63 - แผนการชั่วร้ายของกงซุนชง
63 - แผนการชั่วร้ายของกงซุนชง
ในขณะเดียวกัน เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงเช้าก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงแล้ว
ทุกคนต่างพากันพูดถึงฉินโม่ที่สามารถปลูกผักในฤดูที่แตกต่างกันได้
บางคนไม่เชื่อ แต่สายตานับพันคู่ที่เห็นกับตาตัวเอง ทำให้แม้ไม่อยากจะเชื่อก็ทำไม่ได้
ยังมีลูกค้าหลายคนที่ออกมาจากไห่ตี้เหลาต่างพากันพูดสนับสนุน “ไห่ตี้เหลาของตระกูลฉิน ทหารล้วนรสชาติยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นหม้อไฟหรือผัดผัก นี่คืออาหารที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่ข้าเคยกิน!”
“นั่นยังไม่ใช่ที่สุด สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือเหล้าซานเล่อเจียงของไห่ตี้เหลา เหล้านี้เข้มกว่าเหล้าทุกชนิดในโลก แค่จิบเดียวก็รู้สึกถึงรสชาติที่ยากจะลืม!”
การบอกเล่าจากปากต่อปากทำให้หน้าร้านไห่ตี้เหลาเต็มไปด้วยผู้คน
หยางหลิวเกินต้องออกมาประกาศ “ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจกับไห่ตี้เหลา ตระกูลฉินของเรา วันนี้เรารับแขกแค่หนึ่งร้อยคนเท่านั้น ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เราจะไม่รับแขกช่วงเช้า และจะเริ่มรับแขกตั้งแต่เที่ยงจนถึงยามหนึ่ง(ประมาณ 21:00 น) ท่านใดที่ต้องการเข้ามา กรุณามารับบัตรคิวในตอนเช้า ถ้าไม่มีบัตรคิวจะไม่ได้เข้าร้าน!”
เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้คนต่างไม่พอใจ
“จำกัดจำนวนแขกก็แล้วไป แต่ทำไมเปิดแค่ไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน และยังต้องมีบัตรคิวด้วย มีที่ไหนทำธุรกิจแบบนี้!”
“ข้าคิดว่าพวกเจ้าคงไม่อยากทำธุรกิจจริงๆ หรอก!”
“ใช่ ถ้าอย่างนั้นข้าไม่กินก็ได้!”
“หม้อไฟมันจะดีแค่ไหนกัน ไม่ใช่แค่หม้อของกองทัพไม่ใช่หรือ ไป เรากลับกัน!”
หยางหลิวเกินเพียงแค่ยิ้มขอโทษ
หลังจากที่คนทั้งหลายกลับไปแล้ว เสี่ยวหลิวก็ถามด้วยความสงสัย “ลุงหลิวเกิน ทำไมคุณชายถึงทำแบบนี้ล่ะ? ถ้ารับคนเข้ามามากๆ ก็จะได้เงินเยอะขึ้นไม่ใช่หรือ?”
“เจ้าติดตามคุณชายยังไม่รู้เรื่องนี้หรือ?”
หยางหลิวเกินตบหัวเสี่ยวหลิว “ทำหน้าที่ของเจ้าไปเถอะ คุณชายของเราฉลาดจะตาย อยู่กับคุณชายมานานขนาดนี้ ทำไมไม่พัฒนาอะไรเลย?”
เสี่ยวหลิวคิดอย่างน้อยใจว่า คุณชายก็เพิ่งมีการเปลี่ยนแปลงไม่กี่วัน เมื่อก่อนก็เอาแต่ต่อยตีไม่ใช่หรือ!
“ปิดประตูได้แล้ว ถึงเวลาคำนวณรายรับแล้ว เสี่ยวหลิว ไปเรียกคุณชายที่ห้องพัก!”
หยางหลิวเกินสั่งการ ไห่ตี้เหลาทั้งหมดต่างก็เริ่มลงมือทำงาน
ฉินโม่ที่กำลังปวดศีรษะอยู่ แต่ก็ยังลุกขึ้นมาเดินไปที่ห้องโถงใหญ่ เหล่าผู้มีหน้าที่รับผิดชอบร้านต่างชุมนุมอยู่ในห้องอย่างครบครัน!
หากฉินเซียงหรูไม่อยู่ หยางหลิวเกินและหูซานจินก็จะเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจในหมู่บ้านตระกูลฉิน
“คุณชาย!”
ทุกคนต่างคำนับฉินโม่
“ไม่ต้องมากพิธี”
ฉินโม่นั่งลงที่ตำแหน่งหลัก หยิบชาขึ้นดื่มรวดเดียวจนหายกระหาย เขาถอนหายใจยาว “บอกข้าเถอะ วันนี้เราทำเงินได้เท่าไหร่!”
“คุณชาย วันนี้เรารับแขกทั้งหมดหนึ่งร้อยคน ใช้ผักไปสองร้อยจิน เหล้าซานเล่อเจียงหกสิบจิน และหม้อไฟกับอาหารผัดรวมกันทำเงินได้ทั้งหมดหนึ่งหมื่นเก้าพันสี่ร้อยตำลึง!”
ทุกคนในตระกูลฉินต่างตกตะลึงกับตัวเลขนี้
สวรรค์ หนึ่งหมื่นเก้าพันสี่ร้อยตำลึงหรือ?
ถ้าเป็นเช่นนี้ ทุกเดือนก็ต้องทำเงินได้หลายหมื่นตำลึงเลยทีเดียว!
เสี่ยวหลิวยกนิ้วขึ้นนับดู แต่ก็นับเท่าไหร่ก็ไม่พอ
ฉินโม่ขมวดคิ้ว ผักสองร้อยจิน คิดเป็นหนึ่งพันห้าร้อยตำลึง ส่วนเหล้าซานเล่อเจียง ขวดเล็กขวดหนึ่งราคาอยู่ที่ห้าสิบตำลึง (ขวดละสองตำลึง) หกสิบจินคิดเป็นหนึ่งหมื่นห้าพันตำลึง
หม้อไฟและอาหารผัดรวมกันก็ประมาณสามพันกว่าตำลึง
ฉินโม่คำนวณในใจ เหล้าซานเล่อเจียงแม้ว่าจะกลั่นขึ้นมาได้สำเร็จแต่ก็ทำให้ปริมาณของเหล้าองุ่นเดิมลดลงไปถึงสิบเท่า ค่าใช้จ่ายสำหรับเหล้าแต่ละขวดไม่น้อยเลย
กำไรน่าจะประมาณหกในสิบส่วน
ต้นทุนการสร้างเรือนกระจกก็ไม่ต่ำเช่นกัน ตอนแรกลงทุนไปเกือบสองหมื่นตำลึง
แล้วยังมีค่าเสียหายต่างๆ ค่าฟืนและถ่านหินก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ
แต่ถ้าผ่านไปสองวัน น่าจะคืนทุนทั้งหมดได้ วันที่สามเริ่มทำกำไรเท่าไหร่ก็เท่านั้น
ธุรกิจหลักจริงๆ คือการขายเหล้า
และธุรกิจเหล้านี้จะทำได้เฉพาะที่ไห่ตี้เหลาเท่านั้น
“ดี ทุกคนลำบากกันมากแล้ว คืนนี้ให้นำเงินไปเก็บในคลัง และต้องเพิ่มการลาดตระเวน ห้ามประมาทเด็ดขาด!”
“ขอรับ คุณชาย!”
คนในตระกูลฉินต่างมีขวัญกำลังใจสูง แม้ว่าคุณชายจะให้พวกเขาแค่ส่วนแบ่งจากการขายผัก แต่ก็ยังถือว่าไม่น้อยเลย แม้ไม่ให้พวกเขาก็ไม่ว่าอะไร เพราะยิ่งตระกูลมั่งคั่ง พวกเขาก็ยิ่งอยู่สุขสบาย
แต่สิ่งที่ฉินโม่คิดคือจะทำอย่างไรให้เพิ่มรายได้มากขึ้น
เพราะไห่ตี้เหลาเขายังต้องแบ่งเงินให้หลี่เยว่และฮ่องเต้ นี่คือพื้นฐานที่จะช่วยให้เขายกเลิกงานแต่งงานกับหลี่อวี้ซู่
ในขณะเดียวกัน ที่คฤหาสน์จ้าวกว๋อกง
กงซุนชงและพรรคพวกสามคนกำลังวางแผน
“น่าขายหน้านัก! เจ้าโง่ฉินดันปลูกผักออกมาได้จริงๆ!”
กงซุนชงโกรธจัด ภายในวันเดียว ชื่อเสียง “กงซุนหมวกเขียว” ก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง
นี่มันคือความอับอายของเขาโดยแท้
เปียวเม่ยที่เขาหลงรักถูกฉินโม่แย่งไป ส่วนหญิงสาวที่บิดาของเขาจัดหามาให้ก็เป็นคนรักของหลี่เยว่อีก
เขารู้สึกว่าฉินโม่เกิดมาเพื่อขัดแย้งกับเขา ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับฉินโม่ ไม่เคยมีเรื่องดีเลย!
โหวหยงที่ดื่มเหล้าเต็มที่ก็กล่าวออกมาด้วยความคลั่งแค้น “เจ้าโง่ฉินทำให้ข้าอับอายต่อหน้าชิงเหอจวิ้นจู่ ข้าไม่มีหน้าไปพบหน้านางอีกต่อไป!”
“เจ้าโง่ฉินปลูกผักนอกฤดูได้ นี่มันขัดต่อคำสอนของนักปราชญ์ และขัดต่อหลักธรรมของสวรรค์!”
ตู้โหยวเว่ยพูดด้วยความโกรธ “เราต้องหยุดเขา!”
กงซุนชงหรี่ตาลง “ข้าได้ยินมาว่าไห่ตี้เหลาของตระกูลฉินขายเหล้า นี่มันความผิดร้ายแรง เจ้าคิดว่าถ้าฝ่าบาทรู้เรื่องนี้ เขาจะปกป้องฉินโม่หรือว่า...”
“ความคิดดีมาก!”
ทั้งสองคนดวงตาสว่างวาบ “ยิ่งไปกว่านั้น เราต้องแย่งชิงวิธีปลูกผักของเจ้าโง่ฉินมาให้ได้ ถ้าเรามอบให้กับไท่จื่อ นั่นจะเป็นผลงานชิ้นใหญ่!”
“ถูกต้องที่สุด!”
ทั้งสามคนร่วมวางแผนกัน ไม่นานข่าวลือก็เริ่มแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง "เจ้าโง่ฉินทำผิดกฎหมายของแผ่นดิน แอบหมักเหล้า นี่เป็นความผิดร้ายแรง!"
"ผิดร้ายแรงอะไร? เจ้าโง่ฉินเป็นถึงบุตรชายของฉินกว๋อกงและเป็นเขยของฝ่าบาท ฝ่าบาทและฮองเฮาต่างก็โปรดปรานเขา เรื่องเล็กน้อยแค่นี้คงมากสุดก็แค่โดนเรียกไปด่านิดหน่อย แล้วจะทำอะไรได้อีก?"
"ฮ่องเต้ทำผิดโทษเท่าสามัญ ในเมื่อขุนนางทำผิดจะไม่ถูกลงโทษได้อย่างไร!"
"ข้าได้ยินมาว่า ผักที่ปลูกออกมาผิดฤดูกาลนี้ ถ้ากินมากเกินไปอาจจะเกิดอันตราย เพราะมันฝืนกฎธรรมชาติ กินแล้วจะโดนฟ้าดินจะลงโทษ!"
"จะเป็นไปได้หรือ?"
"เรื่องแบบนี้ เชื่อไว้ดีกว่าไม่เชื่อ!"
……………..