ตอนที่ 44 ในอนาคต ข้าจะตอบแทนอย่างสาสม
ตอนที่ 44 ในอนาคต ข้าจะตอบแทนอย่างสาสม
“ดูเหมือนว่าอาวุโสหลี่เทียนหรงยังมีความยุติธรรมอยู่บ้าง เช่นนั้นข้าจะกักตัวเองอยู่ที่หอสมบัติร้อยล้ำค่า รอให้พวกเจ้าทำการสืบสวนก็แล้วกัน”
หลิงอวิ๋นประสานมือให้คารวะต่อหลี่เทียนหรง ก่อนเดินออกจากการล้อมของเหล่าผู้อาวุโสหอคุมกฏอย่างไม่เกรงกลัว
ในตอนนี้ จ้าวอู๋จีรู้สึกหัวใจของเขาถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ เขาไม่มีแม้เวลาจะสนใจหลิงอวิ๋นสิ่งเดียวที่เขาต้องการรู้คือ...
หลี่เทียนหรงได้ทำอะไรลับหลังข้าหรือไม่!?
เสียง “ฟิ้ว!” ดังขึ้น พร้อมกับที่จ้าวอู๋จีคว้าตัวหลี่เทียนหรงขึ้นแล้วพุ่งหายไปในอากาศทันที!
ในชั่วขณะนั้น ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นต่างตกตะลึง!
ทุกคนหันมามองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ!
“ท่านทั้งหลาย!”
ในตอนนี้ ฉู่เวิ่นเทียน ผู้อาวุโสใหญ่แห่งสำนักสวรรค์เร้นลับลอยขึ้นกลางอากาศ เขาประสานมือให้คารวะแก่ผู้คนทั้งหมดแล้วกล่าวว่า “ท่านทั้งหลายที่เดินทางมาจากแดนไกล การแข่งขันอันดับภูผาสายน้ำของสำนักเราสิ้นสุดลงด้วยความสำเร็จ ข้ามีของขวัญเล็กน้อยเตรียมไว้ให้แขกทุกท่าน ท่านสามารถไปรับได้ที่หอนกฟีนิกซ์แดง ณ ห้องโถงสี่ทะเล หลังจากร่วมรับประทานอาหาร”
จากนั้นฉู่เวิ่นเทียนหยุดพูดครู่หนึ่ง เพื่อให้ทุกคนคาดหวัง
“อีกหนึ่งเดือนข้างหน้า บุตรแห่งตระกูลของข้า ฉู่เทียนฉีจะทำการขอหมั้นกับบุตรสาวแห่งตระกูลลู่ ลู่เสวี่ยเหยา ณ หอนกฟีนิกซ์แดงที่ห้องโถงดอกไม้บานใต้แสงจันทร์ หวังว่าทุกท่านจะมาร่วมเป็นสักขีพยาน”
หลังจากกล่าวจบ ฉู่เวิ่นเทียนยกแขนทั้งสองขึ้น พร้อมกับซองเชิญสีแดงสดนับไม่ถ้วนพุ่งออกไปยังทุกทิศทาง มันตกลงไปในมือของทุกคนอย่างแม่นยำไม่มีผิดพลาดแม้แต่น้อย
เมื่อผู้คนเปิดดูซองเชิญ พวกเขาก็สังเกตได้ว่าชื่อบนการ์ดนั้นตรงกับชื่อของพวกเขาทุกคนอย่างไม่มีข้อผิดพลาดใด ๆ
เสียงสูดลมหายใจดังขึ้นทั่วทั้งบริเวณ!
การควบคุมที่น่าเกรงขามเช่นนี้!
ผู้จัดการใหญ่แห่งสำนักสวรรค์เร้นลับ และผู้นำคนปัจจุบันของตระกูลฉู่ ฉู่เวิ่นเทียนดูเหมือนว่ากำลังจะก้าวไปสู่ระดับที่สูงขึ้นอีกขั้นแล้ว
“ผู้อาวุโสฉู่วางใจได้ อีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ข้อตกลงหมั้นหมายระหว่างบุตรชายของตระกูลฉู่และบุตรสาวแห่งตระกูลลู่ ข้าและตระกูลหูของเราจะมาเป็นสักขีพยานแน่นอน!”
“หนานเสวี่ยเหยา เป่ยชิงเฉิง งานหมั้นหมายนี้นับเป็นเหตุการณ์สำคัญของแคว้นฟ้าครามข้อตกลงนี้ย่อมเป็นสิ่งที่พวกเราไม่อาจพลาดได้!”
“พวกเราชาวภูเขาเมฆครามก็จะไม่พลาดเหตุการณ์สำคัญนี้เช่นกัน!”
...
ทุกคนต่างตอบรับว่าพวกเขาจะมาร่วมงานพิธีหมั้นหมายระหว่างฉู่เทียนฉีและลู่เสวี่ยเหยาอย่างแน่นอน
“อีกหนึ่งเดือนข้างหน้า...”
หลิงอวิ๋นเงยหน้ามองฉู่เวิ่นเทียนที่กำลังได้รับคำสรรเสริญจากผู้คนในอากาศ และค่อย ๆ กำหมัดแน่น!
พิธีหมั้นหมายของฉู่เทียนฉี แน่นอนว่าเขาจะไม่พลาดที่จะเข้าร่วม!
“เจ้าหนุ่ม เจ้านี่เก่งไม่เบานะ ข้าแทบจะอดใจไม่ไหวที่จะลงมือช่วยเจ้าแล้ว” อู๋เต๋อเดินเข้ามาพร้อมกับพัดเก่าพังในมือ จากนั้นก็กอดคอหลิงอวิ๋นอย่างสนิทสนม พลางถามด้วยน้ำเสียงที่ชวนให้คนคิดมากว่า
“เจ้าหนุ่ม เจ้ากับหลี่เทียนหรงมีอะไรกันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
หลิงอวิ๋น “!!!”
อู๋เต๋อคลี่ยิ้ม พลางทำท่าทางเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง “ฮึ่ม ๆ ไม่คาดคิดเลยว่า เจ้าหนุ่มน้อยนี่ ร้ายกาจไม่เบา”
หลิงอวิ๋นคิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าคำพูดของอู๋เต๋อมีเหตุผลอยู่บ้าง
“ท่านเจ้าของร้าน พวกเราจะออกเดินทางไปแดนลับโบราณเมื่อไหร่กัน?”
“หืม เมื่อกี้เจ้าเพิ่งบอกว่าจะกักตัวอยู่ที่หอสมบัติร้อยล้ำค่าไม่ใช่หรือ?”
“ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้น”
“ดี! เจ้าหนุ่มช่างมีนิสัยคล้ายข้า ยิ่งถูกใจข้าเข้าไปทุกที”
“งั้นเราออกเดินทางกันเลยดีกว่า อีกหนึ่งเดือนเรายังต้องกลับมาที่นี่อีกนะ”
“ไม่ได้ ตอนนี้ยังต้องรออีกคนหนึ่ง”
“ใครกัน?”
“พรุ่งนี้เช้าเจ้าก็จะรู้เอง”
ในขณะนั้น หนิงเสี่ยวตงเดินเข้ามาพร้อมกับเยี่ยเมิ่งเยียนที่บาดเจ็บสาหัสใกล้ตาย
“พี่อวิ๋น ขอบคุณท่านที่ช่วยแก้แค้นให้ศิษย์พี่อันเยว่ ข้าซาบซึ้งใจอย่างมาก”
“จากนี้ไปท่านคือพี่ใหญ่ของข้าหนิงเสี่ยวตง ท่านสั่งให้ข้าจับไก่ ข้าจะไม่ตบหมา ท่านสั่งให้ตบหมา ข้าจะไม่จับไก่แน่นอน!”
“พี่น้อง ข้าไม่ต้องการคำพูดที่มากเกินไป” หลิงอวิ๋นตบไหล่ของหนิงเสี่ยวตงแล้วหยิบถุงเก็บของออกมาและยื่นให้
“นี่คือรางวัลอันดับสองจากการแข่งอันดับภูผาสายน้ำเอาไปเถอะ!”
“อา... นี่มัน…”
หนิงเสี่ยวตงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบส่ายหน้า “พี่ใหญ่อวิ๋น นี่มันของมีค่ามาก ข้ารับไว้ไม่ได้...”
“เจ้าจะชักช้าทำไม ข้าให้เจ้าก็รับไปเสีย ถ้าไม่อย่างนั้น ข้าจะไม่คืนหินวิญญาณแสนก้อนนั้นหรอก...”
“แต่คัมภีร์ศึกเล่มหนึ่ง มันมีค่ามากกว่าหินวิญญาณแสนก้อนเสียอีก...”
หนิงเสี่ยวตงยังคงพยายามจะปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นสายตาของหลิงอวิ๋นเขาก็ต้องยอมรับไว้ในที่สุด
จากนั้น...
หลิงอวิ๋นหันไปมองเยี่ยเมิ่งเยียนและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าเยี่ยเมิ่งเยียน ที่เจ้าต้องมาตกต่ำถึงขนาดนี้ก็เพราะเจ้าไม่มีตาดูคนให้ดี ดังนั้นข้าจะควักตาอีกข้างของเจ้าด้วย!”
ฉึบ!
แสงกระบี่วูบผ่าน และดวงตาข้างที่เหลือของเยี่ยเมิ่งเยียนก็ถูกหลิงอวิ๋นทำให้บอดเช่นกัน
ไม่เพียงเท่านั้น หลิงอวิ๋นยังทำลายตันเถียนของนาง ทิ้งให้เยี่ยเมิ่งเยียนต้องอยู่ในสภาพสิ้นหวังตลอดกาล
“เยี่ยเมิ่งเยียน เจ้าจงมีชีวิตอยู่เหมือนสุนัข เฉกเช่นที่เจ้าเคยทำลายผู้อื่น”
การฆ่านางคงจะง่ายเกินไปสำหรับความชั่วที่นางได้ทำไว้
หนิงเสี่ยวตงหัวเราะอย่างเยาะเย้ย “ฮ่าฮ่า! อย่าเพิ่งรีบฆ่าตัวตายเสียล่ะนังหญิงชั่ว เผื่อวันหนึ่งพี่ชายของเจ้ากลับมา เขาอาจจะยังต้องการเจ้าอยู่ก็ได้นะ ฮ่าฮ่า!”
เยี่ยเมิ่งเยียนนอนตัวสั่นอยู่ในกองฝุ่น ร้องไห้ออกมาไม่ไหวแล้ว
“เสี่ยวตง สถานการณ์ของศิษย์พี่อันเยว่ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
สองวันที่ผ่านมาหลิงอวิ๋นยุ่งอยู่กับการแข่งอันดับภูผาสายน้ำจึงไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องอื่น
“ถือว่าเลวร้าย!”
เมื่อพูดถึงจางอันเยว่ หนิงเสี่ยวตงไม่สามารถกลั้นความเกลียดชังที่มีต่อเยี่ยเมิ่งเยียนได้
“หญิงชั่วผู้นี้ทำลายตันเถียนของศิษย์พี่อันเยว่จนหมดสิ้นแล้ว อาจารย์อ้อนวอนหมอทั่วทั้งสำนัก แต่ไม่มีใครรักษาได้”
“เช้านี้อาจารย์พาศิษย์พี่อันเยว่ไปที่เมืองโบราณ เพื่อหาหมอผู้เชี่ยวชาญที่เรียกว่าหมอเซียนหัตมาร ข้าหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น”
“เมืองโบราณหรือ?”
หลิงอวิ๋นขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาจำได้ว่าลู่เสวี่ยเหยาเคยบอกไว้ว่านิกายเร้นมารมีอิทธิพลมากในเมืองโบราณ
การเดินทางของจางเยี่ยหนานและลูกสาวในครั้งนี้ คงจะอันตรายไม่น้อย
หนิงเสี่ยวตงมองไปยังที่ห่างไกลก่อนพูดขึ้นว่า “พี่ใหญ่อวิ๋น ทางเข้าแดนลับโบราณอยู่ในเมืองโบราณ ถ้าท่านสะดวก ท่านอาจไปเยี่ยมศิษย์พี่อันเยว่ได้”
หลิงอวิ๋นขมวดคิ้วเล็กน้อย “เสี่ยวตง เจ้าไม่ไปแดนลับโบราณกับพวกเราหรือ?”
หลังจากที่ฟังอู๋เต๋อพูดถึงแดนลับโบราณว่าเป็นสถานที่ยอดเยี่ยม หลิงอวิ๋นตั้งใจจะพาหนิงเสี่ยวตงไปด้วยกัน
แต่หนิงเสี่ยวตงส่ายศีรษะ “พี่ใหญ่อวิ๋น แดนลับโบราณเต็มไปด้วยอันตราย ข้าแค่หวังให้ท่านระวังตัว ส่วนข้า... ก็ถึงเวลาที่ข้าต้องตามหาหนทางของข้าเองแล้ว”
หลิงอวิ๋นพยักหน้า “ดี เมื่อเจ้ามีแผนของตัวเอง ข้าก็ขออวยพรให้เจ้าประสบความสำเร็จ พบกันใหม่ที่สำนักในภายหน้า!”
หลังจากกล่าวคำอำลากับหนิงเสี่ยวตงแล้ว หลิงอวิ๋นก็กลับไปที่หอสมบัติร้อยล้ำค่า
แต่ทันทีที่เขามาถึงหน้าประตู เขาหยุดกึกในทันที
ในอากาศมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่คุ้นเคยลอยอยู่
กลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่หาได้ยากยิ่ง
“ใครจะคิดว่ามีสาวงามมาเยือนยามค่ำคืน ไม่ทราบว่ามีสิ่งใดจะสั่งสอนข้า?”
หลิงอวิ๋นผลักประตูเข้าไป และสิ่งที่ปรากฏแก่สายตาก็คือ...
ภายใต้แสงจันทร์สลัว หญิงงามในชุดกระโปรงสีแดงที่มีรูปร่างอ้อนแอ้น แต่ทรวดทรงเย้ายวน กำลังจ้องมองเขาด้วยความสนใจ
หลิงอวิ๋นตกใจอย่างมาก รีบก้าวเข้าไปด้วยความสุภาพและทำความเคารพ “ท่านผู้ยิ่งใหญ่กู้ชิงเฉิง ข้าต้องขอขอบคุณที่ท่านกล่าวแทนข้าในสนามประลอง ความเมตตานั้น ข้าจะจดจำไว้ไม่ลืม วันหนึ่งข้าจะตอบแทนอย่างยิ่งใหญ่”
เมื่อได้ยินคำว่า “วันหนึ่ง” ดวงตาคู่งามของกู้ชิงเฉิงซึ่งดูดุจสายน้ำในฤดูใบไม้ร่วงก็หรี่ลง ราวกับครุ่นคิดถึงความหมายของคำนี้
หลิงอวิ๋นสับสน “???”
กู้ชิงเฉิงยิ้มอย่างแผ่วเบา ลุกขึ้นยืนและเดินตรงมาหาเขา
เรือนร่างของนางเต็มไปด้วยความงดงาม หน้าอกและสะโพกอวบอิ่ม เอวคอดเล็ก และเมื่อนางขยับตัว อกคู่งามก็สั่นไหวอย่างน่าหวั่นใจ
“น้องชาย ข้าดูการต่อสู้ของเจ้ามาหลายวันแล้ว มักจะใช้กระบี่แทงเข้าใส่คู่ต่อสู้โดยตรง โดยเฉพาะที่ปากของพวกเขา”
ริมฝีปากแดงเพลิงของกู้ชิงเฉิงขยับเบา ๆ ก่อนจะกัดริมฝีปากเล็กน้อย “หรือว่าเจ้า... มีรสนิยมพิเศษอะไรหรือไม่?”
_____________________________
โอ้ย ตลกเกิ๊นตอนนี้55555