61 - เพื่อนที่ดี
61 - เพื่อนที่ดี
คนที่เคยหัวเราะเยาะฉินโม่ คิดจะเห็นเขาล้มเหลว ตอนนี้กลับพูดอะไรไม่ออกกันหมด
กลับกลายเป็นพวกเขาแต่ละคนกลืนน้ำลายลงคอ
พวกเขาไม่ได้กินผักมานานแล้ว ตอนนี้ถ้าได้สักคำก็คงดีไม่น้อย!
“นี่เป็นไปไม่ได้ เจ้าเอาผักพวกนี้มาจากไหนมากมายขนาดนี้!”
กงซุนชงตะโกนออกมาอย่างคุ้มคลั่ง
“นี่ต้องเป็นของที่เก็บไว้ในหลุมแน่ๆ!”
ตู้โหยวเว่ยตาแดงขึ้นมา
“ของที่เก็บไว้ของเจ้ามันจะสดขนาดนี้ได้หรือ? ของที่เก็บไว้สองเดือนแล้วไม่เน่ามีด้วยหรือ?”
ฉินโม่ถ่มน้ำลายออกมา “แพ้ก็ยอมรับ ไม่ต้องหาเรื่องข้ออ้างมากมาย ผักของข้าสามารถส่งมาได้เรื่อยๆ และรับประกันว่าเป็นผักที่เก็บจากไร่ใหม่ๆ ทุกวัน”
ฉินโม่ใช้โอกาสนี้โปรโมตธุรกิจ “วันนี้ที่ร้านไห่ตี้เหลามีผักให้ไม่จำกัด แต่จำกัดจำนวนคน รับเพียงหนึ่งร้อยคนเท่านั้น ผักหมดเมื่อไหร่ก็จบการขาย พรุ่งนี้เริ่มจำกัดเวลาและจำนวนในการให้บริการผักแต่ละคน!”
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นก็รีบพูดขึ้นทันที “ฉินโม่ ข้าอยากกิน!”
“ข้าก็อยากกิน!”
ทุกคนตะโกนขึ้นมา
ฉินโม่ยกมือขึ้นบอกให้เงียบ “ไม่ต้องรีบร้อน ทำธุรกิจจะปฏิเสธลูกค้าได้อย่างไรล่ะ แต่ก่อนอื่นให้พวกเขาสามคนทำตามคำสัญญาก่อน!”
สายตาทุกคนหันไปมองกงซุนชงและคนอื่นๆ หลี่จิ้งหยาถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว
นางเกือบจะเดิมพันกับฉินโม่เมื่อสักครู่แล้ว โชคดีที่ไม่ได้ทำ ไม่อย่างนั้นคงอับอายแย่
หลี่หยงเมิ่งเองก็คาดไม่ถึงว่าฉินโม่จะปลูกผักได้จริงๆ ตอนนี้ยิ้มกว้างออกมา “กงซุนหมวกเขียว ท้องเจ็บ ลิงน้อย เจ้าไม่คิดจะตุกติกใช่ไหม?”
กลุ่มขุนนางชั้นสูงไม่ได้สามัคคีกันเท่าไหร่ แต่ละกลุ่มต่างมีพวกพ้องของตัวเอง ลูกหลานคุณนางที่อยู่ด้านหลังก็เช่นกัน
ดังนั้นกลุ่มคนที่อยู่รอบๆ จึงเริ่มส่งเสียงกดดันทั้งสามให้ยอมรับความพ่ายแพ้
เฉิงต้าเป่าก็ช่วยเพิ่มความยุ่งยากเข้าไปอีก “จะว่าไปชื่อที่พี่น้องของข้าตั้งให้ยังยอดเยี่ยมมากกว่าชื่อที่บิดาของเจ้าตั้งให้ด้วยซ้ำ”
ผู้คนที่มุงอยู่ไม่กลั้นหัวเราะไม่ไหว เสียงหัวเราะจริงดังลั่นระงมไปทุกทิศทาง
ทั้งสามคนโกรธจนตัวสั่น แต่คนมากมายจับตามอง ถ้าพวกเขาไม่ทำตามสัญญาก็คงกลายเป็นตัวตลกของทั้งเมืองหลวง
แต่ถ้าทำตามก็เสียหน้าเหมือนกัน!
“ข้า...ข้า...”
โหวหยงรู้สึกว่าเขาอับอายขายหน้าแล้ว เขาหันไปมองดูชิงเหอจวิ้นจู่ พบว่าสายตาที่นางมองตนไม่เหมือนเดิม เขากัดฟันกรอด “ข้าโหวหยงยอมรับความพ่ายแพ้ ตั้งแต่วันนี้ไปถ้ามีที่ไหนมีฉินโม่อยู่ ข้าจะเลี่ยงทางไปทางอื่น!”
พูดจบเขาก็เดินออกไปอย่างเงียบๆ โดยไม่สนใจชิงเหอจวิ้นจู่อีกต่อไป
เขาคิดได้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรบิดาก็ไม่ให้ตนอยู่กับชิงเหอจวิ้นจู่อยู่ดี ดังนั้นควรรีบจบความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายให้เร็วที่สุด
เมื่อโหวหยงเดินออกไป กงซุนชงก็ถูกกดดันหนักขึ้นทันที “ข้า...ข้ายอมแพ้ แต่ข้าก็ยังไม่เชื่อว่านายจะปลูกผักได้จริงๆ ข้าจะต้องเปิดโปงเจ้าให้ได้!”
พูดจบเขาก็วิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เหลือแค่ตู้โหยวเว่ย เขาหน้าแดงก่ำ ริมฝีปากสั่นและตัวสั่น จู่ๆ เขาก็หมดสติไปด้วยความอับอาย!
ฉินโม่สบถออกมา “เฮ้ย พวกเจ้า พาเจ้าท้องเจ็บไปส่งที่จวนกว๋อกงด้วย!”
“ขอรับ คุณชาย!”
บ่าวรับใช้สองคนจากตระกูลฉินเดินออกมา ลากตู้โหยวเว่ยออกไปอย่างโหดร้าย
“และเจ้าด้วย แม่สาวไฟแรง!”
ฉินโม่หัวเราะหึหึ เดินเข้ามาใกล้จนทำให้หลี่จิ้งหยาถอยหลังหลายก้าวด้วยความกลัว “ฉินโม่ ข้าไม่ได้เดิมพันกับเจ้านะ!”
“ข้ารู้ดีอยู่แล้ว!”
ฉินโม่มองใบหน้าอิ่มเอิบของหลี่จิ้งหยาที่มีแก้มนุ่มนิ่ม เขายื่นมือออกไปบีบแก้มของนางเบาๆ
ในชั่วพริบตานั้น แก้มนุ่มของหลี่จิ้งหยาเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีแดงทันที
ผู้คนรอบข้างต่างตะลึงกับสิ่งที่เห็น
สวรรค์ ช่างกล้าจริงๆ
ฉินโม่กล้าหยิกแก้มชิงเหอจวิ้นจู่ต่อหน้าผู้คน?
ต้องรู้ไว้ว่าชิงเหอจวิ้นจู่เป็นหญิงสูงศักดิ์ ส่วนฉินโม่ที่เป็นถึงสามีขององค์หญิงจิ่นหยาง นางยังต้องเรียกฉินโม่ว่า “พี่เขย” ด้วยซ้ำ!
“เอาล่ะ คราวหน้าอย่าไปยุ่งกับพวกนั้นอีกเลย ไม่มีอนาคตหรอก!”
หลังจากที่ฉินโม่หยอกล้อจนพอใจเขาก็หันไปพูดคุยกับผู้คนที่อยู่รอบข้าง
หลี่จิ้งหยาทั้งอับอายและโกรธ น้ำตาเอ่อคลอในตา นางกัดริมฝีปากแน่นด้วยความโกรธและกระทืบเท้าก่อนจะร้องไห้และวิ่งหนีไป
นางไม่มีหน้าเหลือแล้ว การที่นางถูกฉินโม่หยิกแก้มต่อหน้าผู้คน ชื่อเสียงของนางก็ถูกทำลายจนหมดสิ้น แล้วนางจะใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้อย่างไร!
ฉินโม่เห็นนางวิ่งหนีไปก็ไม่ใส่ใจอะไร
เฉิงต้าเป่าและคนอื่นๆ มองหน้ากันและพูดพร้อมกันว่า “พี่ชาย เจ้าไปก่อเรื่องใหญ่แล้ว!”
“ก่อเรื่องอะไรกัน ไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้าหยิกแก้มนาง เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น!”
ฉินโม่ไม่สนใจและโบกมืออย่างไม่แยแส
อะไรนะ?
ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาหยิกแก้มชิงเหอจวิ้นจู่?
ใบหน้าของหญิงสาวใช่สิ่งที่จะหยิกเล่นได้ง่ายๆ หรือ?
แถมเจ้ายังมีภรรยาอยู่แล้วด้วย!
“ทุกท่าน ตอนนี้ถึงเวลารับบัตรคิวแล้ว กรุณาเข้าคิวให้เรียบร้อย คนที่ได้บัตรคิวก็เข้าไปข้างใน ส่วนที่เกินหนึ่งร้อยคนรอพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่!”
ฉินโม่หลีกทาง ผู้คนมองหน้ากันแล้วก็กรูเข้าไปข้างใน
พวกเขาไม่ได้กินผักมานานมากแล้ว
นอกจากนี้พวกเขายังอยากลองชิมดูว่าหม้อไฟ ผัดผัก ที่ฮ่องเต้และฮองเฮายกย่องกันนักนั้นมีรสชาติเป็นอย่างไร
บรรยากาศในสถานที่นั้นคึกคักมาก
ฉินโม่พยักหน้าด้วยความพอใจ และก้าวเดินเข้าไปข้างใน
เฉิงต้าเป่าและพรรคพวกรีบตามเข้ามา “พี่ชาย พวกข้าดูแลเจ้าอย่างดีมาตลอด เจ้าไม่จัดโต๊ะให้พวกเราสักโต๊ะหรือ?”
“อยากกินผักล่ะสิ?” ฉินโม่ถาม
พวกเขาพยักหน้ารัวๆ
“อยากกินน่ะง่าย ข้าเห็นแก่พวกเจ้าที่ดูแลข้าอย่างดี ข้าจะทำลายกฎยอมให้พวกเจ้าแทรกคิว แต่กินเสร็จแล้วต้องจ่ายเงิน!” ฉินโม่กล่าว
“พี่ชาย เจ้านี่ขี้เหนียวจริงๆ!”
“ใช่เลย พวกเราไม่สู้กันสักรอบล่ะ ถ้าเจ้าชนะพวกเราจ่าย ถ้าเจ้าแพ้ เจ้าก็เลี้ยงพวกเราสิ!”
“กินอาหารต้องจ่ายเงิน เป็นเรื่องธรรมดา ใครโง่จะไปสู้กับพวกเจ้าล่ะ!”
ฉินโม่สะบัดเสื้อคลุม มือทั้งสองไพล่หลังแล้วเดินเข้าไปข้างใน
สุดท้ายฉินโม่ก็จัดโต๊ะเลี้ยงให้พวกเขาจนได้
เพราะท้ายที่สุดแล้วคนเหล่านี้เป็นสหายกลุ่มเดียวของเขา แม้พวกเขาจะซุ่มซ่ามไปหน่อย แต่ในยามสำคัญพวกเขาก็เป็นคนที่ไว้ใจได้จริงๆ
เป็นเพื่อนที่ดี!
……………..