บทที่ 856 : คุโรซึมิ ทามะและเนกิกะไนท์
[\แปลโดยแฟนเพจ ยักษาแปร\มาติดตามในแฟนเพจ\เพื่อติดตามข่าวสารได้นะ\]
[\Thai-novel \ลงไวกว่าที่อื่น\ทุกที่ 5 ตอน\แต่จะราคาแพงที่สุด\]
[\หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง จะแก้ไขแบบเทียบคำต่อคำให้ตรงตามหลักไวยากรณ์ อ่านแบบเทียบภาษาต้นฉบับคำต่อคำ ซึ่งถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ\100คน\ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ซึ่งถ้ารู้ว่าหลุดจากที่ไหนก็จะไม่แก้ไขตรงเว็บนั้นครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบเวอร์ชั่นแรกไปนะครับ\]
บทที่ 856 : คุโรซึมิ ทามะและเนกิกะไนท์
ณ คุกแห่งนี้ ซึ่งเป็นที่คุมขังเหล่าโจรสลัด สิทธิมนุษยชนเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง บาบานูกิจึงต้องจัดการปราบพยศนักโทษหัวรั้นที่คิดจะแหกคุก แม้ว่าแจ็คตั้งใจจะดึงตัวเขามาร่วมทีมก็ตาม
ตราบใดที่เขายังไม่ยอมเข้าร่วม การลงโทษของบาบานูกิก็ถือว่าสมเหตุสมผล
"เอาสิ พวกแกจะทำอะไรฉันได้!"
"ฉันจำได้ว่าแกค่อนข้างรักสะอาด"
บาบานูกิไม่ได้เลือกใช้การลงโทษทางร่างกาย เขาเองก็เคยเป็นโจรสลัดหน้าใหม่มาก่อน รู้ดีว่าคนที่ขึ้นมาเป็นซูเปอร์โนว่า ได้ ล้วนไม่ยอมก้มหัวให้กับการลงโทษทางกาย การใช้กำลังบังคับเพียงอย่างเดียวไม่อาจทำให้พวกเขายอมจำนนได้
อย่างอิมเพลดาวน์ของกองทัพเรือ นักโทษที่เข้าไปจะต้องผ่านการชำระล้างด้วยน้ำเดือด หากเป็นคนทั่วไปคงตายตั้งแต่ขั้นตอนนี้แล้ว
แต่เหล่าอสูรกายที่ถูกส่งตัวไปขังยัง เลเวล 6 ล้วนผ่านด่านนั้นมาได้อย่างไม่สะทกสะท้าน คาเวนดิชเองก็เช่นกัน การเฆี่ยนตีหรือการลงโทษทางร่างกายใดๆล้วนไร้ผลกับเขา
"แก...แกจะทำอะไร...?"
"บทลงโทษของวันนี้คือ ทำความสะอาดห้องน้ำทั้งหมดในเหมืองหิน ถ้ายังกล้าก่อเรื่องอีก ฉันจะให้ทำด้วยมือเปล่า"
คาเวนดิชถึงกับหน้าซีดเผือดเมื่อได้ยินคำพูดของบาบานูกิ นี่มันทรมานยิ่งกว่าการฆ่าเขาเสียอีก
แต่นั่นแหละคือสิ่งที่บาบานูกิต้องการ บังคับให้คาเวนดิชเผชิญหน้ากับสิ่งที่เขากลัวและเกลียดที่สุด นี่คือบทลงโทษสำหรับนักโทษที่ทำผิดในเหมืองหินแห่งนี้
"ไดฟุกุ นายคุมเขาให้ทำงานให้เสร็จด้วย"
"เอ่อ...พี่บาบานูกิ เรื่องนี้...เปลี่ยนคนอื่นได้ไหมครับ?"
"พี่แจ็คบอกว่าหมอนี่ค่อนข้างยุ่งยาก ฉันไว้ใจคนอื่นไม่ได้"
"ก็ได้...นี่ ไอ้หนู! รีบๆเข้า!"
ในฐานะผู้คุม ไดฟุกุต้องเข้าไปในสภาพแวดล้อมเดียวกับคาเวนดิช มันทำให้เขาอารมณ์เสียจึงแสดงท่าทางหงุดหงิด ส่วน บาบานูกิก็หยิบโทรโข่งขึ้นมาประกาศเตือนเหล่านักโทษคนอื่นๆอย่าได้คิดหาเรื่องใส่ตัว
ขณะที่เหมืองหินอุด้งกำลังเตรียมการ กลุ่มคนพิเศษกลุ่มหนึ่งก็เดินทางมาถึง
ส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุราวๆห้าหกขวบ พร้อมกับเป็ดสีขาวจำนวนมาก บางตัวมีพัฒนาการที่ดี ตัวสูงกว่าเด็กๆเสียอีก
เป็ดเหล่านี้ไม่ใช่เป็ดธรรมดา แต่เป็นร่างวิวัฒนาการของคาโมเนกิร่างกาลาร์นั่นคือเนกิกะไนท์
เนื่องจากน้ำหนักของต้นหอม ทำให้คาโมเนกิร่างกาลาร์มีร่างวิวัฒนาการพิเศษเกิดขึ้นจากการฝึกฝน
นอกจากสีขนที่ต่างกันแล้ว รูปร่างของเนกิกะไนท์ก็คล้ายกับคาโมเนกิ สัญลักษณ์ V บนหน้าผากมีขนาดใหญ่ขึ้น ในมือไม่ได้ถือแค่ต้นหอมต้นเดียว แต่เป็นดาบและโล่ที่ประกอบขึ้นจากต้นหอมและใบหอม
เช่นเดียวกับตอนที่เป็นคาโมเนกิ ต้นหอมนี้เป็นทั้งอาหารและอาวุธ
ฝูงคาโมเนกิเมื่อผ่านการต่อสู้กันอย่างต่อเนื่อง ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็จะวิวัฒนาการ พวกมันมีนิสัยสุขุมเยือกเย็น ยึดมั่นในการต่อสู้ที่ยุติธรรม จึงทำหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันเด็กๆเหล่านี้
ไม่มีใครรับประกันได้ว่านักโทษจะไม่คลุ้มคลั่ง พวกเขาจึงต้องจัดหาผู้คุ้มกันไว้ก่อน
เหตุผลที่เลือกเนกิกะไนท์แทนที่จะเป็นมนุษย์ ก็เพื่อให้พวกเด็กๆได้ทำความรู้จักกับโปเกมอนมากขึ้น และคุ้นเคยกับกระแสใหม่ของวาโนะคุนิ
กิจกรรมแบบนี้จัดขึ้นปีละหลายครั้ง แต่ละครั้งมีคนเข้าร่วมไม่มากนัก เด็กๆเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจาก เมืองหลวงดอกไม้ และหลายคนมีนามสกุลว่าคุโรซึมิ
นับตั้งแต่คุโรซึมิ โอโรจิ ปู่ของคุโรซึมิ ทามะ ก่อกบฏ ตระกูลหลักของคุโรซึมิก็ถูกกำจัด แต่ตระกูลสาขายังคงอยู่ โดยเฉพาะเด็กๆเหล่านี้ นอกจากนามสกุลแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลหลักของโอโรจิเลย
แต่หลังจากโอเด้งเสียชีวิต ครอบครัวของพวกเขาก็ได้รับผลกระทบ เพื่อความอยู่รอด พวกเขาจึงยอมสวามิภักดิ์ต่อไคโดก่อนใคร และส่วนใหญ่ได้เข้ารับราชการเป็นข้ารับใช้ในเมืองหลวงดอกไม้
เด็กหญิงผมสีม่วงที่ยืนอยู่แถวหน้าคือ คุโรซึมิ ทามะ
ในช่วงเวลาเดิม พ่อแม่ของเธอทำงานหนักจนเสียชีวิตในโรงงานที่วาโนะคุนิ เธอจึงต้องขายหมวกฟางหาเลี้ยงชีพ
กล่าวได้ว่า โอโรจิไม่เคยเห็นคนเหล่านี้เป็นญาติพี่น้องเลย ทุกสิ่งทุกอย่างในวาโนะคุนิล้วนเป็นเป้าหมายในการแก้แค้นของเขา
แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว ถึงแม้วาโนะคุนิจะยังมีโรงงานอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น พ่อแม่ของทามะทำงานในพระราชวังที่เมืองหลวงแห่งดอกไม้ ครอบครัวของเธอก็มีความสุข
ถึงแม้จะอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ แต่เธอก็ได้เข้าร่วมกิจกรรมนี้
...
"เตียงหินนี่คือที่นอนของพวกเรา เพราะงั้นทุกคนต้องเชื่อฟัง ตั้งใจเรียน ห้ามทำเรื่องไม่ดี ไม่งั้นก็ต้องมานอนบนเตียงหินแข็งๆแบบนี้ แล้วก็ทำงานหนักทุกวันเหมือนพวกเรา
นี่คือบทลงโทษสำหรับคนที่ทำผิด เห็นมั้ย ตรงนั้นยังมีคนโดนลงโทษที่หนักกว่านี้อีก"
เด็กๆคงไม่เข้าใจหากอธิบายอะไรที่ซับซ้อนเกินไป ตัวแทนที่ได้รับเลือกจึงใช้วิธีการสอนแบบตรงไปตรงมาตามที่คิงแนะนำ
กว่าจะได้โอกาสนี้มา เขาจึงต้องระมัดระวังคำพูด แถมยังมีเนกิไนท์ยืนคุมอยู่รอบๆ ถึงจะดูไม่น่ากลัวเท่าอิชิตสึบุเตะ โปเกมอนหิน แต่ใบหอมที่แวววาวก็น่าเกรงขามไม่น้อย
คนที่ได้รับเลือกเป็นตัวแทนล้วนเป็นผู้ที่ทำความผิดไม่ร้ายแรง และสำนึกผิดแล้วจริงๆ พวกที่ไม่สำนึกผิดไม่มีทางได้โอกาสนี้
"นี่เป็นของขวัญเล็กๆน้อยๆ ขอให้พวกพี่ปรับปรุงตัว แล้วกลับบ้านเร็วๆนะคะ"
พวกเขายังนำของขวัญเล็กๆน้อยๆมาด้วย แต่เป็นเพียงการ์ดอวยพร อย่างมากก็มีขนม ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่อนุญาตให้นำมาให้ได้ อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังเป็นนักโทษ มาที่นี่เพื่อรับโทษ ไม่ใช่มาพักผ่อน
ทามะใจดีกับพวกเขามาก เป็นเพราะนิสัยของเธอเป็นแบบนี้ แม้สภาพแวดล้อมที่เติบโตจะเปลี่ยนไป แต่ความใจดีของเธอก็ไม่เปลี่ยนแปลง
เพียงแต่ตอนนี้พ่อแม่ของเธอยังอยู่และไม่ได้พบกับเอส เป้าหมายของเธอจึงไม่ใช่การเป็นนินจาสาวสวย แต่เป็นหัวหน้าสาวใช้ในวัง
ตามช่วงเวลาเดิม ตอนนี้เธอคงได้กินผลปีศาจทานุกิไปแล้ว
ถึงผลปีศาจนี้จะไม่มีพลังพิเศษอะไร แต่สามารถควบคุมสัตว์ได้ แม้แต่ผลปีศาจที่ยังไม่สมบูรณ์ของซีซาร์ก็ได้รับผลกระทบจากพลังของเธอ เป็นสาเหตุที่ทำให้กองทัพกิฟเตอร์สก่อกบฏในช่วงเวลาเดิม
แต่ตอนนี้ ผลปีศาจนั่นถูกเก็บไว้ในโกดังของกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูร เนื่องจากนโยบายของไคโด ผลปีศาจรูปร่างแปลกๆ สามารถนำไปแลกเป็นรางวัลมหาศาลได้ แค่หาเจอผลเดียวก็รวยได้เลย เหมือนถูกหวย
ดังนั้นเมื่อเธอค้นพบผลปีศาจแปลกๆนั่น เธอก็นำไปมอบให้ไคโดทันที
จากนั้นพวกเขาก็เห็นคาเวนดิชที่กำลังถูกลงโทษ
ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา ทำให้เด็กหลายคนมองด้วยความสงสาร ราวกับจะบอกว่าพี่ชายหล่อๆแบบนี้เป็นคนไม่ดีเหรอเนี่ย ซึ่งยิ่งทำให้คาเวนดิชบอบช้ำหนักกว่าเดิม