ตอนที่ 12 เดินเล่นในย่านร้านค้า (1)
ตอนที่ 12 เดินเล่นในย่านร้านค้า (1)
ย่านร้านค้า อาเมะโยโกะโช ในช่วงเย็น
เป็นย่านร้านค้าที่เต็มไปด้วยความคึกคักยิ่งกว่าตอนกลางวัน ผู้คนเดินกันไปมาไม่ขาดสาย
มีรถบรรทุกคันหนึ่งจอดอยู่หน้าร้านขายปลา คนงานกำลังขนสินค้าลงจากรถ
หนึ่งในนั้นเป็นชายวัยกลางคน เขาวางกล่องปลาทะเลที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งลง แล้วเช็ดเหงื่อ พอเขาหันมาเห็นเด็กหนุ่มที่เดินออกมาจากตรอก
“อาหยู ปลาพวกนี้สดมาก เพิ่งส่งตรงจากท่าเรือ อยากลองเอากลับไปทำสักหน่อยไหม?” ชายวัยกลางคนทักทายเสียงดัง
“ขอบคุณครับ วันนี้คุณปู่ที่บ้านผมไม่ทำอาหาร ผมเลยออกมาหาอะไรกินข้างนอก” เซี่ยหยูขอบคุณอย่างสุภาพ
“ลุงกู่เฉิง เชิญทำงานต่อเถอะครับ”
เขาล้วงมือใส่กระเป๋าแล้วเดินต่อไปข้างหน้า
เมื่อเดินผ่านร้านขายขนมเก่าแก่ร้านหนึ่ง
คุณยายที่ใส่แว่นนั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า
“อาหยู เอาโดรายากิสักชิ้นไหม วันนี้ไส้ถั่วแดงอร่อยมากนะ”
“ไม่เป็นไรครับ คุณยายคาวาชิมะ ยายเคยบอกไว้ว่าอาหารเย็นต้องเลือกกินให้ดี ผมตั้งใจจะไปหาอะไรกินแล้วล่ะครับ” เซี่ยหยูโบกมือลาแล้วเดินต่อไป
ระหว่างทาง เซี่ยหยูได้รับการทักทายจากผู้ใหญ่สิบกว่าคน ทุกคนยิ้มแย้ม ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นในใจ
นี่คือย่านร้านค้าที่เขาอยู่มาเกิน 10 ปีแล้ว แม้จะมีคนมาแล้วจากไป ร้านอาหารจีนของตระกูลเซี่ยก็ยังคงอยู่
แม้ลูกค้าจะไม่มาก แต่ปู่ของเขาก็มีชื่อเสียงในหมู่ชาวบ้านและเพื่อนบ้าน
ด้วยความที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่นบ่อยๆ ทำให้ปู่กลายเป็นเหมือนหัวหน้าที่ทุกคนในย่านนี้ยอมรับโดยปริยาย
ไม่ว่าจะเป็นเซี่ยหยูคนก่อน หรือเซี่ยหยูที่สลับวิญญาณมาใหม่ เขาก็ยังคงมีนิสัยสุภาพและช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ ทำให้เป็นที่รักของเหล่าลุงป้าน้าอาทั้งหลาย
ย่านร้านค้าเก่าแห่งนี้พัฒนาและขยายตัวมาเป็นเวลา 10 ปี จนกลายเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ
เซี่ยหยูเดินออกจากย่านเก่าเข้าสู่ย่านใหม่ที่เพิ่งขยายขึ้นมา ซึ่งมีความเป็นเมืองทันสมัย แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง
ถนนกว้างขึ้น ร้านค้าสองฝั่งถนนตกแต่งอย่างทันสมัย มีทั้งร้านแมคโดนัลด์และร้านเสื้อผ้า
เซี่ยหยูมองหาอาหารจนไปเจอร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ดูเหมือนเพิ่งเปิดใหม่ มีช่อดอกไม้หน้าร้าน และที่พื้นยังมีริบบิ้นจากการเฉลิมฉลองที่ยังไม่ได้เก็บกวาด
“สตาร์ไลท์ โรเททติ้ง เรสเตอรองท์?” เขาอ่านชื่อร้านที่ติดอยู่บนป้าย แล้วเปิดประตูเข้าไปทันที
พนักงานหญิงคนหนึ่งรีบโค้งตัวทำมุม 90 องศา พร้อมรอยยิ้มต้อนรับ “ยินดีต้อนรับค่ะ ไม่ทราบว่ามากี่ท่านคะ?”
" 1 คนครับ"
"เชิญตามดิฉันมาทางนี้นะคะ"
พนักงานสาวพาเซี่ยหยูไปยังโต๊ะริมหน้าต่างบานใหญ่ มองผ่านกระจกใสออกไปคือถนนคนเดินที่คึกคัก ตำแหน่งดีทีเดียว เซี่ยหยูจึงไม่คิดจะย้ายที่นั่ง
เขาหยิบเมนูบนโต๊ะขึ้นมาสั่งอาหารตะวันตก 3 อย่าง เพราะตั้งใจจะเปลี่ยนรสชาติการกินดูบ้าง
ช่วงนี้เขาฝึกทำอาหารจีนทั้งวัน ชิมจนแทบจะอ้วกแล้ว เพื่อรักษาความต้้งใจและความกระตือรือร้นที่มีต่ออาหารจีน เซี่ยหยูจึงตัดสินใจออกมากินอย่างอื่นข้างนอก ไม่อยากไปไกล ก็เลยต้องหาที่กินในถนนคนเดินนี่แหละ
หลังสั่งอาหารเสร็จ เซี่ยหยูมองไปรอบๆ ร้านอาหารตะวันตกที่เพิ่งเปิดใหม่นี้เงียบสงบ นอกจากโต๊ะของเขาแล้วก็มีแค่อีก 2 โต๊ะเท่านั้น
โต๊ะหนึ่งดูเหมือนจะเป็นนักท่องเที่ยว เสียงค่อนข้างดัง ภาษาที่พูดฟังดูเหมือนจะเป็นภาษาจีนกลาง
เซี่ยหยูเกิดความสนใจจึงเงี่ยหูฟัง ได้ยินนักท่องเที่ยวสาวสวย 2 คนกำลังแบ่งปันความรู้สึกจากการเที่ยวชมเมืองในวันนี้อย่างตื่นเต้น และเต็มไปด้วยคำชื่นชม
"เสี่ยวหย่า ข้อมูลที่รวบรวมไว้ในแอพรีวิวญี่ปุ่นน้อยเกินไป ค้นหาร้านอาหารแถวนี้แทบไม่เจอเลย โธ่ พลาดไปแล้ว ตอนมาน่าจะหาข้อมูลแอพรีวิวร้านอาหารของคนญี่ปุ่นให้มากกว่านี้นะ"
นักท่องเที่ยวสาวหน้าตาน่ารักแก้มป่องถอนหายใจ
"เธอนี่นะ รู้จักแต่เรื่องกิน" เพื่อนของเธอดูมีออร่าราวกับนางฟ้า สวมชุดเดรสที่ดูทันสมัยและสง่างาม
เธอยิ้มน้อยๆ พลางพูดว่า "ได้ยินมาว่าในญี่ปุ่นนะ ร้านไหนที่เปิดขายอยู่ได้ รสชาติก็ไม่เลวหรอก ร้านนี้เพิ่งเปิดใหม่ อยู่ในย่านคึกคัก ฉันว่าเธอไม่ต้องกังวลไปหรอก"
สาวน้อยชาวจีนสองคนเที่ยวเล่นตามอัธยาศัยทั้งที่พูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้เหรอ?
เซี่ยหยูยิ้มมุมปากอย่างขบขัน
แม้ว่าความปลอดภัยในญี่ปุ่นจะค่อนข้างดี แต่ถ้าไม่รู้ภาษาญี่ปุ่น ใช้แค่ภาษาอังกฤษ สำเนียงภาษาอังกฤษแปลกๆ ของคนญี่ปุ่น ก็จะทำให้รู้สึกเหมือนว่าที่เคยเรียนภาษาอังกฤษมา 10 กว่าปี นั้นเสียไปเปล่าๆ
เนื่องจากเป็นโต๊ะที่ 3 อาหารจึงมาช้าหน่อย แต่เซี่ยหยูก็ไม่รีบร้อน เขาหยิบมือถือขึ้นมาเล่นทวิตเตอร์ พลางฟังบทสนทนาของสาวชาวจีนสองคนไปด้วย รู้สึกสนุกดี
"บากะ!!!"
แต่แล้วเสียงตะโกนโกรธเกรี้ยวก็ดังขึ้นทั่วร้านอาหารตะวันตก ทำลายบรรยากาศที่เงียบสงบลงในทันที
ลูกค้าชาย 3 คนลุกขึ้นยืนพร้อมกัน พนักงานสาว 2 คนรีบวิ่งเข้าไปขอโทษขอโพยด้วยการโค้งคำนับไม่หยุด
"บากะ รสชาติอาหารจานนี้มันผิดไปหมด!" ชายวัยกลางคนหัวล้านในชุดสูทชี้ไปที่สตูว์เนื้อวัวบนโต๊ะที่ยังกินไม่หมด ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ
"สตูว์เนื้อวัวไวน์แดงบูร์กอญไม่ได้มีรสชาติแบบนี้! ฉันจะร้องเรียนร้านของพวกแก!"
เถ้าแก่หัวล้านวัยกลางคนกล่าวพลางควักโทรศัพท์ออกมา ไม่สนใจคำอ้อนวอนของพนักงาน
พนักงานชายที่เคาน์เตอร์คิดเงินวิ่งเข้าไปในครัวอย่างฉับไว ไม่นานเชฟหลักของร้านในชุดกุ๊กสีขาวสะอาดก็ปรากฏตัว ที่หน้าผากมีเหงื่อเม็ดโต สีหน้าร้อนรน
"คุณลูกค้าครับ ผมจะทำสตูว์เนื้อวัวไวน์แดงบูร์กอญให้ใหม่ จนกว่าคุณจะพอใจครับ"
เชฟวัยกลางคนโค้งคำนับ 90 องศา ก้มหน้านิ่งไม่ยอมเงยขึ้นมา "ขอความกรุณาให้อภัยด้วยครับ!"
ลูกค้าชายทั้ง 3 คนหันไปสบตากัน ชายหนุ่มร่างใหญ่คนหนึ่งส่งสายตาดุดันให้ลูกค้าหัวล้าน
"ไม่ได้! ผมไม่เชื่อใจพวกคุณ!"
"ผมจะร้องเรียนไปที่สมาคมอาหาร พวกคุณไม่มีคุณสมบัติที่จะเปิดร้านเลย!"
"อาหารแบบนี้มันเป็นการลบหลู่อาชีพเชฟอันศักดิ์สิทธิ์!"
ลูกค้าหัวล้านตะโกนเสียงแหลม นิ้วกดบนหน้าจอโทรศัพท์ราวกับกำลังกดโทรออก
เชฟของร้านดูเหมือนจะไม่มีประสบการณ์จัดการเหตุการณ์ฉุกเฉินมากนัก จึงรีบเข้าไปคว้าแขนลูกค้าหัวล้าน ราวกับจะแย่งโทรศัพท์ ใบหน้าแดงก่ำ
"ไม่ได้! คุณไม่สามารถร้องเรียนไปที่สมาคมอาหารได้!"
ชายหนุ่มร่างใหญ่ 2 คนดึงตัวเชฟไว้ด้านหลัง ดูเหมือนการปะทะกันกำลังจะระเบิดขึ้น
ส่วนนักท่องเที่ยวสาวชาวจีน 2 คนนั้น ตกใจจนตัวแข็ง
แม้ว่าพวกเธอจะฟังภาษาญี่ปุ่นไม่รู้เรื่อง แต่ก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศตึงเครียดในร้าน
"รสชาติของสตูว์เนื้อไวน์แดงบูร์กอญจานนี้อยู่เหนือมาตรฐานนะครับ พวกคุณจะไปร้องเรียนก็ไปเถอะ ถึงคนจากสมาคมอาหารมา ก็ต้องตัดสินว่าผ่านมาตรฐานอยู่ดี"
เสียงทุ้มนิ่งดังขึ้นอย่างไม่คาดคิด
แต่ในความวุ่นวายนี้ ไม่มีใครสนใจคำพูดของเขา
เซี่ยหยูล้วงมือในกระเป๋ากางเกง ขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดกับพนักงานที่ยืนล้อมวงอยู่ด้วยความตกใจ
"พาเชฟของพวกคุณออกมา..."
พนักงานที่กำลังสับสนทำตามคำสั่งโดยไม่รู้ตัว และดึงตัวเชฟวัยกลางคนออกมาจากวงล้อมนั้น
"ใจเย็นๆ!" เซี่ยหยูตบไหล่เชฟเบาๆ ภาพที่เห็นดูตลกนิดๆ เด็กหนุ่มวัย 16 กลับดูมีวุฒิภาวะและนิ่งกว่าเชฟวัยกลางคนมาก
เมื่อเห็นเชฟวัยกลางคนได้สติ เซี่ยหยูก็พูดซ้ำอีกครั้ง
"ผมกล้ารับรองว่าสตูว์เนื้อวัวไวน์แดงบูร์กอญจานนี้อยู่เหนือมาตรฐานครับ พวกคุณก็ใจเย็นๆ ก่อน อย่าไปหลงกลพวกคนสกปรกพวกนี้"
--------------------------------
ฝากติดตาม สนับสนุน และเป็นกำลังใจให้ด้วยนะ
หากพบคำผิด แจ้งได้เลย