Chapter 59: ทางเข้า
"ดยุคเวย์น" ฉินหรานทำสีหน้าประหลาดใจ แม้ว่าจริง ๆ แล้วข้างในเขาจะรู้สึกสงบมาก
เมื่อคนชื่ออีวานดูจะมีอิทธิพลในเมืองสูงมาก ฉินหรานก็ลดจำนวนผู้ที่เขาสงสัยให้แคบลงมาเหลือแค่สองสามคน และดยุคเวย์นก็เป็นหนึ่งในนั้น ครอบครัวของเขามีอิทธิพลมากในเมืองนี้ แต่ฉินหรานไม่มีหลักฐานเพียงพอ
ตอนนี้เขาไม่ต้องการหลักฐานอะไรแล้ว
"งั้น นี่ก็คือนักสืบที่เก่งกาจที่สุดในเมือง!" ดยุคเวย์นสังเกตเห็นความแปลกใจในสีหน้าของฉินหรานก็ยิ่งเยาะเย้ยเขามากขึ้น "ฉันคิดว่าแกจะต้องใช้เวลาสักสัปดาห์หนึ่งช่วยฉันหาสิ่งที่ฉันตามหาเสียอีก" เขาพูดเบา ๆ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ดยุคเวย์นนับสมบัติของศาสนจักรแห่งอรุณรุ่งเป็นของตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว
"เพื่อเป็นรางวัล ฉันคิดว่าแกน่าจะอยากเจอเพื่อนเก่าของแก" โดยไม่รอคำตอบ ดยุคเวย์นปรบมือ
ทันใดนั้น สารวัตรจอห์นก็ถูกผลักออกมากจากกลุ่มคน มือและปากของเขาถูกมัดไว้ เขาเดินโซเซมาถึงข้าง ๆ ฉินหราน มีรอยแผลมากมายบนร่างกายของเขา ทั้งรอยจากแส้และมีด จอห์นยังมีเลือดไหลอยู่เลย แต่ว่า ฉินหรานก็รู้สึกโล่งใจที่ไม่ได้เห็นเป็นร่างไร้ชีวิต
"จอห์น นายโอเคไหม?" ฉินหรานช่วยเอาผ้าปิดปากออกและแก้มัดมือให้เขา
"ฉันไม่เป็นไร" จอห์นตอบพร้อมรอยยิ้มทะมึน การได้รู้ว่าศัตรูนั้นมีอิทธิพลเหนือเขามาก ๆ ทำให้เขารู้สึกจิตใจพังทลาย
แน่นอนว่า ความเสียใจส่วนใหญ่ของเขาคือการที่ตัวเองไม่รู้เลยว่าคนที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่างคือดยุคเวย์น ศักดิ์ศรีในฐานะสารวัตรตำรวจถูกกระทบกระเทือนอย่างหนัก
อีกด้านหนึ่ง ดยุคเวย์นไม่ได้ห้ามฉินหรานแก้มัดจอห์น เขาแค่ยืนอยู่กับที่มองทั้งสองคนคุยกัน ผ่านไปสองนาที เขาเปิดปากพูดอีกครั้ง
"นักสืบฉินหราน ดูเหมือนว่าแกจะพอใจในรางวัลของแกนะ!" ขณะที่ดยุคเวย์นพูดเยาะเย้ยฉินหราน คนของดยุคเวย์นก็เข้ามาล้อมฉินหรานและจอห์นไว้ พวกมันถือปืนเล็งมาที่พวกเขาสองคน ผู้ชายสูงสองเมตรคนนั้นเดินไปหาฉินหรานแล้วค้นตัวหาสมุดโน้ต ฉินหรานยกมือทั้งสองขึ้นทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของดยุคเวย์นกว้างขึ้นกว่าเดิม เขาดีใจที่ฉินหรานให้ความร่วมมือ และเขาคิดว่าฉินหรานสมควรได้รู้มากขึ้นเป็นรางวัลของการสืบค้นของเขา
"สวาร์โกกับลู่ชานนำแกไปก้าวหนึ่งนะ คุณนักสืบ พันธมิตรที่แกเลือกไม่ได้ภักดีอย่างที่แกคิดหรอกนะ แต่ไม่ต้องห่วง ฉันเองก็จะคิดบัญชีกับมันเหมือนกัน ยังไงซะ พวกมันก็แค่นักเลงกระจอกที่คอยแต่จะทำทุกอย่างผิดพลาดล้มเหลว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเรื่องน่าโมโหนั่น..." ดยุคเวย์นอดใจไม่ไหวแล้ว เขาหัวเราะเสียงดังเมื่อเห็นฉินหรานมีสีหน้าทะมึนมากขึ้น เมื่อเขาหยุดหัวเราะได้ ก็พูดต่อ "เรื่องที่จู่โจมโรงเรียนเซนต์เปาโล!"
"คุณทำอย่างนั้นไม่ได้...."
"แน่นอนว่าฉันทำได้! ฉันสามารถทำทุกอย่างที่ต้องกาด้ในเมืองนี้!" ดยุคเวย์นพูดขัดฉินหรานด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
ฉินหรานยิ่งดูกังวลและหงุดหงิดมากขึ้นทำให้ดยุคเวย์นหัวเราะเยาะเขาอีกครั้ง
"แกมันก็ตาบอดเพราะความละโมบเหมือนกันนั่นแหละ แกมีสิทธิ์อะไรมาทำสีหน้าแบบนั้นฮะ? ควบคุมความรู้สึกเห็นอกเห็นใจปลอม ๆ ของแกหน่อยเหอะ แกมีอย่างอื่นสำคัญกว่าต้องทำ! คนนำทาง นั่นเป็นฉายาที่เหมาะกับแกและสารวัตรจอห์น!" ดยุคเวย์นไม่ได้สนใจปืนและมีดที่จ่อไปที่ฉินหราน เขาแค่รับสมุดโน้ตที่ชายร่างสูงค้นมาจากตัวฉินหรานมาเปิดดู หลังจากยืนยันแล้วว่าข้อมูลด้านในนั้นเกี่ยวกันศาสนจักรแห่งอรุณรุ่ง แต่ไม่ได้บอกถึงขั้นตอนถัดไป เขาก็ออกคำสั่งกับคนของตัวเอง
สวาร์โกและลู่ชานตัวปลอมนั้นลงไปในท่อน้ำทิ้งก่อนฉินหราน ดังนั้น ดยุคเวย์นจึงไม่มีเวลาอ่านข้อมูลในสมุดโน้ต เขายังคงมั่นใจว่าตัวเองควบคุมทุกอย่างเอาไว้แล้ว เหมือนที่เคยเป็นมา
ส่วนที่ว่า ทำไมเขาถึงไม่ส่งคนตามสวาร์โกและลู่ชานไปก่อน?
ดยุคเวย์นเชื่อว่าฉินหรานเป็นคนฉลาด และเขาน่าจะไม่ได้บอกทุกอย่างกับคนโง่สองคนนั้น สองคนนั้นคิดว่าพวกมันรู้ทุกอย่างแล้ว แต่อันที่จริงแล้วพวกมันก็แค่ถูกหลอกใช้เป็นทัพหน้าเท่านั้นเอง ดยุคเวย์นนั้นชื่นชมฉินหราน และมอบหมายหน้าที่เดียวกันนั้นแก่ฉินหรานและจอห์น
ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ อันที่จริงมันค่อนข้างน่าสนใจ
ดยุคเวย์นมองสีหน้าน่าเกลียูของฉินหรานและหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง เขาหัวเราะเบา ๆ และสง่างาม
ฝาท่อน้ำทิ้งถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง ดยุคเวย์นส่งคนของตัวเองสามคนลงไปก่อน หลังจากพวกเขายืนยันว่าด้านล่างไม่มีคน ฉินหรานและจอห์นก็ถูกบังคับให้ลงไปด้วยกันโดยผู้ชายสูงสองเมตรขณะที่ดยุคเวย์นตามมาด้านหลังพวกเขา
จากกลุ่มคนสิบสองคน แปดคนจุดตะเกียงน้ำมันส่องสว่างไปตามท่อน้ำใต้ดิน ในขณะที่อีกสามคนที่เหลือล้อมดยุคเวย์นเอาไว้ ผู้ชายสูงสองเมตรคนนั้นยืนอยู่ด้านหลังฉินหรานและจอห์น
"นี่คือทรูต คนที่เก่งที่สุดของฉัน เขาเคยช่วยชีวิตฉันไว้นับครั้งไม่ถ้วน เขาชอบฉีกกระชากศัตรูให้ขาดครึ่ง ฉันรับรองได้ว่าพวกแกคงไม่อยากสัมผัสด้านนั้นหรือเผชิญกับโทสะของเขา" ท่ามกลางการปกป้องจากคนของตัวเอง ดยุคเวย์นดูใจเย็น
ชายร่างยักษ์นามทรูตแสยะยิ้มตามดยุคเวย์น ภายใต้แรงกดดันของปืนนับโหลที่จ่อมาที่พวกเขา ฉินหรานและจอห์นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว จอห์นอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ฉินหรานห้ามเขาไว้ เขาพึมพำบางอย่างให้จอห์นฟังและจอห์นก็ถอนหายใจแทน
สารวัตรจอห์นไม่ใช่คนโง่และไม่ดึงดัน เขารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาขัดขืนหรือลงมือ มือปืนรอบ ๆ พวกเขาคงจะยินดีที่จะสอนบทเรียนสักบทสองบทให้เขา พวกมันไม่ได้เล็งปืนไปที่จุดตายเขา แต่เป็นที่ขาและแขนซึ่งจะทำให้เขาทรมานมากพอ
ความซื่อตรงของจอห์นทำให้เขาโทษโทสะของตัวเอง ความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เขาคิดและความจริงที่เกิดขึ้นทำให้เขาปวดใจ และยิ่งปวดใจมากขึ้นเมื่อต้องให้ความร่วมมือตาม
ฉินหรานมองสีหน้าของจอห์นแล้วก็รู้สึกจนปัญญาเหมือนกัน ไม่ใช่กับสถานการณ์ที่พวกเขากำลังเผชิญ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา แต่เพราะเบอกความจริกับจอห์นออกไปดัง ๆ ไม่ได้ ฉินหรานเองก็อยากจะบอกแผนการของเขาแก่จอห์นแต่สัญชาตญาณบอกเขาว่าไม่ควร
"ไปเถอะ" ฉินหรานพยุงจอห์น และเดินไปเข้าท่อน้ำไปด้วยกัน
ดยุคเวย์นปรบมือเมื่อเห็น
"ฉันชอบทำงานกับคนฉลาด!" เขาพูดและให้สัญญาณคนของตัวเองให้ตามไปเช่นกัน
พริบตาเดียวทุกคนยกเว้นทรูตก็ตั้งขบวนรูปแบบพิเศษให้ดยุคเวย์นอยู่ตรงกลางการปกป้องจากทุกคนและคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวรอบ ๆ ตัว
การปกป้องดยุคเวย์นเป็นภารกิจหลัก ผู้ชายทุกคนมีใบหน้าไร้อารมณ์ ดวงตาว่างเปล่าไร้ประกายราวกับเป็นเครื่องจักร เหมือนพวกเขาเป็นศพเดินได้
ทหารพลีชีพ
พอเห็นภาพนี้ ฉินหรานกับจอห์นก็สบตากัน อ่านสายตาของอีกฝ่าย ฉินหรานได้ยินมากจากกุนเธอร์สันเรื่องทหารพลีชีพ เขาแค่ไม่คิดว่าจะได้เจอพวกเขาเร็วอย่างนี้
"ถ้าเธอต้องสู้กับทหารพลีชีพ อย่าไปสู้พัวพันกับพวกมัน พวกมันสนใจแค่ทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายต่อให้ต้องตายก็ตาม!" คำพูดของกุนเธอร์สันยังก้องอยู่ในหูของฉินหรานแต่เขาก็ยังไม่มีความคิดที่จะเปลี่ยนแผน
ตอนที่เขาคิดแผนนี้ขึ้นมาเขาก็คาดการณ์ถึงผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดเอาไว้แล้ว แต่ตอนนั้นยังไม่มีทหารพลีชีพอยู่ในแผนการด้วย จริง ๆ แล้ว การปรากฏตัวขึ้นมาของทหารกลุ่มนี้อาจจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าที่คาดไว้
โชคยังดี แม้ว่าจอห์นจะได้รับบาดเจ็บแต่ก็ไม่ถึงกับขยับตัวไม่ได้ ฉินหรานรู้ว่าทำไมดยุคเวย์นถึงไม่สั่งให้ทำร้ายเขา มันเป็นเพราะดยุคเวย์นไม่ได้ตั้งใจจะไว้ชีวิตพวกเขาทั้งคู่หลังจากที่พบสมบัติ พวกเขาจะถูกฆ่าตายแน่นอน อันที่จริง ฉินหรานก็มีแผนแบบเดียวกัน เมื่อสมบัติถูก "พบ" ก็หมายถึงจุดจบของดยุคเวย์นและคนของเขา
ฉินหรานช่วยพยุงจอห์นไว้และเดินนำหน้าไปเรื่อย ๆ
กลิ่นเหม็นเน่าตลบใส่จมูกของพวกเขา ใต้เท้าของพวกเขาเหนียวเหนอะหนะราวกับเดินเหยียบไปบนอะไรสักอย่าง ท่อน้ำทิ้งนี้อันที่จริงก็ถูกทิ้งร้างไปครึ่งหนึ่งแล้ว ถ้ามันถูกใช้งานเต็มที่สถานการณ์คงจะเลวร้ายกว่านี้เป็นสิบเท่า
ฉินหรานและจอห์นเดินลึกเข้าไปตามทางท่อท่ามกลางกลุ่มทหารพลีชีพที่ยังรักษาสีหน้าว่างเปล่าเอาไว้เหมือนกันทุกคน ดยุคเวย์นปิดใบหน้าด้วยผ้าเช็ดหน้าที่ไม่รู้ไปเอามาจากไหน เห็นได้ชัดเจนว่าเขาทนกลิ่นไม่ไหวแล้ว
ทรูตเองก็ไม่ได้ชอบกลิ่นพวกนี้เหมือนกัน
มีการพูดคุยกันข้างหลังฉินหรานกับจอห์นเป็นระยะ ฉินหรานบอกไม่ได้ว่าพวกเขากำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่แต่มันย่อมไม่ใช่เรื่องดี
พวกเขาทั้งกลุ่มเดินอยู่ในท่อน้ำทิ้งภายใต้สภาพแบบนี้เกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม กลิ่นเหม็นเน่าเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ประสาทรับกลิ่นของงฉินหรานด้านชาไปหมดแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าการรับรู้กลิ่นได้ดีไม่ใช่เรื่องดี
แต่เขาก็จะไม่บ่น กับดักที่ขุดไว้สำหรับศัตรูนั้นอยู่ไม่ไกลแล้ว