ตอนที่ 46 ทำไมถึงเป็นเจ้า?
ตอนที่ 46 ทำไมถึงเป็นเจ้า?
หลี่เทียนหรงลมหายใจแผ่วเบา ร่างกายรู้สึกราวกับแตกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยความเจ็บปวด นางกัดฟันแน่นและพูดออกมาอย่างเคียดแค้น “ไอ้โจรนั่นมันมีหลักฐานภาพของข้ากับฉู่เทียนหยาง...”
หินบันทึกภาพ!
คำสามคำนี้ปรากฏขึ้นในหัวของจ้าวอู๋จีทันที!
ในพริบตานั้น ทุกสิ่งทุกอย่างก็สามารถอธิบายได้แล้ว!
ฉู่เทียนหยางสูญเสียคะแนนไปหนึ่งในสามเพื่อช่วยให้หลิงอวิ๋นแฝงตัวเข้าสู่การประลอง
หลี่เทียนหรงขัดขวางไม่ให้จ้าวอู๋จีจัดการกับหลิงอวิ๋นต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก!
“นางสารเลว! นางสารเลว!!!”
จ้าวอู๋จีโกรธจนแทบระเบิดเป็นเสี่ยงๆ
นางสารเลวคนนี้ไม่เพียงแต่คบชู้ แต่ยังมีหลักฐานภาพบันทึกไว้ด้วย!
หากหินบันทึกภาพนี้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนล่ะก็...
จ้าวอู๋จียังจะเงยหน้าอวดตัวต่อหน้าเหล่ายอดฝีมือทั่วหล้าได้อีกหรือ?
เขาจะยังคงสามารถนำสำนักสวรรค์เร้นลับได้หรือไม่?
“ข้าให้เวลาเจ้าสามวัน!”
“ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม เจ้าต้องทำลายมันให้ได้!”
“หากไม่สำเร็จ! เจ้ากับตระกูลหลี่ทั้งมวล ตายทั้งหมด!!!”
ร่างของจ้าวอู๋จีแผ่กระจายเจตนาสังหารที่แทบจะจับต้องได้!
ตราบใดที่หินบันทึกภาพยังไม่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ ทุกสิ่งก็ยังคงเป็นเพียงแค่ข่าวลือ
ทุกอย่างยังสามารถแก้ไขได้!
หอสมบัติร้อยล้ำค่า
หลังจากกลืนเม็ดยาวัฏจักรสมุทรไปสิบเม็ดแล้ว หลิงอวิ๋นพบว่าลมหายใจพลังปราณในตันเถียนของเขาเพิ่มขึ้นเพียงสามสิบวาเท่านั้น ทำให้เขาบรรลุถึงขอบเขตกงล้อสมุทรขั้นสาม
ซึ่งนั่นหมายถึงเขาเพิ่มลมหายใจพลังปราณเพียงยี่สิบห้าวาเท่านั้น!
“คนอื่นสามารถเพิ่มได้ถึงห้าสิบวาด้วยเม็ดยาวัฏจักรสมุทร แต่น่าเสียดายที่ข้าทำได้เพียงครึ่งเดียว”
“แต่ปราณของข้านั้นกลับเข้มข้นกว่าคนอื่นมากนัก”
หลิงอวิ๋นลุกขึ้นและเหวี่ยงหมัดอย่างสบายๆ กำลังของเขาเพิ่มขึ้นมากกว่าสิบเท่าจากก่อนหน้านี้
“แม้ตอนนี้ข้าจะไม่ใช้เก้ามารแปลงสวรรค์ ก็คงสามารถทำลายเกราะของเยี่ยเมิ่งเยียนได้แน่ๆ”
ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้น และเสียงของอู๋เต๋อก็ดังมาจากข้างนอก
“ไอ้หนู ขึ้นได้แล้ว! พระอาทิตย์จวนจะลับก้นเจ้าแล้ว รีบลุกไปกันได้แล้ว!”
“ในที่สุดก็จะไปแดนลับโบราณแล้วสินะ”
หลิงอวิ๋นแสดงสีหน้าแห่งความคาดหวัง แล้วรีบก้าวไปเปิดประตูห้อง
แต่ทันทีที่เปิดประตูออก เขาก็หยุดนิ่งอยู่กับที่
เบื้องหน้าของเขา หลังร่างของอู๋เต๋อยืนอยู่คือว่านฮวายวี่ในชุดเสื้อสีเหลือง นางจ้องมองมาด้วยความตะลึง ราวกับไม่เชื่อสายตา
“ทำไมถึงเป็นเจ้า?!”
“ทำไมถึงเป็นเจ้า?!”
ทั้งสองตะโกนประโยคเดียวกันออกมาพร้อมกัน
จากนั้นว่านฮวายวี่ก็นั่งยองๆ พร้อมกับทำหน้าหงุดหงิดและหันไปมองอู๋เต๋อ “ท่านอู๋ ข้าไม่อยากร่วมทางกับไอ้ลามกนี่!”
หลิงอวิ๋นถึงกับอึ้งไป เขาแค่จินตนาการในใจเท่านั้นเอง ไม่ได้ทำอะไรนางเลย
ทำไมจู่ๆ เขาถึงกลายเป็นไอ้ลามกไปได้เล่า?
อู๋เต๋อเกาหัวงงๆ “แม่นางว่าน เจ้าหนุ่มนี่ อืม… เอาเป็นว่าเจ้านี่ต้องร่วมทางไปด้วย”
ว่านฮวายวี่ “???”
หลิงอวิ๋นเดินเข้าไปโอบไหล่อู๋เต๋อแล้วถามว่า “ท่านเจ้าของร้านอู๋ เรื่องมันคืออะไรกันแน่ บอกข้าก่อนหน่อยไม่ได้หรือ? ข้าอาจจะจัดการได้ด้วยตัวเองนะ”
ว่านฮวายวี่ “?!!!”
อู๋เต๋อเหลือบมองว่านฮวายวี่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว “ไม่ได้ ยังไงก็ต้องพานางไปด้วย”
แล้วทั้งสามคนก็ออกเดินทางด้วยกัน ‘อย่างมีความสุข’
“ฮึ! ไอ้ลามก!”
“แหวะ! สตรีมากมารยา!”
“ฮึ! ไอ้ลามก!”
“แหวะ! สตรีมากมารยา!”
ในขณะที่ทั้งสองทะเลาะกัน เสียงเมืองที่โทนสีดูหม่นหมองก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นในสายตาของพวกเขา
เมืองโบราณร้าง!
เมืองที่เกิดขึ้นเมื่อพันปีก่อน หลังจากที่แดนลับโบราณปรากฏขึ้นและพัฒนารอบๆ บริเวณนั้น
นี่ไม่ใช่เมืองที่ใครคนใดคนหนึ่งจะควบคุมได้แต่เพียงผู้เดียว!
ที่นี่เป็นดินแดนที่ไร้กฎเกณฑ์อย่างแท้จริง ทุกประเภทของผู้คนตั้งแต่สามศาสนา เก้าสำนัก ผู้ฝึกวิถีธรรมะ และนิกายเร้นมารต่างรวมตัวกันที่นี่
ทางเข้าแดนลับโบราณ อยู่ตรงใจกลางของ เมืองโบราณร้าง
โฮก!
เสียงคำรามดังสนั่นขึ้นเมื่อพลังวิญญาณรอบด้านปั่นป่วนขึ้นมาอย่างฉับพลัน
จิตสังหารอันรุนแรงและแหลมคมพุ่งมาจากทุกทิศทาง
“อู๋เต๋อ!”
เสียงทุ้มต่ำที่แฝงด้วยจิตสังหารดังขึ้น
รถศึกทองคำขนาดใหญ่ถูกลากด้วยสัตว์ร้ายสองตัว พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
รถรบลอยอยู่เหนือศีรษะของทั้งสามคน
ที่หัวรถปรากฏแสงสีม่วงเจิดจ้า และภายในแสงนั้นสามารถมองเห็นเงาของบุรุษผู้หนึ่งในชุดคลุมสีม่วง
เขายืนอย่างสง่างาม ราวกับเตาหลอมแห่งสวรรค์กำลังเผาไหม้ พลังลมปราณที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแผ่ขยายออกไปเป็นระยะหลายพันเมตร
“ขอบเขตหลุดพ้นขั้นสูงสุด!”
ดวงตาเล็กๆ ของอู๋เต๋อหรี่ลงเล็กน้อย เขากวาดสายตาไปทั่วและสัมผัสได้ถึงพลังอันทรงพลังจากผู้ฝึกในขอบเขตหลุดพ้นหลายคนที่ซ่อนตัวอยู่
“สกุลฉู่ นี่มันเป็นข่มเหงเกินไปแล้ว!”
อู๋เต๋อปลดปล่อยพลังปราณออกมาเพื่อสร้างเกราะป้องกันรอบตัวเขา และปกป้องหลิงอวิ๋นและว่านฮวายวี่ จากนั้นจึงเงยหน้ามองแสงสีม่วงที่ลอยอยู่ในอากาศ
“ว่าไงฉู่เหล่าซาน! คนของสกุลฉู่ลงสนามโดยไม่ถูกกฎ ข้าสังหารมันไปก็เพื่อกู้หน้าของพวกเจ้า เจ้าควรจะขอบคุณข้าต่างหาก!”
“แม้ว่าพวกเราสกุลฉู่จะผิดกฎก่อนก็ตาม แต่ว่า!!”
“สกุลฉู่ไม่อาจถูกดูหมิ่นได้!!!”
บุรุษชุดคลุมสีม่วงที่ยืนอยู่กลางอากาศกดมือลงมา
อากาศภายในระยะหลายร้อยเมตรเดือดพล่าน มือปราณขนาดมหึมา ปกคลุมท้องฟ้าและฟาดลงมาที่อู๋เต๋อ
ดวงตาของหลิงอวิ๋นเบิกกว้าง รู้สึกเหมือนหน้าอกของเขาถูกบีบอัดอย่างแรง ความรู้สึกอึดอัดราวกับขาดอากาศหายใจพุ่งเข้าใส่
“นี่คือพลังของขอบเขตหลุดพ้นขั้นสูงสุดหรือ ข้าที่ยังอยู่ภายใต้การปกป้องของเกราะปราณของเจ้าของร้านอู๋ก็ยังรู้สึกได้ถึงความอึดอัดเช่นนี้!”
“ถ้าต้องเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับนี้โดยตรง ข้าคงถูกบดขยี้เป็นชิ้นๆ ในพริบตา!”
ความรู้สึกถึงภัยอันตรายที่ไม่เคยมีมาก่อนปะทุขึ้นในใจของหลิงอวิ๋นทันที!
ต้องแข็งแกร่งขึ้น!
มิฉะนั้นอย่าว่าแต่ขัดขวางไม่ให้ฉู่เทียนฉีแต่งงานกับลู่เสวี่ยเหยาได้เลย แม้แต่ชีวิตของตนเองก็ไม่อาจควบคุมได้!
“ไอ้บ้าเอ๊ย! ข้าดูหมิ่นสกุลฉู่ของเจ้าแล้วจะทำไม?”
อู๋เต๋อตะโกนด่ากลับอย่างไม่ยั้ง พลางสะบัดพัดเก่าๆ ในมือขึ้นไปในอากาศอย่างแรง
ทันใดนั้น! พลังลมและสายฟ้าสองสายคำรามออกมารวมกันกลายเป็นมังกรขนาดใหญ่ พุ่งเข้าสู้กับมือปราณขนาดมหึมาที่ฟาดลงมา
พลังอันยิ่งใหญ่สองสายปะทะกันอย่างรุนแรงในทันที
ตูม!
หลิงอวิ๋นรู้สึกเหมือนเสียงทุกสิ่งในโลกลดลงจนเงียบงัน ความเจ็บปวดแผ่ซ่านผ่านแก้วหูราวกับว่ามันจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
จากนั้น เขาเห็นคลื่นกระแทกอันน่ากลัวระเบิดออกมาจากจุดปะทะ ด้วยความเร็วราวกับลูกธนูพุ่งออกไปสู่ทุกทิศทาง
ต้นไม้โบราณสูงเสียดฟ้าซึ่งอยู่ห่างออกไปกว่าพันเมตร ถูกคลื่นกระแทกนั้นฟาดจนหักกลางลำต้นในทันที!
ที่บนรถรบทองคำ แสงสีม่วงนั้นเริ่มริบหรี่ไม่แน่นอน
“อู๋เต๋อ ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะก้าวข้ามไปถึงขั้นนั้นแล้ว!”
“ขอบเขตหมื่นแปรผัน!”
ระดับที่ปราณสามารถเปลี่ยนแปลงได้ไม่สิ้นสุด ถือเป็นหนึ่งในบรรพชนผู้ยิ่งใหญ่!
“ใช่แล้ว เจ้าคิดว่าแบบนี้มันน่าหงุดหงิดหรือไม่เล่า?”
อู๋เต๋อสะบัดพัดเก่าๆ ไปมา ท่าทางยียวนอย่างยิ่ง
“แม้ว่าขอบเขตหมื่นแปรผันจะไม่ใช่สิ่งที่อยู่ยงคงกระพัน พวกเราสามารถร่วมมือกันเพื่อกดขี่เจ้าได้!”
เหล่าผู้อาวุโสของสกุลฉู่ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พลังปราณอันมหาศาลจากผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตหลุดพ้นขั้นเก้าแผ่กระจายออกมา
“อู๋เต๋อ ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสการประลองที่แท้จริงของสกุลฉู่!”
เสียงของผู้แข็งแกร่งในระดับขอบเขตหลุดพ้นขั้นแปดดังขึ้น ปล่อยพลังปราณอันน่ากลัวออกมา
แล้วทันใดนั้น!
หนึ่งคน...
สองคน...
สามคน...
ถึงกับมีผู้แข็งแกร่งในระดับขอบเขตหลุดพ้นถึงแปดคนปรากฏตัวขึ้น!
รวมถึงฉู่เหล่าซานที่อยู่บนรถรบทองคำด้วย!
สกุลฉู่ส่งยอดฝีมือระดับขอบเขตหลุดพ้นทั้งเก้าคนออกมาพร้อมกันในครั้งเดียว!
ชั่วพริบตา!
ค่ายกลดาราโลหิตสีชาดขนาดมหึมาเริ่มก่อตัวเหนือศีรษะของทั้งสามคน และจากนั้นคมดาบโลหิตขนาดยักษ์ยาวเกือบหนึ่งร้อยเมตรก็ฟาดลงมาจากฟากฟ้า
แม้การโจมตียังมาไม่ถึง แต่แรงกดดันอันน่ากลัวนั้นทำให้พื้นดินใต้เท้าของหลิงอวิ๋นและพวกเขาเริ่มแตกร้าวออก
รอยแตกเหล่านั้นแผ่ขยายออกไปในทุกทิศทางราวกับใยแมงมุม
แข็งแกร่งมาก!
นี่คือพลังที่สามารถสั่นสะเทือนขอบเขตหมื่นแปรผันได้อย่างแน่นอน!
หลิงอวิ๋นเคยสัมผัสพลังอันน่าสะพรึงนี้จากร่างของเป่ยหมิงเย่เจ้าสำนักนิกายเร้นมารมาก่อน!
______________
มาเฟียไม่กลัว กลัวมาเยอะ