66 - นี่เป็นสิ่งที่คนโง่ทำได้หรือ
66 - นี่เป็นสิ่งที่คนโง่ทำได้หรือ
"พี่ใหญ่ เจ้าไม่ได้หลอกพวกเรานะ?" หลี่หยงเมิ่งไม่ใช่คนโง่ เขารู้ดีว่าธุรกิจน้ำตาลกรวดนั้นทำกำไรมหาศาล
และธุรกิจน้ำตาลกรวดนั้นอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลกงซุน
"แน่นอนว่าข้าไม่ได้หลอกเจ้า!"
เหตุผลที่ฉินโม่ชวนพวกเขามาทำธุรกิจ ก็เพราะมีแผนการในใจอยู่แล้ว
ทุกคนต่างก็แสวงหาผลกำไร การดึงพวกเขามาทำธุรกิจด้วยจะช่วยให้ฉินโม่สามารถผูกมัดพวกเขาไว้ได้อย่างมั่นคง
เขาตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะยกเลิกการหมั้นหมาย หากเขาต้องแต่งกับหลี่อวี้ซู่แล้วล่ะก็ ชีวิตคงจะน่ารำคาญน่าดู
"พี่ใหญ่ ดื่มน้ำชาหน่อย!"
เฉิงต้าเป่ารีบชงชาให้ฉินโม่ ส่วนเฉิงเสี่ยวเป่าก็วิ่งไปรับใช้ คอยนวดหลังให้ "พี่ใหญ่ แรงนี้สบายดีไหม?"
"ก็ไม่เลวนัก!"
พี่น้องตระกูลเฉิง ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นเด็กเกเรแห่งเมืองหลวง ตอนนี้กลับยอมฟังฉินโม่ทุกอย่าง ถ้าเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังคงไม่มีใครเชื่อ
"เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เฉิงต้าเป่ากับเฉิงเสี่ยวเป่านับเป็นหุ้นหนึ่ง หลี่หยงเมิ่งอีกหุ้นหนึ่ง และอีกหุ้นหนึ่งของหลี่เยว่ รวมทั้งหมดสิบหุ้น ข้าจะถือหุ้นเจ็ดหุ้น"
"พี่ใหญ่ ทำไมต้องให้หุ้นกับองค์ชายแปดด้วยล่ะ?"
"ใช่แล้ว ทำไมพวกเราสี่คนแบ่งกันเองไม่ได้?"
"เรื่องที่ข้าไม่บอกก็ไม่ต้องรู้!"
ฉินโม่แค่นเสียง "ไม่ว่าอย่างไร อีกสักพักพวกเจ้าก็นำเอาน้ำตาลขาวนี้กลับบ้าน ถามบิดาของพวกเจ้าดูว่า แต่ละคนจะสามารถหาเงินออกมาสามหมื่นตำลึงได้หรือไม่!"
"อะไรนะ? สามหมื่นตำลึง?"
ทั้งสามคนถึงกับตกตะลึง
"พี่ใหญ่ เจ้าบอกว่าจะให้พวกเราเปล่าๆ ไม่ใช่หรือ?"
"พวกเจ้ากำลังฝันอยู่หรือ! ธุรกิจน้ำตาลขาวนี้เหนือกว่าน้ำตาลกรวดไปไกลแล้ว ไม่ว่าจะทำมากแค่ไหนก็ขายได้หมด!"
ฉินโม่กล่าว "หนึ่งหุ้นขายให้พวกเจ้าที่สามหมื่นตำลึง นี่เป็นราคามิตรภาพ ถ้าเป็นคนอื่น ข้าจะคิดอย่างต่ำห้าหมื่นตำลึง!"
"พี่ใหญ่ พวกเราเป็นพี่น้องกันนะ!"
"พี่น้องก็ต้องคุยเรื่องเงินให้ชัดเจน ข้าปล่อยให้พวกเจ้ามากินเปล่าๆ ดื่มเปล่าๆไปแล้ว ยังคิดจะได้ธุรกิจน้ำตาลขาวเปล่าๆ อีกหรือ?"
ฉินโม่ดื่มชาหนึ่งอึก "ลุงหลิวเกิน นำเอาน้ำตาลขาวที่เตรียมไว้มา และส่งพวกเขากลับไปได้!"
ไม่ทันที่ทั้งสามจะทันตั้งตัว พวกเขาก็ถูกคนของตระกูลฉินไล่ออกไปแล้ว
แต่ละคนถือถุงน้ำตาลขาวอยู่ในมือ
"กลับบ้านกันไหม?" เฉิงเสี่ยวเป่าเกาศีรษะ
"กลับบ้านแน่นอน เรื่องนี้พวกเราไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจได้เอง!"
หลี่หยงเมิ่งกล่าว "ไม่ว่าอย่างไร ข้าต้องเข้าร่วมธุรกิจน้ำตาลขาวนี้แน่ หากเจ้าโง่ฉินสามารถผลิตได้จำนวนมาก เราต้องทำเงินมหาศาล!"
เขาคำนับแล้วรีบจากไปทันที
ไม่นานนัก หลี่หยงเมิ่งก็มาถึงจวนเฉิงจวิ้นอ๋อง เมื่อเขาเข้ามาในบ้านก็เห็นบิดาของเขากำลังถือแส้ฟาดไปมาอยู่ในห้องนั่งเล่น
หลี่หยงเมิ่งถึงกับสะดุ้งโหยง ในลมหายใจต่อมา แส้ของหลี่ซุนกงก็ตวัดเข้าหาเขาเต็มแรง
"โอ๊ย!"
แส้นั้นฟาดตรงก้นของหลี่หยงเมิ่ง ทำให้เขากระโดดด้วยความเจ็บปวด "ท่านพ่อ ฟังข้าอธิบายก่อน เมื่อคืนข้า..."
"เจ้าเด็กเนรเจ้า! ข้าเตือนเจ้าแล้วว่าอย่าไปค้างคืนนอกบ้าน ผู้สืบตระกูลของจวนเฉิงจวิ้นอ๋องเรามีแค่เจ้าเท่านั้น!"
หลี่ซุนกงโกรธมาก
เขามีบุตรชายเพียงคนเดียวคือหลี่หยงเมิ่ง จึงต้องฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเด็กโง่เขาคนนี้
แต่หลี่หยงเมิ่งกลับทำตัวดีไม่ได้ ชอบออกไปค้างคืนที่อื่นเสมอ เขาได้หาภรรยาดีๆ ที่มีสะโพกขนาดใหญ่ให้กับบุตรชายแล้ว แต่สุดท้ายเด็กไม่รักดีคนนี้กลับเอาแต่ออกไปท่องเที่ยวทุกคืนจนภรรยาได้แต่ร้องไห้อยู่ในห้อง
“ท่านพ่อ โปรดฟังข้าอธิบาย!” หลี่หยงเมิ่งร้องขอ
“อธิบายอะไร? เจ้าเอาแต่ไปเที่ยวกับพี่น้องตระกูลเฉิงกับเจ้าโง่ฉิน เจ้าจะมีทางเจริญรุ่งเรืองได้เมื่อใดกัน? จากวันนี้ไปจนกว่าภรรยาของเจ้าจะตั้งท้องห้ามเจ้าออกไปข้างนอกเด็ดขาด เมื่อถึงตอนนั้น เจ้าอยากไปตายที่ไหนก็เชิญ ข้าไม่สนใจ!”
หลี่หยงเมิ่งรู้สึกน้อยใจ
ภรรยาทั้งสามคนที่ท่านพ่อของเขาหามาให้แข็งแรงกว่าตัวเขาเสียอีก ถึงแม้ว่าพวกนางจะมีก้นใหญ่และเหมาะกับการมีลูก แต่ใบหน้าของพวกนางใช้การไม่ได้เลย จะให้เขาหลงรักได้อย่างไร
เขาชอบผู้หญิงที่อ่อนหวาน นุ่มนวลเหมือนดอกไม้เล็กๆ มากกว่า
“ท่านพ่อ เจ้าโง่ฉินตอนนี้เก่งมากนะ ปลูกผักฝืนฤดูกาลออกมาได้ แล้วยังเปิดร้านไห่ตี้เหลาอีก ธุรกิจของเขาเจริญรุ่งเรืองมาก!”
“ไร้สาระ!”
หลี่ซุนกงแค่นเสียง “ตอนนี้มีข่าวลือไปทั่วว่าเจ้าโง่ฉินทำตัวฝืนฟ้าฝืนธรรมชาติ กินผักที่ปลูกผิดฤดูกาลแล้วจะโดนฟ้าลงโทษ แถมเขายังแอบหมักเหล้าเอง ฝ่าฝืนกฎหมาย เจ้าคิดจะเอาตัวเองไปเสี่ยงด้วยหรือ?”
“ไร้สาระสิ้นดี ฮ่องเต้กับฮองเฮาก็ยังกินผักนี้ ทำไมถึงไม่โดนฟ้าลงโทษเล่า?” หลี่หยงเมิ่งโวยวาย “พวกนั้นก็แค่อิจฉา โกรธแค้นกันทั้งนั้น!
เจ้าโง่ฉินไม่ได้หมักเหล้าเอง เขานำเหล้าผลไม้มาผ่านกระบวนการใหม่ต่างหาก!”
“เจ้าไม่ต้องมาสอนข้า!”
หลี่ซุนกงตบศีรษะลูกชายของเขา “อย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่เจ้าคิด อย่าเข้าไปยุ่ง!”
“ไม่ได้ ข้ารับเจ้าโง่ฉินเป็นพี่ใหญ่ เรื่องของเขาก็คือเรื่องของข้า ข้าจะนิ่งดูดายได้อย่างไร?”
หลี่ซุนกงโกรธจนแทบจะระเบิด “เจ้าเพิ่งพูดอะไรนะ? เจ้ารับเจ้าโง่เป็นพี่ใหญ่หรือ?”
“ใช่แล้ว!”
หลี่หยงเมิ่งพูดเสียงเข้ม “แม้ว่าเจ้าโง่ฉินจะดูซื่อบื้อ แต่เขาก็มีคุณธรรมต่อพี่น้องที่ยิ่งใหญ่ มิตรภาพของพวกเราเกิดขึ้นจากการต่อสู้ และเจ้าโง่ฉินยังชวนข้าไปทำธุรกิจด้วย!”
หลี่ซุนกงที่กำลังจะเงื้อแส้ขึ้นฟาด แต่เมื่อได้ยินคำว่าธุรกิจ เขาก็หยุดชะงัก “ทำธุรกิจอะไรล่ะ? ปลูกผักหรือเปิดร้านไห่ตี้เหลา?”
“ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง!”
“แล้วมันอะไร?” หลี่ซุนกงขมวดคิ้ว “เจ้าอย่าบอกนะว่าเจ้าโดนฉินโม่หลอกเอา?”
หลี่หยงเมิ่งหยิบถุงที่ผูกไว้ที่เอวออกมายื่นให้ “ท่านพ่อ นี่คือธุรกิจของเจ้าโง่ฉิน!”
หลี่ซุนกงรับถุงนั้นด้วยความสงสัย เมื่อเปิดดู เขาก็เห็นเม็ดเกลือสีขาวสะอาดเหมือนหิมะ
เขาตกใจจนปล่อยถุงน้ำตาลร่วงลงไปบนพื้น "ขายเกลือเถื่อนอย่างนั้นหรือ? เจ้าโง่ฉินกล้าขนาดนี้เลย?"
หลี่หยงเมิ่งรีบอธิบาย "ท่านพ่อ ท่านเข้าใจผิดแล้ว นี่ไม่ใช่เกลือ แต่มันคือน้ำตาลขาว มันดีกว่าน้ำตาลกรวดอีก แล้วเกลือที่พวกเรากินก็ไม่ได้ใสสะอาดขนาดนี้นี่!"
“น้ำตาลขาว?”
หลี่ซุนกงใช้นิ้วจิ้มน้ำตาลเล็กน้อยแล้วใส่เข้าปาก รสชาติหวานล้ำ ไม่มีรสขมเลยสักนิด
เขาตกตะลึง "นี่มันน้ำตาลจริงๆ รสชาติหวานดีมาก เจ้าโง่ฉินไปหาน้ำตาลคุณภาพสูงแบบนี้มาจากไหนกัน? น้ำตาลขาวนี้ดีกว่าน้ำตาลกรวดมากนัก!"
"เจ้าโง่ฉินบอกว่า น้ำตาลขาวนี้เขาสามารถผลิตได้มากเท่าที่ต้องการ ไม่ได้มีปริมาณจำกัดเหมือนน้ำตาลกรวด"
หลี่หยงเมิ่งเห็นบิดาของตนเริ่มเปลี่ยนท่าที จึงรีบพูดต่อ “เขาให้ข้าถือหุ้นหนึ่งส่วน ข้าเลยกลับมาปรึกษาท่าน หากท่านต้องการเข้าร่วม ท่านต้องเตรียมเงินสามหมื่นตำลึง!”
"ให้ใคร?"
"ให้เจ้าโง่ฉิน!"
“หนึ่งหุ้นตั้งราคาสามหมื่นตำลึง?”
หลี่ซุนกงขมวดคิ้วลึก “เขาให้แค่เจ้าคนเดียวหรือ?”
“ยังมีพี่น้องตระกูลเฉิงอีกสองคนที่ได้รับหุ้นหนึ่ง และฉินโม่ยังจะชวนองค์ชายแปดเข้าร่วมด้วย!”
หลี่หยงเมิ่งตอบตามความจริง
"เจ้าโง่ฉินไปเอาความคิดพวกนี้มาจากไหนกัน?"
หลี่ซุนกงรู้จักเจ้าโง่ฉินเป็นอย่างดี ตัวเขาและบิดาฉินโม่รู้จักกันมากว่าสี่สิบปีมีหรือจะไม่รู้ว่าฉินโม่เป็นคนอย่างไร เจ้าเด็กน้อยนี่วันๆ เอาแต่ต่อยตี จะไปมีความรู้จากที่ไหน
ฉินเซียงหรูถึงขั้นบากหน้าต้องขอพระราชทานสมรสจากฮ่องเต้ ก็เพราะกลัวบุตรชายจะล้างผลาญตระกูลจนล่มสลาย
แต่ช่วงนี้ฉินโม่กลับมีการแสดงออกที่แปลกประหลาด ไม่ว่าหยิบอะไรก็เป็นเงินเป็นทองทั้งสิ้น
ทั้งหม้อไฟและผัดผัก ฮ่องเต้และฮองเฮาต่างก็ชื่นชม
ไหนจะปลูกผักนอกฤดูกาลได้ และตอนนี้ก็ทำธุรกิจน้ำตาลขาวอีก
นี่มันเป็นสิ่งที่คนโง่สามารถทำได้หรือ?
…………….