าน บางทีข้าคงจะไม่ใจกว้างแบบเดียวกับท่านหรอก”
“ท่านอาจารย์ ท่านคิดมากเกินไปแล้ว ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าก็จะไม่ขอให้ท่านตามหาคัมภีร์ปลุกชีพหรอก” ฮัวหยินรีบคุกเข่าลงเพื่อแสดงความจงรักภักดี
“ตกลง ข้าไม่ได้ตำหนิเจ้า ทำไมเจ้าถึงได้ร้อนรนแบบนี้?” เฉินฟูมองดูฮัวหยิน
ถึงแม้ว่าเฉินฟูจะพูดแบบนั้น แต่ฮัวหยินก็ยังคงดูวิตกกังวล
ลู่โจวคิดว่าฮัวหยินนั้นไม่เลว เขามีพรสวรรค์ ในเรื่องของความสามารถแล้ว ศิษย์ของเขาที่มีความสามารถพอๆ กับฮัวหยินมีเพียงแค่ยู่เฉิงไห่กับยู่ฉางตงเท่านั้น ในฐานะผู้อาวุโส การเปรียบเทียบเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
“แล้วจะหาคัมภีร์ปลุกชีพได้ที่ไหน?” ลู่โจวถาม
เฉินฟูไม่ได้ตอบ เขารีบโบกมือ
เด็กหนุ่มคนหนึ่งรีบวิ่งมาจากในป่า เขารีบเก็บหมากรุกและกระดานหมากรุกบนโต๊ะ
เฉินฟูไม่ได้สนใจเล่นหมากรุกอีกต่อไป “ท่านแน่ใจแล้วรึ? ว่าอยากจะหาคัมภีร์ปลุกชีพ?”
ลู่โจวพยักหน้าโดยไม่ลังเล
“การกระทำของเขา...ไม่เคยมีมาก่อน เพื่อที่จะทำลายพันธนาการ เขาจึงได้ท้าทายสวรรค์และศึกษาเส้นทางแห่งการฝึกฝน เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก เมื่อ 100,000 ปีก่อน ด้วยพลังที่เขามี เขาสามารถเคลื่อนย้ายภูเขาและเติมเต็มทะเลได้ เขากำจัดความไม่สมดุล แต่น่าเสียดาย...” เฉินฟูถอนหายใจ
“น่าเสียดายอะไร?” ลู่โจวขมวดคิ้ว
“วิธีการฝึกฝนของเซียนโบราณคนนี้นั้น...แปลกประหลาดมาก ผู้คนจึงคิดว่าเขาเป็นปีศาจ พวกเขาเรียกเขาว่าอสูรกาย”
ลู่โจว “?”
ลู่โจวนึกถึงของวิเศษที่เขาเพิ่งจะได้รับ นาฬิกาทรายแห่งกาลเวลา หากเขาต้องเชื่อคำพูดของเยว่ฉี นาฬิกาทรายก็คือของวิเศษของอสูรกาย เขาสงสัยว่าอสูรกายที่เยว่ฉีพูดถึงจะเป็นอสูรกายคนเดียวกันกับที่เฉินฟูพูดถึงรึเปล่า?
“แล้วเขาหายไปไหน?” ลู่โจวถาม
“เรื่องราวเหล่านี้เป็นเรื่องต้องห้ามในดินแดนแห่งความว่างเปล่า ตามกฎแล้ว คนที่พูดถึงเรื่องนี้จะต้องถูกเนรเทศ” เฉินฟูส่ายหัว
“เรื่องต้องห้าม?” ลู่โจวไม่ได้สนใจเรื่องการถูกเนรเทศ
“วิธีการที่ชั่วร้ายนั้นไม่อาจถูกยอมรับได้” เฉินฟูกล่าว
“แล้วคัมภีร์เล่มนั้นอยู่ที่ไหน?” ลู่โจวถาม
“ท่านสามารถตามหามันได้ในดินแดนดอกบัวดำ” เฉินฟูตอบ
ลู่โจวลุกขึ้นยืน เขามองดูเฉินฟู “ข้าอยากจะเชิญเซียนเฉินไปกับข้า”
“ครับ” ฮัวหยินที่ได้ยินแบบนั้นรีบเงยหน้าขึ้น
หยานมู่ตกใจ
บรรยากาศตึงเครียด
“ข้ามีข้อตกลงกับดินแดนแห่งความว่างเปล่า ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของโลกภายนอก ในเมื่อท่านมาจากดินแดนดอกบัวทองคำ ข้าควรจะเนรเทศท่านออกไปจากที่นี่ ข้าบอกเรื่องนี้กับท่านก็เพราะท่านสามารถหลบการโจมตีทั้งสามกระบวนท่าของข้าได้” เฉินฟูกล่าว
“เจ้าคิดจะเป็นศัตรูกับข้างั้นเหรอ?” ลู่โจวถาม
“หากเป็นแบบนั้น ปรมาจารย์ผู้ทรงเกียรติทั้งหกแห่งต้าฮั่นคงจะมาถึงที่นี่นานแล้ว ข้าไม่จำเป็นต้องลงมือ ท่านก็คงจะหนีไปไม่ได้หรอก” เฉินฟูหัวเราะ
“มหาเซียนเฉิน เจ้าอยู่ในดินแดนดอกบัวคู่ขนานมานานเกินไป เจ้าคงไม่รู้ว่าโลกภายนอกเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน หากถึงคราวจำเป็น ข้าก็คงจะไม่ปรานี” ลู่โจวหัวเราะเช่นกัน
ลู่โจวยืนเอามือไขว้หลัง ท่าทางของเขาดูสง่าผ่าเผย ออร่าของเขาลึกลับ
เดิมทีเฉินฟูคิดว่าลู่โจวเป็นแค่มหาปรมาจารย์ผู้ทรงเกียรติที่ไม่รู้จักความกว้างใหญ่ของสวรรค์และโลก เขาคิดว่าลู่โจวจะสามารถทำให้ชีวิตที่น่าเบื่อของเขามีสีสันมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่ผ่านไปสามกระบวนท่า เขาก็เปลี่ยนความคิด เขาคิดว่าลู่โจวมีฝีมือ แต่ลู่โจวนั้นโอหังมากเกินไป แต่ตอนนี้เขาคิดว่าลู่โจวนั้นโอหังโดยที่ไม่มีเหตุผล
‘เขาโอหังจริงๆ งั้นเหรอ?’ เฉินฟูมองดูลู่โจว “ไม่จำเป็นต้องเป็นศัตรูกันหรอก ท่านเป็นแขก เตรียมน้ำชา”
คำพูดของเฉินฟูแสดงให้เห็นว่าเขาปฏิบัติต่อลู่โจวด้วยความสุภาพ และเขาก็ยังคงยอมรับความสามารถของลู่โจว
หยานมู่สูดหายใจเข้าลึกๆ เขามองดูลู่โจว ‘เขาเอาจริงเหรอ? ทำไมเขาถึงได้กล้าท้าทายเซียนแบบนี้?’
ฮัวหยินก็ตกใจเช่นกัน ฐานะของท่านอาจารย์นั้นชัดเจน ต่อให้เป็นคนจากดินแดนแห่งความว่างเปล่า ก็ยังคงไม่ได้รับการต้อนรับแบบนี้ การที่ท่านอาจารย์ปฏิบัติต่ออีกฝ่ายด้วยความเคารพนับถือแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ธรรมดา เขาเชื่อมั่นในการตัดสินใจของท่านอาจารย์เสมอ “ครับ”
ไม่นานนัก น้ำชาก็ถูกยกมาเสิร์ฟ
“เชิญนั่งก่อน เฉินฟูกล่าว
ลู่โจวนั่งลง เขาไม่ได้เกรงใจอะไร หลังจากที่พูดคุยกันมานาน ปากของเขาก็แห้งผาก หลังจากที่จิบชา เขาก็รู้สึกได้ถึงความหวานในรสขมของชา
“ดินแดนแห่งความว่างเปล่ามีของวิเศษที่เรียกว่าตาชั่งแห่งความยุติธรรม หากข้าเคลื่อนไหวอะไรผิดปกติ มันจะสัมผัสได้” เฉินฟูกล่าว
“ตาชั่งแห่งความยุติธรรม? แม้แต่ในช่วงที่เกิดความไม่สมดุล มันก็ยังคงสัมผัสได้ถึงเจ้างั้นเหรอ?” ลู่โจวตกใจเล็กน้อย
“การกระทำของดินแดนแห่งความว่างเปล่าไม่อาจถูกตัดสินด้วยสามัญสำนึก หากข้าอยากจะจากไป พวกเขาก็คงจะหาข้าไม่พบ แต่อย่างไรก็ตามหากข้าจากไป โลกใบนี้คงจะต้องพบกับความวุ่นวาย” เฉินฟูถอนหายใจ
ลู่โจวนิ่งเงียบ
“ข้าจะให้เบาะแสเพิ่มเติม” เฉินฟูกล่าว
“เชิญว่ามา” ลู่โจวพูดอย่างสุภาพ
หากเขาได้รับความเคารพ เขาจะตอบแทนด้วยความเคารพ ความเคารพนั้นต้องมาจากทั้งสองฝ่าย
“เมื่อ 30,000 ปีก่อน ปรมาจารย์ผู้ทรงเกียรติคนหนึ่งจากดินแดนดอกบัวดำได้คัมภีร์ปลุกชีพไปครอบครอง ท่านสามารถเริ่มต้นตามหาจากที่นั่นได้” เฉินฟูกล่าว
“หรือจะเป็นลู่เทียนตง?” ลู่โจวตกตะลึง
“เวลาผ่านไปนานแล้ว ข้าจำชื่อเขาไม่ได้ แต่ข้าคิดว่าเขาแซ่ลู่” เฉินฟูถอนหายใจ
ลู่โจว “...”
‘นี่มันเรื่องน่าอายจริงๆ หลังจากที่ใช้ความพยายามอย่างมากในการตามหาคัมภีร์ปลุกชีพ ที่แท้มันก็คือพระสูตรเทศนา? มันอยู่ตรงหน้าฉันมาตลอด?’
บอกตามตรง การที่เขาต้องตามหาวิธีปลุกชีพคนตายนั้นเป็นเรื่องที่อันตรายมาก ถึงแม้ว่าเขาจะมีแต้มบุญมากมายแค่ไหน แต่คนที่เขาต้องเผชิญหน้าก็ยังคงเป็นเซียน หากเขาได้พบกับเซียนที่ใจแคบ การต่อสู้คงจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว เขาสามารถรับมือกับเซียนได้หากเขามีของวิเศษทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงต้องคำนึงถึงปรมาจารย์ผู้ทรงเกียรติคนอื่นๆ
“เรียนเซียน ท่านชิวเหวินเจียน เจ้าสำนักแห่งสำนักดาบเจ็ดดวงดาวมาขอเข้าพบ” เสียงของศิษย์ชุดเขียวดังมาจากระยะไกล
“เขานำของสิ่งนั้นมาด้วยรึเปล่า?” เฉินฟูพยักหน้า
“ท่านชิวเหวินเจียนบอกว่าเขานำมันมาด้วย ตอนนี้เขาอยู่ที่เชิงเขา”
“พาเขาเข้ามา”
“ครับ”
หยานมู่ “...”
‘โลกกลมจริงๆ’
“เจ้าสำนักแห่งสำนักดาบเจ็ดดวงดาวมีสิทธิ์เข้าพบเซียนอย่างเจ้างั้นเหรอ?” ลู่โจวถามอย่างไม่เข้าใจ
“ว่ากันว่าท่านชิวเหวินเจียนได้สมบัติล้ำค่ามาครอบครอง มันเป็นโอกาสดีที่จะเปิดโลกทัศน์” ฮัวหยินอธิบาย
“สมบัตินั้นสามารถดึงดูดความสนใจจากเซียนได้งั้นเหรอ?” ลู่โจวอยากรู้อยากเห็น
“ของสิ่งนั้นถูกเรียกว่าเซรามิกประกายม่วง มันมาจากเสาหลักแห่งหายนะในหุบเหวลึกแห่งดินแดนที่ไม่รู้จัก” ฮัวหยินยิ้ม