62 - สาบานเป็นพี่น้อง
62 - สาบานเป็นพี่น้อง
“ร้อนจังเลย พี่ชาย ข้างนอกอากาศหนาว แต่ทำไมในบ้านถึงร้อนขนาดนี้?”
“อร่อยจัง ผักนี้สดมาก ไม่ใช่ของที่เก็บไว้แน่นอน!”
“น้ำจิ้มนี่ก็สุดยอด!”
“แล้วก็เหล้าซานเล่อเจียงนี้แม้แต่เหล้าองุ่นจากนอกด่านก็ไม่สามารถเทียบได้!”
ทุกคนถอดเสื้อออกมากินกันอย่างเอร็ดอร่อย เหงื่อท่วมตัวกันถ้วนหน้า พลางร้องออกมาว่าฟินสุดๆ
“พี่ชาย วันหลังพวกข้ามากินข้าวที่นี่ทุกวันได้ไหม?”
เฉิงต้าเป่าเกาศีรษะ “อาหารบ้านเจ้านี่หอมเหลือเกิน พอมองกลับไปที่บ้านของข้าก็รู้สึกว่าอาหารทั้งหมดไม่ต่างอะไรจากอาหารสุกร!”
เฉิงเสี่ยวเป่าที่ปากเต็มไปด้วยอาหารก็พูดเสริมขึ้น “ใช่แล้ว พี่ฉินโม่ ข้ากับพี่ชายยินยอมเป็นลูกน้องเจ้า หลังจากนี้พวกเราจะมากินข้าวที่ร้านเจ้าทุกวัน!”
ฉินโม่หัวเราะออกมา เจ้าโง่เฉิงทั้งสองพี่น้องเป็นคนโง่เขลาอย่างแท้จริง
“อยากเป็นลูกน้องข้าใช่ไหม? ก็ได้! ข้าจะเลี้ยงเหล้าเลี้ยงเนื้อเจ้า แต่มีข้อแม้อย่างหนึ่งที่เจ้าต้องเตรียมใจไว้!”
“ต้องเตรียมใจอะไรหรือ?” ทุกคนหันมามองฉินโม่พร้อมกัน
“เรื่องดีให้ข้ารับ ส่วนเรื่องแย่พวกเจ้าต้องรับเอา!”
“ไม่ใช่ว่ามีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้านหรือ?” หลี่หยงเมิ่งกระดกเหล้าซานเล่อเจียงแล้วเรอออกมา “พี่ชาย เจ้าเปลี่ยนไป! เมื่อก่อนเจ้าไม่เป็นแบบนี้!”
“เลิกพูดไร้สาระกันเถอะ พวกเจ้ารู้ไหมว่าอาหารโต๊ะนี้ราคาเท่าไหร่?” ฉินโม่ถาม
“เท่าไหร่ล่ะ?” เฉิงเสี่ยวเป่าตอบ “ก็ไม่น่าจะเกินสิบตำลึงใช่ไหม?”
“ไม่กี่สิบตำลึงก็คิดจะกินข้าวที่ไห่ตี้เหลาอย่างนั้นหรือ พวกเจ้ากำลังฝันกลางวันอยู่?”
ฉินโม่พูดตรงๆ “ที่นี่ผักหนึ่งต้นราคาสองตำลึงเงิน หนึ่งจานอาหารราคาตั้งแต่สิบถึงหนึ่งร้อยตำลึง ส่วนเหล้าซานเล่อเจียงนี้ เป็นสินค้าพิเศษจากไห่ตี้เหลา หนึ่งชั่งของซานเล่อเจียงราคาอยู่ที่ห้าตำลึง ส่วนที่นี่ข้าขายห้าสิบตำลึง พวกเจ้าคนละครึ่งชั่ง คิดเป็นเงินทั้งหมดสี่ร้อยกว่าตำลึงเงิน”
คำนวณคร่าวๆ ก็ต้องหนึ่งพันสองร้อยตำลึงเงิน ข้าจะลดให้เพราะสนิทกัน คิดให้พวกเจ้าหนึ่งพันสองร้อยตำลึงถ้วนก็แล้วกัน!”
ทุกคนตะลึงไปหมด “พี่ชาย นี่เจ้าโหดไปไหม แค่กินข้าวมื้อเดียวก็หนึ่งพันสองร้อยตำลึงเงินแล้ว ทำไมเจ้าไม่ไปปล้นบ้านเราเลย?”
“ใช่ เจ้าไม่เห็นใจพวกเราเลย!”
พวกเขาพูดโวยวายขึ้นมาทันที
“ไม่ใช่อาหารแพงเกินไป แต่พวกเจ้าต่างหากที่จนเกินไป! พวกเจ้ามีโอกาสได้เป็นน้องชายข้า แต่ถ้าพวกเจ้ากินแล้วไม่จ่ายเงินก็ไสหัวไปให้พ้นอย่ามาหาข้าอีก!”
ฉินโม่หัวเราะ “อาหารที่ข้าทำนี้หาที่อื่นไม่มี ที่พวกเจ้าได้กินก็เพราะเป็นน้องชายของข้า อาหารเหล่านี้แม้กระทั่งฝ่าบาทและฮองเฮายังชมไม่หยุด พวกเจ้าคิดเอาแต่ได้เกินไปแล้ว”
พวกเขามองหน้ากันและเกาหัว
เหมือนจะจริงอย่างที่เขาว่า
“ถ้าเรายอมรับเจ้าเป็นพี่ใหญ่ เราก็จะได้มากินเปล่าๆโดยไม่จ่ายเงินทุกวันได้ใช่ไหม?”
“มากสุดก็สามวันได้กินครั้งหนึ่ง มากกว่านั้นไม่มีให้!”
ฉินโม่พูดเสียงเข้ม “มื้อหนึ่งราคาเป็นพันตำลึงเงิน ถ้าให้พวกเจ้ากินสิบมื้อต่อเดือน ก็ต้องใช้เงินกว่าหมื่นตำลึง พวกเจ้ารู้ไหมว่าตัวเองโชคดีขนาดไหน!”
“พี่ชาย เจ้าใจดีจริงๆ!”
เฉิงเสี่ยวเป่าคุกเข่าลงคำนับทันที “พี่ใหญ่โปรดรับการคำนับจากน้องชายคนนี้ด้วย!”
เขากับเฉิงต้าเป่าเคยสู้กับฉินโม่มาตั้งแต่เด็ก ทั้งสองคนไม่เคยชนะฉินโม่เลยสักครั้ง ในใจจึงแอบยกย่องฉินโม่อยู่ลึกๆ
“แล้วพวกเจ้า?” ฉินโม่หันไปมองเฉิงต้าเป่าและหลี่หยงเมิ่ง
“ให้ข้าคำนับเจ้าก็ไม่ใช่เรื่องยากนะ แต่เวลาที่ไม่มีใครอยู่ เจ้าก็เป็นพี่ข้า แต่เวลามีคนอยู่ ข้าต้องเป็นพี่เจ้า!” เฉิงต้าเป่ามีอายุมากกว่าฉินโม่ หากให้เขาเป็นน้องชายต่อหน้าผู้คนเขารู้สึกไม่ยินยอมอยู่บ้าง
“ไปตายซะ!”
ฉินโม่ดึงตัวเฉิงต้าเป่าออกไป “เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ พี่ก็คือพี่ ไม่ว่ามีใครอยู่หรือไม่ก็ต้องเป็นพี่ ดูอย่างเสี่ยวเป่าสิ หลังจากนี้เขามาที่นี่จะได้กินเหล้าซานเล่อเจียงเปล่าๆ แต่สำหรับเจ้าลืมไปได้เลย!”
“ขอบคุณพี่ใหญ่!”
เฉิงเสี่ยวเป่าดีใจอย่างมาก เขารีบคำนับขอบคุณฉินโม่ทันที
เหล้าซานเล่อเจียงนี้รสชาติยอดเยี่ยมมาก ถ้าได้กินทุกวันคงเป็นความสุขอย่างยิ่ง
เฉิงต้าเป่าที่ดื่มเหล้ามากไปตอนนี้หน้าแดงก่ำ หัวก็เริ่มมึน เมื่อเห็นฉินโม่ไล่ตัวเองออกจากร้าน เขารีบจับประตูไว้ “พี่ชาย ข้าคำนับเจ้าเป็นพี่ใหญ่แล้ว ได้โปรดอย่าไล่ข้าไป!”
ฉินโม่หัวเราะหึหึ แล้วปล่อยเขาไป ลมเย็นข้างนอกพัดมาเฉิงต้าเป่าที่ถอดเสื้อทนไม่ไหวหนาวจนตัวสั่น เขารีบปิดประตูก้มลงคำนับด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความอับอาย “ข้าฉิงต้าเป่าขอน้อมรับฉินโม่เป็นพี่ใหญ่ มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน!”
หลี่หยงเมิ่งเป็นคนที่จริงใจอยู่แล้ว ตอนนี้เมื่อฤทธิ์แอลกอฮอล์ครอบงำเขาก็รีบคุกเข่าลงและกล่าวว่า “ไม่ขอเกิดวันเดียวกันเดือนเดียวกัน แต่ขอตายวันเดียวกันเดือนเดียวกัน นับแต่นี้ข้าหลี่หยงเมิ่งขอรับฉินโม่เป็นพี่ชาย!”
จากนั้นทุกคนก็หยิบมีดออกมาเตรียมจะกรีดนิ้วเพื่อดื่มเลือดสาบาน
ฉินโม่เป็นคนอนามัย ไม่มีทางที่เขาจะดื่มเลือดของผู้อื่นอย่างแน่นอนดังนั้นเขาจึงรีบห้ามทุกคนไว้
หลังจากดื่มเหล้ากันไปสักพัก พวกเขาทั้งหมดก็หันไปคำนับฉินโม่พร้อมกัน “พี่ใหญ่!”
“น้องสอง น้องสาม น้องสี่!”
หลี่หยงเมิ่งเป็นหลานชายของฮ่องเต้จึงเป็นน้องสอง เฉิงต้าเป่าเป็นน้องสาม ส่วนเฉิงเสี่ยวเป่าเป็นน้องสี่
เหตุผลที่ฉินโม่รับพวกเขาเข้ากลุ่มก็เพราะเขามีแผนของตัวเอง
คนเก่งก็ต้องการพวกพ้อง เขาไม่ได้มุ่งหวังจะเข้าสู่ราชสำนัก แต่ไหนเลยจะพาตัวออกห่างจากราชสำนักได้ ดังนั้นเขาต้องมีพี่น้องที่แข็งแกร่งคอยช่วยเหลืออยู่ภายในราชสำนักด้วย
ผักและเหล้าสำหรับเขาแล้ว ต้นทุนต่ำมาก แค่ใช้ของเหล่านี้ก็ดึงบุตรชายขุนนางผู้ทรงอำนาจมาเป็นพวกได้ ฉินโม่รู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง
“เอาล่ะ ดื่มกันต่อ!”
หลังจากดื่มไปครึ่งชั่วยาม สามคนก็เมาหลับไปหมด
ฉินโม่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว และเรียกหยางหลิวเกินมา “ไปแจ้งที่จวนเอ้อกว๋อกงและจวนเฉิงจวิ้นอ๋องว่า พวกเขาจะนอนที่นี่คืนนี้!”
“ขอรับ คุณชาย!”
ฉินโม่ก็ดื่มเหล้าไปไม่น้อย ตอนนี้จึงมีอาการมึนเมาอย่างมาก เขาสั่งให้คนเตรียมน้ำชาแก้เมา พอดื่มลงไปแล้วก็รู้สึกดีขึ้นมาก
“ยังยุ่งอยู่หรือ?”
“ตอนนี้เพิ่งรับแขกคนที่แปดสิบเอง ยังเหลืออีกยี่สิบคน”
“ทางเจ้าของบ้านเช้าได้ส่งอาหารกับเหล้าไปให้แล้วหรือยัง?”
“ส่งไปแล้ว ที่นั่นยังให้ของตอบแทนกลับมาด้วย!”
“อะไรหรือ?”
“เป็นหยกยู่อี่หนึ่งชิ้น!”
“ฮ่าๆๆ เศรษฐีนีคนนี้ช่างมีเงินเหลือเฟือจริงๆ!”
ฉินโม่หัวเราะออกมา “ข้าจะไปพักก่อน พอรับแขกครบทุกคนแล้วค่อยมาปลุกข้า”
“ขอรับ คุณชาย!”
…………..