64 - คนเดียวที่พึ่งพาได้
64 - คนเดียวที่พึ่งพาได้
ข่าวลือจากสามคนเริ่มแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ทั่วเมืองหลวงต่างพูดถึงเรื่องนี้ และข่าวลือก็มาถึงหูของหลี่ซื่อหลง
ฮ่องเต้หลี่ซื่อหลงทราบทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในอาณาจักร
"วันนี้ไท่จื่อได้พาองค์ชายและองค์หญิงทุกคนไปขอโทษตระกูลฉินหรือยัง?"
"กราบทูลฮ่องเต้ ไท่จื่อ องค์ชายและองค์หญิงทุกคนต่างเรียนอย่างเคร่งเครียด"
เกาจื่อเหลียนกล่าวด้วยความเคารพ
"เรียนอย่างเคร่งเครียด? ฮึ เจ้านี่ช่างหาข้อแก้ตัวเก่งนัก!" หลี่ซื่อหลงแค่นเสียงด้วยความเย็นชา แม้ว่าจะรู้ว่าพวกเขาผิด แต่กลับไม่รู้สึกสำนึกผิด ฮ่องเต้เองก็แอบผิดหวังอยู่เล็กน้อย
แต่หลังจากคิดไปคิดมา ฮ่องเต้ก็เลือกจะหลับหูหลับตา เพราะถ้าให้พวกเขาไปขอโทษก็จะเป็นการเปิดเผยเรื่องอัปยศของราชวงศ์ออกไป
"เรื่องที่ฉินโม่ปลูกผักฝืนฤดูกาล แม้มันจะฝืนกฎของธรรมชาติ แต่เพื่อประโยชน์ของราษฎรทั่วทั้งแผ่นดิน หากฟ้าลงโทษ ข้าจะเป็นคนรับไว้เอง!"
เรื่องฟ้าลงโทษที่ว่านั้นเป็นเพียงคำพูดของคนที่อิจฉาฉินโม่ที่สามารถปลูกผักได้ แต่ฮ่องเต้ก็ไม่ปล่อยโอกาสที่จะชนะใจราษฎรไป
ฮ่องเต้กินผักนี้มานานแล้ว และไม่เกิดอะไรขึ้นกับพระองค์เลย แถมยังกินผักแล้วระบบขับถ่ายของพระองค์ก็ดีขึ้นมากด้วย
"ส่วนเรื่องที่ฉินโม่หมักเหล้านั้น เป็นการนำเหล้าผลไม้มาผ่านกระบวนการใหม่ ไม่ใช่การหมักเหล้าเอง ไปเตือนพวกที่พูดพล่อยๆ ถ้ายังพูดจาเลอะเทอะอีก ข้าจะถอนฟันพวกเขา!"
เกาจื่อเหลียนรีบกล่าวรับคำสั่งในทันที แต่ในใจกลับคิดว่า ตั้งแต่เมื่อใดที่ราชบุตรเขยคนอื่นๆ เคยได้รับความโปรดปรานถึงขนาดนี้?
ฮ่องเต้แสดงออกอย่างชัดเจนว่ายืนอยู่ข้างฉินโม่
"เดี๋ยวก่อน เรื่องนี้..."
หลี่ซื่อหลงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง "รอดูว่าเจ้าโง่ฉินจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร!"
ฮ่องเต้ไม่อยากลงมือเองในเรื่องนี้ และพระองค์ก็อยากดูด้วยว่า หลี่เยว่จะทำอย่างไร
"รับด้วยเกล้า!"
หลังจากเกาจื่อเหลียนออกไปแล้ว หลี่ซื่อหลงก็ตกอยู่ในภวังค์คิด คำนวณวันเวลา ตอนนี้ฉินเซียงหรูน่าจะยกทัพถึงภาคพายัพแล้ว
การเปิดการค้าชายแดนไม่ใช่เรื่องง่าย ฉินเซียงหรูเป็นคนที่มีทั้งความกล้าและความฉลาด มีชื่อเสียงในกองทัพเป็นอย่างมาก
ที่สำคัญที่สุดคือ เขาภักดี ไม่เคยคิดยึดอำนาจกองทัพ และไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองในราชสำนักนี้ แม้แต่การประชุมหน้าบัลลังก์หากไม่เรียกเขาก็จะไม่เข้ามาให้ฮ่องเต้หนักใจอย่างเด็ดขาด ในอาณาจักรนี้คนที่ฮ่องเต้ไว้ใจมากที่สุดหากไม่ใช่ฮองเฮาและเกาซื่อเหลียน ก็ต้องเป็นฉินเซียงหรูนี่เอง
"ถ้าพวกนั้นจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ ข้าจะลงมือเอง อย่างไรข้าก็ไม่ยอมให้ลูกเขยข้าถูกใครรังแกหรอกใช่ไหม?"
ในสายตาของฮ่องเต้ หลี่ซื่อหลง ฉินโม่เป็นเหมือนหยกเนื้อดี ที่รอการเจียระไน
ไม่ว่าจะให้ไปทำงานในกรมคลังหรือกรมโยธา เขาก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อแผ่นดินและราชวงศ์!
หลี่ซินยังเด็กเกินไป เขามองข้ามฉินโม่มาโดยตลอด หารู้ไม่ว่านี่คือคนที่จะทำให้เขานั่งบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง
ในขณะเดียวกัน ที่ตำหนักอันหนาน
หลี่เยว่ก็ได้รับจดหมายจากฉินโม่ "เจ้าโง่คนนี้ เขียนหนังสือได้แย่จริงๆ!"
เดิมที หลี่เยว่ตั้งใจจะไปร่วมงานเปิดร้านไห่ตี้เหลาของตระกูลฉิน แต่ไท่จื่อได้กล่าวข่มขู่ว่า ใครที่กล้าออกไปข้างนอกวันนี้ก็ถือว่าท้าทายเขา
คำพูดนี้ชัดเจนว่าพูดให้หลี่เยว่ฟัง
วันนี้ หลี่เยว่ยอมให้ไท่จื่อสักวัน เพราะไม่ว่าอย่างไรพวกเขาทุกคนก็ยังเป็นพี่น้องกันอยู่
อีกทั้งไท่จื่อมีทรัพยากรและเครือข่ายมากมาย หากปะทะกัน หลี่เยว่คงเป็นฝ่ายเสียหาย
แต่พรุ่งนี้เขาจะต้องไปช่วยเจ้าโง่ฉินแน่นอน
เมื่อได้อ่านเนื้อหาจดหมาย หลี่เยว่ก็ยิ้มออกมา “สวรรค์ เพียงแค่วันเดียวก็ทำเงินได้หนึ่งหมื่นเก้าพันตำลึง ถ้าเป็นหนึ่งเดือน ก็ไม่ใช่จะทำเงินได้ห้าหกแสนตำลึงหรือ?
ถ้าเป็นหนึ่งปี ก็เท่ากับภาษีของแผ่นดินทั้งปีเลย!”
หลี่เยว่ตกใจกับเนื้อหาในจดหมายอย่างมาก!
เขาเดินไปมาภายในตำหนักอันหนาน
บนใบหน้าแสดงความดีใจและตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด แต่ตามมาด้วยความกลัวและความกังวล
ข่าวลือต่างๆ ที่เกิดขึ้นข้างนอกนั้น เขารับรู้ดี และเขาได้ส่งขันทีไปสืบดูแล้ว
เหล่าพี่น้องของเขาต่างจับตามองผักในเรือนกระจกของหมู่บ้านตระกูลฉิน และตอนนี้ทุกคนต่างแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการเล่นงานไห่ตี้เหลา
แม้ว่าฮ่องเต้จะมอบสิทธิพิเศษให้เขา แต่เรื่องนี้เขาไม่สามารถพูดออกมาโดยตรงได้
แม้แต่บอกใบ้เล็กน้อยก็ทำไม่ได้
ส่วนเรื่องการขอความช่วยเหลือมันก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน
“จะทำอย่างไรดี?”
หลี่เยว่ครุ่นคิดอย่างหนัก จนในที่สุดก็คิดหาทางออกได้ “ให้พี่เจ็ดออกน่าจะดีกว่า!”
เจ้าโง่ฉินคงอยากจะถอนหมั้นกับพี่เจ็ดของเขา แต่ในสายตาของหลี่เยว่ เรื่องนี้ไม่มีทางเป็นไปได้
ท้ายที่สุด ราชโองการก็ได้ถูกประกาศแล้ว วันมงคลก็ถูกกำหนดไว้ และทั่วทั้งราชวงศ์ต้าฉียนก็รู้กันหมดว่าเจ้าโง่ฉินจะเป็นว่าที่สามีองค์หญิงจิ่นหยาง
นี่ไม่เหมือนกับสถานการณ์ของเขา เพราะฮ่องเต้ยังไม่ได้ประกาศราชโองการ ซึ่งทำให้เขายังมีโอกาสอยู่เล็กน้อย
“เจ้าโง่ เจ้าโง่ เจ้าจะโทษข้าไม่ได้ ข้าทำเพื่อเจ้าทั้งนั้น!”
หลี่เยว่พึมพำกับตัวเอง แต่เขายังคิดไม่ออกว่าจะใช้ประโยชน์จากพี่เจ็ดได้อย่างไร
“คิดออกแล้ว! เอาแบบนี้ก็แล้วกัน!”
วันต่อมา เฉิงต้าเป่าและพรรคพวกก็ตื่นขึ้นมาที่ไห่ตี้เหลา
“เจ้าโง่ฉิน ทำไมเจ้าปล่อยให้พวกเราสามคนนอนบนเตียงเดียวกัน?”
“เสื้อผ้าของข้าหายไปไหน? เสื้อผ้าของข้าอยู่ที่ไหน?” หลี่หยงเมิ่งกระชับผ้าห่มปกปิดร่างกายไว้แน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว!
“พี่ใหญ่ เจ้าคงไม่ได้ทำอะไรแปลกๆ หรอกใช่ไหม?” เฉิงเสี่ยวเป่ามองพี่ชายของตนด้วยความตื่นตระหนก
“ไปให้พ้น!” เฉิงต้าเป่าขยี้หัวตัวเองเพราะตอนนี้เขาปวดศีรษะเหลือเกิน
ตอนนั้นเอง คนของหมู่บ้านตระกูลฉินได้ยินเสียงจากห้อง จึงรีบเข้ามาดูพวกเขา
“คุณชายทั้งสาม มีคำสั่งใด?”
“เสื้อผ้าของพวกเราอยู่ไหน?”
“เจ้าโง่ฉินไปไหนแล้ว? ทำไมปล่อยให้พวกเราสามคนนอนบนเตียงเดียวกัน?”
ใบหน้าของหลี่หยงเมิ่งแดงก่ำด้วยความอาย
“คุณชายกำลังรับประทานอาหารเช้าอยู่ที่ห้องโถง!”
“รีบเอาเสื้อผ้าของพวกเรามาให้เร็วเข้า!”
คนรับใช้คนนั้นกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ ก่อนจะนำเสื้อผ้ามาให้พวกเขา
หลังจากพวกเขาสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ทั้งสามคนก็เดินไปที่ห้องโถง เมื่อเห็นอาหารเช้าที่อยู่ตรงหน้าก็ตาโตขึ้นมาทันที
…………….