ตอนที่แล้วตอนที่ 10 คำวิจารณ์จากลิ้นเทพ 'เสื้อผ้าฉีกขาด'
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 12 เดินเล่นในย่านร้านค้า (1)

ตอนที่ 11 คู่มือการทำอาหารของคุณปู่


ตอนที่ 11 คู่มือการทำอาหารของคุณปู่

เมนูไม้ตาย!

เซี่ยหยูนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะแล้วพูดว่า “นี่เธอกำลังดูถูกฉัน หรือกำลังชมฉันกันแน่?”

เขารู้สึกเตรียมใจรับมือกับคำพูดเผ็ดร้อนของนาคิริ เอรินะได้แล้ว จึงไม่รู้สึกอะไรนัก แต่กลับสนใจกับบางคำพูดของเธอ

เช่น เมนูไม้ตาย

นี่เป็นระดับที่มีแต่คนที่อยู่ในกลุ่ม “สิบยอดหัวกะทิ” หรือใกล้เคียงเท่านั้นถึงจะมี มักใช้แสดงในงานแข่งขันใหญ่หรือศึกสำคัญ

“เต้าหู้หม่าล่าเวทมนต์” มีศักยภาพที่จะกลายเป็นเมนูไม้ตายได้?

หากเป็นก่อนหน้านี้ เซี่ยหยูคงจะสงสัยเต็มที่

แต่เมื่อได้เห็นกับตาว่าผู้อำนวยการของโรงเรียนโทสึกิถึงกับเสื้อแตกจากพลังของอาหาร

และได้ยินคำชมจากปาก “ลิ้นแห่งพระเจ้า” แม้จะเป็นคำพูดหยิ่งๆ ก็ตาม เซี่ยหยูก็รู้สึกว่า ถ้าวันหนึ่งเขาทำ เต้าหู้หม่าล่า ที่สามารถเรืองแสงได้ เขาคงจะมีเมนูไม้ตายเป็นของตัวเอง

เขาบันทึกเคล็ดลับในการทำอาหารที่นาคิริ เอรินะบอกไว้อย่างดี แล้วเซี่ยหยูก็เริ่มคันไม้คันมือทันที

เหมือนที่นาคิริ เอรินะพูดไว้ เขาที่เป็นเชฟครึ่งๆ กลางๆ หรืออาจจะยังไม่ถึงขั้นเชฟด้วยซ้ำ ก็แค่เด็กฝึกหัดฝีมือยังอ่อน คงมีข้อบกพร่องในทักษะพื้นฐาน นั่นอาจเป็นสาเหตุที่คะแนนจากระบบไม่สูงขึ้น

รายละเอียด ทักษะพื้นฐาน…

เซี่ยหยูนั่งคิด คนอื่นฝึกฝนทักษะพื้นฐานมานานสิบกว่าปี แล้วเขาควรจะใช้วิธีไหนถึงจะตามทันได้?

“ชมนายงั้นเหรอ?”

นาคิริ เอรินะกอดอก มองเขาด้วยสายตาเย้ยหยัน

“นายควรจะขอบคุณฉันสิ คนธรรมดาอย่างนาย รู้ไหมว่าการขอให้ฉันชิมอาหารต้องแลกมาด้วยอะไรบ้าง? ค่าตัวฉันเริ่มต้นที่หลักล้านนะ และต้องจองคิวล่วงหน้าด้วย…”

เซี่ยหยูหัวเราะ “เธอกับฉันใครกันแน่ที่ควรจะพูดเรื่องเงิน? การพูดเรื่องเงินทำให้ความสัมพันธ์แย่ลง งั้นขอเชิญเธอมาชิมเมนูไม้ตายของฉันครั้งหน้าก็แล้วกัน”

“ฉันรู้จักนายเหรอ?” นาคิริ เอรินะพูดด้วยความดูแคลน

“ถ้าอย่างนั้นขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ” เซี่ยหยูยืนขึ้น ทำท่าทางสุภาพบุรุษ

“ฉันชื่อเซี่ยหยู เป็นคนจีน เมื่อสิบปีก่อนปู่เซี่ยฉิงพาฉันมาอยู่ที่ญี่ปุ่น ฉันเรียนทั้งประถม มัธยมต้น และมัธยมปลายหลังปิดเทอมฤดูใบไม้ผลิที่นี่”

นาคิริ เอรินะยิ้มมุมปาก “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำตัวแบบคนธรรมดา นายคงเคยเห็นฉันในนิตยสารอาหาร หรือไม่ก็รายการทีวีเกี่ยวกับอาหารอยู่แล้ว”

แม้เธอจะพูดแบบนั้น แต่นาคิริ เอรินะก็เผลอพูดต่อโดยไม่รู้ตัว

“ฉันเป็นหัวหน้าชั้นมัธยมต้นของโรงเรียนโทสึกิ เป็นสมาชิก ‘สิบยอดหัวกะทิ’ อันดับที่ 10 นาคิริ เอรินะ จำชื่อฉันไว้ให้ดีนะ นายคนธรรมดา”

“ทราบแล้วครับ!”

เซี่ยหยูตอบไปอย่างกวนๆพร้อมยืนขึ้นเก็บจานกลับเข้าครัว พอเดินกลับมา ก็เห็นปู่กำลังส่งนาคิริ เซนซาเอม่อนและเอรินะออกจากร้าน เขาจึงรีบเดินตามไป เห็นทุกคนยืนอยู่หน้าร้าน

“เซี่ยฉิง หวังว่านายจะกลับมาเร็วๆ นะ”

นาคิริ เซนซาเอ่มอนหันมามองเซี่ยหยู พร้อมยื่นหนังสือเชิญเข้าเรียนที่โรงเรียนโทสึกิให้เขาอีกครั้ง พร้อมรอยยิ้ม

“อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ รับไปก่อนเถอะ การเปิดเทอมของนักเรียนชั้นมัธยมปลายยังมีเวลาอีกเกือบหนึ่งเดือน นายมีเวลาเพียงพอในการพิจารณา ด้วยพรสวรรค์ด้านการทำอาหารของนาย นายควรจะได้ส่องแสงในโทสึกิ การมีนายอยู่ที่นั่น ยุคแห่งอัญมณีของโทสึกิจะต้องน่าตื่นเต้นยิ่งขึ้นแน่นอน”

เซี่ยหยูส่ายหัว ปฏิเสธอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย

“โลกภายนอกโทสึกิกว้างใหญ่กว่านัก ผมไม่อยากถูกโรงเรียนผูกมัด การบริหารร้านอาหารเล็กๆ แบบนี้น่าสนุกกว่าสำหรับผม ผมชอบชีวิตแบบนี้ ขอโทษด้วยนะครับ”

การถูกปฏิเสธเป็นครั้งที่สอง แต่ใบหน้านาคิริ เซนซาเอม่อนไม่ได้แสดงอาการโกรธเลย เขาพยักหน้าเบาๆ อย่างสงบนิ่ง ก่อนเดินไปยังรถหรู

“นายจะต้องเสียใจแน่…นายคนธรรมดา”

นาคิริ เอรินะกัดริมฝีปากแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ

ในมุมมองของเธอ การถูกปฏิเสธหนังสือเชิญเข้าเรียนที่โรงเรียนโทสึกิซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นการดูถูกอย่างมาก เพราะโรงเรียนและธุรกิจทั้งหมดของโทสึกิล้วนอยู่ภายใต้การดูแลของตระกูลนาคิริ

ก่อนจะขึ้นรถ นาคิริ เอรินะอดไม่ได้ที่จะหันกลับมามองอีกครั้ง

“ด้วยฝีมือการทำอาหารที่แย่ของนาย ร้านอาหารจีนเล็กๆ นี้ต้องพังแน่ อย่าคิดว่าการบริหารร้านอาหารเป็นเรื่องง่าย ในฐานะหัวหน้าเชฟ นายไม่ผ่านมาตรฐานแน่นอน!”

“หวังว่าเมื่อได้เจอนายคราวหน้า ร้านนี้คงจะไม่เจ๊งไปก่อนนะ…”

ปัง!

เสียงประตูรถปิดลง รถลีมูซีนสีดำหรูค่อยๆ แล่นออกจากถนนสายนี้ไปอย่างช้าๆ

เซี่ยหยูถอนสายตากลับมา ก่อนจะเหลือบมองปู่ที่สีหน้าเรียบเฉยอยู่ข้างๆ แล้วบ่นอย่างขำๆ ว่า “เฮ้ ปู่ ยัยเอรินะคนนั้น พูดจาแย่ขนาดนี้กับหลานชายตัวเอง ปู่ก็ไม่คิดจะทำอะไรหน่อยเหรอ?”

“ถ้าอยากจะบริหารร้านนี้ ก็ทำตามที่ฉันต้องการให้ได้”

ชายชราพูดสั้นๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในร้าน

ไม่นานนัก เมื่อเวลาค่ำคืนมาเยือน เซี่ยหูกำลังเตรียมตัวฝึกทำอาหารในครัวด้วยความมุ่งมั่น แต่จู่ๆ ปู่ก็ยัดสมุดหนาๆ เล่มหนึ่งมาให้เขา

“7 วัน เรียนรู้ทุกอย่างในสมุดเล่มนี้ให้หมด ฉันจองตั๋วเครื่องบินให้อีก 7 วันข้างหน้า ถ้าแกยังเรียนไม่จบ แกต้องไปเรียนที่โทสึกิ”

เอ๊ะ?

ทันใดนั้น มีระบบแจ้งเตือนเด้งขึ้นมา:

“ได้รับภารกิจ 【สืบทอดร้านอาหารจีน】”

“เนื้อหาภารกิจ: ทำตามเงื่อนไขการสืบทอด และได้รับการยอมรับจากคุณปู่เซี่ยฉิง”

“รางวัล: 【มีดหยก】 (เครื่องครัวระดับสีม่วง)”

อีกหนึ่งภารกิจปรากฏขึ้น!

เซี่ยหูสูดหายใจลึก ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

“คราวนี้แหละ ฉันจะแสดงให้เห็นว่าฉันจะบริหารร้านอาหารจีนนี้ได้ดีขนาดไหน ให้ยัยนาคิริ เอรินะคนนั้นดูซะ!”

เขาวางตะหลิวลง หยิบสมุดบันทึกขึ้นมา มือของเขาลูบไปที่ปกสมุดเก่าๆ ซึ่งมีอายุหลายปีแล้ว แต่ยังคงอยู่ในสภาพดี เมื่อเปิดออก เนื้อหาที่จดด้วยดินสอยังคมชัด ไม่ได้ซีดจางไปตามกาลเวลา

“ตรวจพบหนังสือเกี่ยวกับการทำอาหาร ต้องการเพิ่มข้อมูลหรือไม่?”

ระบบถามขึ้นอย่างกะทันหัน

เซี่ยหูชะงักไป “เพิ่มข้อมูล?”

“ใช่ ระบบจะคัดลอกเนื้อหาในหนังสือเข้าสู่ระบบเชฟเทพ ระบบจะจัดระเบียบใหม่ ตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออก และคงไว้แต่สาระสำคัญ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”

“งั้นก็รีบเพิ่มเลยสิ!”

“เพิ่มข้อมูลเรียบร้อย โปรดตั้งชื่อหนังสือ”

“ตั้งชื่อเหรอ?” เซี่ยหูเกาหัวครุ่นคิด “งั้นเรียกมันว่า ‘คู่มือการทำอาหารของคุณปู่’ ก็แล้วกัน”

ติ๊ง!

ระบบแสดงข้อมูลการประเมินหนังสือ:

【คู่มือการทำอาหารของคุณปู่】

ระดับ: ดีเยี่ยม (ระดับสีน้ำเงิน)

เนื้อหา: ทักษะพื้นฐานรวมถึงการใช้มีด การควบคุมไฟ การเลือกวัตถุดิบ และเทคนิคการทำอาหารพื้นฐานทั่วไป เช่น ไก่ผัดเม็ดมะม่วง หมูผัดเปรี้ยวหวาน สลัดปอดหมู รวมทั้งหมด 11 สูตรอาหารคุณภาพสีเขียว

เวลาที่คาดว่าจะเรียนรู้ครบ: 5 วัน

“ใช้เวลาแค่ 5 วันเองเหรอ?” เซี่ยหูถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วหันกลับมาสนใจกับวัตถุดิบที่จัดเตรียมไว้บนเคาน์เตอร์

เขาเปิดเตาแก๊ส จุดไฟ เมื่อเริ่มกระทะร้อน ก็ใส่พริกหม่าล่าและพริกแห้งลงไปผัดจนได้กลิ่นหอม

จากนั้นกรองพริกออก แล้วใส่กระเทียมสับและเนื้อถั่วเหลืองบดลงไปผัดต่อ

คราวนี้เซี่ยหูมั่นใจเต็มเปี่ยม!

เมื่อเซี่ยหยูทอดเนื้อถั่วเหลือง เขาตั้งใจใช้เครื่องจับเวลา ควบคุมเวลาทอดอย่างแม่นยำถึงระดับมิลลิวินาที ทำให้ข้อบกพร่องที่นาคิริ เอรินะเคยชี้ให้เห็นหมดไปโดยสิ้นเชิง

จุดบกพร่องที่สองคือช่วงเวลาที่ต้องใส่เต้าเจี้ยว ซอสถั่วแซ่บ ซีอิ๊วขาว เกลือ และน้ำตาล แล้วผัดจนได้น้ำมันแดง จากนั้นใส่น้ำซุปลงไป

จุดบกพร่องที่สามคือการผัดเต้าหู้หลังจากเปิดฝาหม้อ

ทั้งสองข้อนี้สรุปสั้น ๆ ได้ว่าคือการควบคุมไฟ! ซึ่งสำหรับเซี่ยหยู การควบคุมไฟพร้อมใช้เครื่องจับเวลาช่วย ทำให้เขาสามารถทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ

“ระบบ ช่วยหาดูในคู่มือทำอาหารของปู่หน่อยว่ามีเทคนิคการทำ ‘โกวเชี่ยน’ (วิธีเคี่ยวน้ำอย่างหนึ่งของคนจีนที่ใช้แป้งทำอาหาร) หรือเปล่า…” ขณะที่เขากำลังผัดเต้าหู้ เซี่ยหูก็ถามถึงจุดสำคัญที่สุดอีกข้อ

ทันใดนั้น เนื้อหาในสมุดบันทึกก็ปรากฏเป็นภาพเคลื่อนไหว ชายวัยกลางคนในชุดเชฟสีขาวยืนอยู่หน้าครัว แสดงให้เซี่ยหูเห็นวิธีการทำ ‘โกวเชี่ยน’ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

‘โกวเชี่ยน’ คือการเทน้ำแป้งที่ปรุงแล้วลงในหม้อ เพื่อให้น้ำซุปซึมเข้าไปในอาหารที่เกือบจะสุก เพื่อเพิ่มรสชาติและสีสันให้กับอาหาร

เทคนิคนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อคุณภาพของอาหาร และเป็นเหตุผลที่นาคิริ เอรินะ สรุปว่าเซี่ยหยูยังเป็นเชฟมือใหม่

เพราะ ‘โกวเชี่ยน’ ถือเป็นทักษะพื้นฐานที่สุดในการทำอาหาร ทุกคนที่ผ่านการฝึกอบรมการทำอาหารมาอย่างเป็นระบบ จะไม่ผิดพลาดในการทำ ‘โกวเชี่ยน’ แบบที่เซี่ยหยูทำ

เมื่อภาพจบลง เซี่ยหยูก็เข้าใจในทันทีว่า “เต้าหู้หม่าล่า” ที่เขาภูมิใจนั้นยังมีข้อบกพร่องร้ายแรง และตอนนี้เขาก็ใกล้จะแก้ไขข้อบกพร่องนั้นได้แล้ว

เขาสูดหายใจเบาๆ ใส่น้ำมันหอมงาลงขอบกระทะ ไม่รีบร้อนตักใส่จาน เขาเปิดเตาอีกเตาหนึ่งแล้วใช้ไฟแรงเพื่ออุ่นจาน จากนั้นค่อยตักอาหารใส่จานพร้อมโรยต้นหอมสีเขียวสด

ทันทีที่อาหารเสร็จสิ้น ห้องครัวในยามดึกก็สว่างจ้าราวกับตอนกลางวัน แสงสีทองเจิดจ้ากระจายทั่วห้องครัว

--------------------------------

ฝากติดตาม สนับสนุน และเป็นกำลังใจให้ด้วยนะ

หากพบคำผิด แจ้งได้เลย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด