ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 285 มหาจักรพรรดิเฟิงตูแห่งยมโลก
ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 285 มหาจักรพรรดิเฟิงตูแห่งยมโลก
ทันใดนั้น เบื้องหน้าจี๋อวิ๋นก็ถูกปกคลุมด้วยแสงสว่างอันไร้ขอบเขต
แต่เขากลับไม่สนใจ ภายในดวงตามีเพียงความตื่นเต้น จ้องมองไปยังใจกลางของแสงสว่าง
เห็นเพียงเงาร่างสูงใหญ่สีดำสนิทปรากฏขึ้น
สวมชุดจักรพรรดิ สวมมงกุฎ เทพ พลังอำนาจสูงส่ง น่าเกรงขาม
ยืนอยู่ตรงนั้น ราวกับเป็นผู้ปกครองฟ้าดิน ผู้กำหนดชีวิตและความตาย!
"หุ่นเชิดมหาจักรพรรดิเฟิงตู!"
จี๋อวิ๋นรู้สึกทั้งตื่นเต้นและดีใจจนแทบจะร้องตะโกนออกมา
ในเวลาเดียวกัน ภายในสมองของเขาก็ปรากฏข้อมูลมากมายเกี่ยวกับหุ่นเชิดตนนี้!
มหาจักรพรรดิเฟิงตู หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า มหาจักรพรรดิเฟิงตูแห่งทิศเหนือ
เป็นเทพสูงสุดผู้ปกครองยมโลก เจ้าแห่งยมโลก เป็นใหญ่เหนือภูตผีทั้งปวง!
กล่าวโดยง่าย บนสวรรค์และใต้พิภพ สามภพหกภูมิ ภูตผีทั้งหมดล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา!
"ไม่คิดเลยว่าหลังจากสุ่มได้หุ่นเชิดมหาจักรพรรดิจื่อเว่ยแล้ว จะสุ่มได้หุ่นเชิดมหาจักรพรรดิเฟิงตูอีก!"
จี๋อวิ๋นพยายามสงบสติอารมณ์ กล่าวกับตัวเอง
จากการสัมผัสของเขา หุ่นเชิดมหาจักรพรรดิเฟิงตูผู้นี้ มีพลังรบเทียบเท่าหุ่นเชิดมหาจักรพรรดิจื่อเว่ย
เป็นถึง… ระดับราชันเซียนเหนือหล้า!
"เยี่ยม! กำลังรบของหุ่นเชิดใต้บังคับบัญชาของข้าแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว!"
จี๋อวิ๋นพยายามอดกลั้นที่จะอัญเชิญหุ่นเชิดมหาจักรพรรดิเฟิงตูผู้นี้ออกมา
จากนั้นจึงทำการสุ่มต่อ
หุ่นเชิดที่ได้รับในครั้งต่อ ๆ มา แม้ว่าจะไม่มียอดฝีมือเช่นมหาจักรพรรดิเฟิงตู
แต่ก็ไม่ใช่เศษขยะทั้งหมด มีบางอย่างที่น่าสนใจ
เป็นหุ่นเชิดระดับกึ่งราชันเซียนสองตน
ทั้งสองมาจากนิกายพุทธ คนหนึ่งคือพระอักโษภยพุทธะแห่งทิศตะวันออก หนึ่งในห้าพระพุทธเจ้า อีกคนหนึ่งคือพระสังกัจจายน์ หนึ่งในสามพระพุทธเจ้าโบราณ
เรื่องนี้ทำให้จี๋อวิ๋นรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย หรือว่านี่เป็นลางบอกเหตุ
ขุมอำนาจต่อไปที่เขาต้องให้ความสนใจ คือนิกายพุทธหรือ!
"ไม่เลวเช่นกัน ถึงเวลานั้น ข้าจะให้วังสวรรค์ นิกายพุทธ และยมโลกต่อสู้กัน เพื่ออุ่นเครื่อง"
จี๋อวิ๋นกล่าวในใจ
จากนั้นเขาก็สะบัดความคิดนี้ออกไป
รีบเคลื่อนย้ายไปยังโลกภายในม้วนภาพขุนเขาและท้องทะเล
อัญเชิญหุ่นเชิดมหาจักรพรรดิเฟิงตูออกมาโดยไม่ลังเล
"ตู้ม!"
เช่นเดียวกับตอนที่อัญเชิญมหาจักรพรรดิจื่อเว่ย โลกภายในม้วนภาพขุนเขาและท้องทะเล ถูกปกคลุมด้วยนิมิตอันน่าอัศจรรย์มากมาย
มิใช่ดวงดาวนับไม่ถ้วน แต่เป็นฟ้าดินที่หยุดนิ่ง จากนั้นก็สูญเสียสีสัน
สุดท้าย เหลือเพียงสีขาวและสีดำ!
ราวกับโลกกำลังจะแตกสลาย กาลเวลากำลังจะพังทลาย น่ากลัวยิ่งนัก
และท่ามกลางนิมิตอันไร้ขอบเขต มหาจักรพรรดิเฟิงตูก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างช้า ๆ
สามภพหกภูมิ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ภูตผีทั้งหมดล้วนเป็นข้ารับใช้ของข้า!
เพียงความคิดเดียว ข้าก็สามารถกำหนดชีวิตและความตาย สร้างทุกสิ่ง ทำลายทุกสิ่ง!
นี่คือสิ่งที่จี๋อวิ๋นสัมผัสได้ เมื่อเห็นหุ่นเชิดมหาจักรพรรดิเฟิงตู
"เป็นยอดฝีมือที่น่าเกรงขามอีกคนหนึ่ง"
ในใจของจี๋อวิ๋นมีความรู้สึกเช่นนี้
จากนั้นเขาก็อัญเชิญหุ่นเชิดมหาจักรพรรดิจื่อเว่ยมายังที่แห่งนี้
มองดูหุ่นเชิดทั้งสองที่ยืนอยู่ข้างกาย ใบหน้าของจี๋อวิ๋นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ในเวลาเดียวกัน ภายในใจของเขาก็กำลังคิด
"หุ่นเชิดระดับราชันเซียนเหนือหล้าสองตน ยิ่งไปกว่านั้นพลังรบยังเหนือกว่าระดับราชันเซียนเหนือหล้าทั่วไป"
"หากบวกกับม้วนภาพขุนเขาและท้องทะเล แม้แต่กึ่งจักรพรรดิเซียนจากโลกต่างภพก็มิอาจต้านทานได้…………"
ก่อนหน้านี้ จี๋อวิ๋นค่อนข้างกังวล หากกึ่งจักรพรรดิเซียนจากโลกต่างภพลงมืออย่างรุนแรง
เพียงแค่หุ่นเชิดมหาจักรพรรดิจื่อเว่ยและม้วนภาพขุนเขาและท้องทะเล คงไม่สามารถต้านทานได้
นี่จึงเป็นเหตุผลที่จี๋อวิ๋นไม่สังหารราชันเซียนจากโลกต่างภพ แต่สังหารเพียงผู้ที่อยู่ต่ำกว่าระดับราชันเซียน
สาเหตุหนึ่งก็คือ ราชันเซียนนั้นแข็งแกร่ง สาเหตุที่สองก็คือเขากลัวว่าจะทำให้กึ่งจักรพรรดิเซียนผู้นั้นรู้ตัว
แต่ตอนนี้ ความกังวลเหล่านั้นหายไปจนหมดสิ้น
"พอดีเลย ยอดฝีมือที่อยู่ต่ำกว่าระดับราชันเซียนจากโลกต่างภพ แทบจะถูกกำจัดจนหมดสิ้น ถึงเวลาจัดการกับราชันเซียนแล้ว"
จี๋อวิ๋นกล่าวเบา ๆ
ชั่วพริบตาถัดมา เขาก็ควบคุมหุ่นเชิดมหาจักรพรรดิจื่อเว่ยและมหาจักรพรรดิเฟิงตูหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ในเวลาเดียวกัน ณ เมืองโบราณแห่งหนึ่งในโลกต่างภพ
ราชันเซียนแก่นแท้ที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ภายในโถงใหญ่ ทันใดนั้นสีหน้าก็พลันเปลี่ยนไป
เพราะเขาได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือจากปักษิณสวรรค์
"หรือว่าจะเป็นคนจากวังสวรรค์หรือนรกที่ลงมือ?"
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ราชันเซียนแก่นแท้ก็รีบออกจากเมืองโบราณ
ทะลวงผ่านความว่างเปล่า ไปยังสถานที่ที่ได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่รอคอยเขาอยู่ มิใช่ปักษิณสวรรค์ แต่เป็นร่างเงาอันยิ่งใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยแสงสลัว
………
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจอันน่าสะพรึงกลัวที่ทำให้เขาแทบหายใจไม่ออก
ราชันเซียนแก่นแท้ไม่ลังเลที่จะหันหลังกลับ ฉีกกระชากความว่างเปล่า หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าตนเองถูกหลอก
แต่ในขณะที่เขาเพิ่งฉีกกระชากความว่างเปล่า ฝ่ามือขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
ฝ่ามือนั้นราวกับมีหมื่นโลกาอยู่ภายใน ปกคลุมเขาไว้ในชั่วพริบตา
ถูกปราบปรามโดยสมบูรณ์ ไม่อาจต่อต้านได้!
"คนแรก"
จี๋อวิ๋นควบคุมหุ่นเชิดมหาจักรพรรดิเฟิงตูเอ่ยวาจาออกมา จากนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
เช่นนี้เอง
จี๋อวิ๋นจึงใช้วิธีการเดิม หลอกล่อราชันเซียนจากโลกต่างภพออกมา โดยใช้จี้หยกขอความช่วยเหลือที่เขาได้รับจากผู้บำเพ็ญจากโลกต่างภพ
จากนั้น หุ่นเชิดมหาจักรพรรดิจื่อเว่ยหรือหุ่นเชิดมหาจักรพรรดิเฟิงตูจะลงมือ ปราบปรามพวกเขาอย่างง่ายดาย
บวกกับสมบัติวิญญาณแต่กำเนิดที่ปิดบังกลไกสวรรค์ แผนการนี้จึงสมบูรณ์แบบ
"ตอนนี้ข้าได้ปราบปรามราชันเซียนจากโลกต่างภพสิบสองคนแล้ว เป็นราชันเซียนสามัญเก้าคน ราชันเซียนไร้เทียมทานสามคน"
จี๋อวิ๋นกล่าวกับตัวเองในใจ
"จัดการกับยอดฝีมือระดับราชันเซียนเหนือหล้าอีกหนึ่งคน ก็เพียงพอแล้ว"
จี๋อวิ๋นไม่ได้คิดจะสังหารราชันเซียนทั้งหมด มิเช่นนั้น โลกต่างภพคงต้องคลุ้มคลั่ง
ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ ยังมิอาจทำลายล้างโลกต่างภพได้
ดังนั้น ตอนนี้เขาจึงเลือกที่จะข่มขู่ ไม่สังหารมากเกินไป
รอจนกว่าเขาจะสุ่มได้หุ่นเชิดที่แข็งแกร่งกว่านี้ จึงค่อยทำลายล้างโลกต่างภพ
จากนั้นจี๋อวิ๋นจึงควบคุมหุ่นเชิดมหาจักรพรรดิจื่อเว่ยและมหาจักรพรรดิเฟิงตู ทะลวงผ่านความว่างเปล่าไปพร้อม ๆ กัน
ในเวลาเดียวกัน ณ บริเวณรอยต่อระหว่างโลกต่างภพกับโลกเซียน
เหนือความว่างเปล่า
บุรุษรูปงามผู้หนึ่งที่มีบุคลิกสง่างามและเย็นชา ยืนตระหง่านอยู่ ณ ที่แห่งนั้น
เป็นทายาทของผู้อาวุโสโบราณจากโลกต่างภพที่ถูกมหาจักรพรรดิจื่อเว่ยสังหาร
เขามีนามว่า ราชันเซียนหมื่นโบราณ เป็นถึงระดับราชันเซียนเหนือหล้าแห่งโลกต่างภพ
นับตั้งแต่ที่เขาล่วงรู้ว่ามหาจักรพรรดิจื่อเว่ยผู้สังหารบิดาของเขายังคงมีชีวิตอยู่
เขาจึงออกตามหามหาจักรพรรดิจื่อเว่ยทุกวันทุกคืน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะมีพลังอำนาจเหนือกว่าทุกคน มองเห็นอดีต ปัจจุบัน และอนาคตได้
แต่เขาก็ไม่พบร่องรอยใด ๆ เกี่ยวกับมหาจักรพรรดิจื่อเว่ยและวังสวรรค์
ราวกับว่าพวกเขาไม่เคยมีตัวตนอยู่ในโลกนี้
“มหาจักรพรรดิจื่อเว่ย ข้าจะตามหาเจ้า แม้จะอยู่บนสวรรค์หรือใต้พิภพ!”
“ข้าจะสังหารเจ้า ตัดศีรษะของเจ้า มอบเป็นเครื่องสังเวยให้กับบิดา!”
เสียงที่เต็มไปด้วยจิตสังหารของราชันเซียนหมื่นโบราณ ดังก้องไปทั่วฟ้าดิน
แต่ในเวลานั้น เสียงสงบและแผ่วเบาดังขึ้น
“ไม่จำเป็น ข้ามาแล้ว”